Wednesday, May 6, 2009

เด้งสังเวยม็อบแดง! พ่อเมืองชล

เพื่อนเนวินขยับได้ดี ปูทางกลุ่ม16กลับมาผงาด ปชป.วางตัวรับมือเลือกตั้ง รัฐบาลร่วมหยุดทำร้ายไทย

สั่งเด้ง "สุรพล" ผู้ว่าฯชลบุรี เซ่นม็อบเสื้อแดงป่วนการประชุมอาเซียนซัมมิท แต่ยังเส้นแข็งย้ายไปแค่ฉะเชิงเทรา เตะผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา กระเด็นไปเป็นผู้ว่าฯน่านแล้วดัน “เสนีย์” ผู้ว่าฯศรีสะเกษ เด็ก “เน วิน” มานั่งผู้ว่าฯชลบุรีแทน ขณะที่ ส.ส.เพื่อไทยจวกยับย้าย “สุรพล” ยิ่งกว่าแพะ ต่อไปข้าราชการอย่าทำตามคำสั่งรัฐมนตรี แต่ให้ทำตามกฎหมาย ลือหึ่งผู้ว่าฯ แพร่ ถูกเด้งเป็นนักปกครอง เพราะ ปชป.ปูทางเตรียมพื้นที่เลือกตั้งให้ “แม่เลี้ยงติ๊ก” ทำให้ “อภิสิทธิ์” ถึงกับถาม มท.1 กลางที่ประชุม ครม.ถึงเหตุผลเด้ง ผู้ว่าฯ “ชวรัตน์” แจงเพื่อความเหมาะสม และศักย ภาพการทำงาน ด้านม็อบเสื้อแดง รวมตัวลาน พระบรมรูปฯ เคลื่อนมายื่นหนังสือที่ทำเนียบฯ จี้ให้เปิดดีสเตชั่น ส่วนแท็กซี่สุวรรณภูมิแตกกลุ่มเข้าพบนายกฯ อ้างไม่เกี่ยวกับแท็กซี่เสื้อแดงที่ยุ่งเกี่ยวการเมือง ขณะที่ทำเนียบรัฐบาลสั่งเพิ่มกำลังดูแลกว่าครึ่งพัน “สาทิตย์” สอบสัญญาณแทรก ไทยพีบีเอส ขณะถ่ายทอดงานวันฉัตร มงคล ด้าน ผอ.สสท. แจง เจ้าหน้าที่เทคนิคผิดพลาด สั่งพักงานแล้ว ส่วนเครือข่าย “หยุด ทำร้ายประเทศไทย” มอบเสื้อนายกฯ ครม.คึกคัก ร่วมรณรงค์ด้วย

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังจากที่กลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้าในวันนี้ ประกอบกับจะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษด้วย ทางทำเนียบรัฐบาลจึงได้เพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัย โดยเพิ่มกำลังทหารเข้ามาประจำการอยู่ภายในตึกสันติไมตรี ประมาณ 400 นาย จากเดิมที่มีอยู่จำนวนน้อยมาก และยังเพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามจลาจล (ปจ.) ในชุดพร้อมปฏิบัติการ เข้ามาด้วยอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการประสานทางตำรวจดับเพลิงให้นำรถดับเพลิงประมาณ 4-5 คัน มาจอดอยู่บริเวณโดย รอบทำเนียบฯด้วยเช่นกัน

“สุเทพ” เร่งสร้างสังคมสงบสุข

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุม ครม.ว่า ตนต้องขอแสดงความชื่นชมกับประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ที่ได้ออกมาร่วมงานวันฉัตร มงคลอย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความรักสามัคคีของคนไทย และเป็นภาพลักษณ์ที่ดีที่ปรากฏออกไปสู่สายตาชาวโลก

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 7 พ.ค.นี้ ตนจะพูดเรื่องนี้ในที่ประชุมผู้ว่าฯทั่วประเทศ ว่าเราต้องสร้างสังคมที่สงบสุข กิจกรรม ทั้งหลายที่จังหวัดต่าง ๆ จะใช้งบบูรณาการ ต้องเผื่อไว้สำหรับจัดกิจกรรมที่จะสร้างความสงบสุขในชุมชน หมู่บ้าน ตำบล และจังหวัดต่าง ๆ ให้เป็นจังหวัดที่ปลอดความรุนแรง แก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี เราต้องปลูกฝังและส่งเสริมกันทั้งประเทศ และในวันนี้ ตนจะเสนอ ครม.เพื่อตั้งคณะกรรมการเตรียมการจัดงานวันแม่ในเดือน ส.ค. และวันพ่อในเดือน ธ.ค. ไว้ล่วงหน้าด้วย เพื่อให้การจัดงานสมบูรณ์ขึ้น

ส่วนการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีอะไร ตนไม่ได้ประเมิน และไม่ได้สั่งการให้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาทำตามปกติของเขา ส่วนที่มีกำลัง ตชด. เข้ามาดูแลความปลอดภัยในทำเนียบฯนั้น ก็ถือเป็นเรื่องปกติที่มีหน้าที่ต้องดูแล แต่ไม่ได้มีจำนวนมากอะไร

“สาทิตย์” สอบสัญญาณแทรก

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีสัญญาณรบกวนระหว่างช่วงที่มีการถ่ายทอดการจัดงานวัน ฉัตรมงคลทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ว่า ไม่ทราบว่าเป็นการจงใจก่อกวนจริงหรือไม่ แต่หลายฝ่ายก็ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเรื่องบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ ตนได้คุยกับทางผู้รับผิดชอบแล้ว ทราบว่าจะมี การตั้งกรรมการขึ้นมาสอบกันในวันนี้ คงต้องให้เป็นเรื่องภายในที่ทางสถานีเขาสอบสวนกันก่อนว่าความผิดพลาดเกิดจาก ที่ใด เบื้องต้นเท่าที่สอบถามทราบว่า เป็นช่วงของการติดต่อกันระหว่างทางสถานีที่กรุงเทพฯ กับต่างจังหวัด เพียงแต่มีการนำเข้ามาโพสต์กันในเว็บไซต์มาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้สอบถามตนมาเมื่อเช้า อย่างไรก็ตามเรื่องนี้คงต้องดูว่าเกิดขึ้นเพราะความจงใจหรือไม่ ถ้าจงใจใครเป็นผู้กระทำ และมีจุดมุ่งหมายอะไร เพราะงานวันฉัตรมงคลถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ถ้าเป็นความผิดพลาดก็ต้องอธิบายให้ได้

อ้างไม่มีอำนาจปิด“ดีสเตชั่น”

นายสาทิตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงเพื่อทวงคืนดีสเตชั่นว่า สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ความจริงรัฐบาลไม่มีอำนาจไปปิดหรือเปิดสถานีดาวเทียมได้ หากจะเปิดก็มี ขั้นตอนอยู่แล้ว เพราะมีองค์กรที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะแต่ประเด็นคือ ถ้าเปิดแล้วเนื้อหาจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็ต้องมีความรับผิดชอบตรงจุดนี้ ส่วนที่มีการกล่าวหาว่ามีทหารไปปิดกั้น ข่มขู่ไม่ให้มีการชุมนุมของคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดนั้น ตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่านโยบายของรัฐบาลไม่มีการไปห้ามการชุมนุมเคลื่อนไหวที่อยู่ภาย ใต้กรอบ รัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม

มอบเสื้อ“หยุดทำร้ายประเทศฯ”

ต่อมาเวลา 08.50 น. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตัวแทนเครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรง นำโดย นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการสมาคมนักข่าวฯ นายจีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง อนุกรรมการสิทธิเสรีภาพสมาคม นักข่าวฯ พร้อมตัวแทนสื่อมวลชน ร่วมรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย ด้วยการสวมเสื้อ “หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรง” และได้มอบเสื้อที่มีข้อความดังกล่าวให้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและครอบครัว 4 ตัว ทั้งนี้นายกฯได้กล่าวขอบคุณก่อนจะชูเสื้อข้อความหยุดทำร้ายประเทศไทยให้ช่าง ภาพบันทึกภาพ พร้อมแสดงความสนับสนุนการรณรงค์ และรับปากว่า จะร่วมสวมเสื้อรณรงค์ในการแถลงข่าวผลการประชุม ครม.ด้วยตัวเองในวันเดียวกันนี้

ครม.หนุนหยุดทำร้ายประเทศ

นอกจากนี้ บรรดา ครม. คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และข้าราชการการเมืองคนอื่น ๆ ต่างให้ความสนใจช่วยบริจาค ด้วยการซื้อเสื้อหยุดทำร้ายประเทศไทยกันอย่างคึกคัก อาทิ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกฯ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย นายกรณ์ จาติกวณิช รมว. คลัง นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วิทยาศาสตร์ นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน รวมถึง นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ที่มาทำหน้าที่เชิญชวนบรรดา ครม. ให้ร่วมรณรงค์ด้วยตัวเอง และรับปากจะให้ทีม โฆษกทุกคนสวมเสื้อรณรงค์แถลงข่าวประชุม ครม.อีกด้วย โดย ครม.หลายคนแสดงความเห็นด้วยกับการรณรงค์ และรับปากจะร่วมสวมเสื้อรณรงค์ด้วยตัวเองอีกด้วย

แท็กซี่สุวรรณภูมิพบนายกฯ

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 14.00 น. นายศรายุทธ บุญนำรัตน์ นายกสมาคมผู้ขับรถแท็กซี่ท่าอากาศยานไทยสุวรรณภูมิ พร้อมด้วยตัวแทนผู้ขับรถแท็กซี่ประมาณ 15 คน เข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้กำลังใจให้นายกฯทำงานต่อไป พร้อมกับขอชี้แจงและขอความเป็นธรรม กรณีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ว่า สมาคมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือให้การสนับสนุนในการชุมนุมทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น แม้ที่ผ่านมาจะมีแกนนำของผู้ขับรถแท็กซี่ ใช้แท็กซี่เป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ และนำแท็กซี่เข้าสู่การเมือง ทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย แต่ก็เป็นการกระทำของผู้ขับรถแท็กซี่ส่วนน้อยเท่านั้น นอกจากนี้อยากให้รัฐบาลเข้าไปดูแลความเป็นอยู่ของผู้ขับขี่รถแท็กซี่ในสนาม บินสุวรรณภูมิ ที่ประสบปัญหาเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะบริเวณลานจอดรถที่อากาศร้อนอบอ้าว จนล่าสุดมีผู้ขับรถแท็กซี่เสียชีวิตเพราะร้อนตายไป 1 คน

ด้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า รัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลือ โดยขอให้ทางสมาคมฯ เสนอข้อเรียกร้องมาให้ชัดเจน ล่าสุดรัฐบาลได้พยายามเข้าไปดูแลโดยจะให้กลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่มีส่วนร่วม ในโครงการประกันสังคมด้วย

เสื้อแดงจี้รัฐเปิด“ดีสเตชั่น”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มแนวร่วมประชา ธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) คนเสื้อแดงได้รวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ตั้งแต่ในช่วงสายวันนี้ และต่อมาเวลา 12.30 น.จึงได้เคลื่อนตัวมาที่ถนนพิษณุโลก หน้าทำเนียบรัฐบาล นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข พร้อมด้วยตัวแทนสมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดง ได้เข้ายื่นหนังสือถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผ่านทาง นายนัที เปรมรัศมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดสองมาตรฐาน หยุดคุกคามสื่อมวลชน หยุดโกหกบิดเบือน เนื่องจากในช่วงที่รัฐบาลออก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการสั่งการให้ปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดีสเตชั่น และสถานีวิทยุชุมชนหลายแห่ง ในวันที่ 13 เม.ย. นอกจากนั้นยังได้ออกหมายจับแกนนำคนเสื้อแดงจำนวนมาก หากรัฐบาลยังยืนกรานที่จะปิดสถานีดีสเตชั่น และวิทยุชุมชนต่อไปก็เท่ากับว่ารัฐบาลกำลังทำตัวเป็นเผด็จการทรราช ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม ไม่มีความเสมอภาคในสังคม สร้างความขัดแย้งแตกแยก รัฐบาลคือต้นเหตุแห่งความรุนแรง ถือว่าเป็นการทำร้ายประเทศไทย

อย่างไรก็ตามในการยื่นหนังสือของกลุ่ม นปช.ครั้งนี้ได้มีการแสดงละคร ด้วยการแต่งกาย คล้ายทหารและสวมหน้ากากรูปหน้านายอภิสิทธิ์ทำการทุบโทรทัศน์ รวมทั้งได้กระจายกำลังปิดถนนพิษณุโลก ตั้งแต่สี่แยกมิสกวันจนถึงเชิง สะพานชมัยมรุเชษฐ แต่เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมยื่นหนังสือเป็นที่เรียบร้อยก็ได้สลายตัวและประกาศ ว่าจะรวมตัวกันที่สนามหลวง

ผอ.สสท.แจงช่างเทคนิคพลาด

ต่อมาในช่วงบ่าย นายเทพชัย หย่อง ผอ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (สสท.) ได้ชี้แจงกรณีความผิดพลาดในการออกอากาศ ระหว่างการถ่ายทอดสดงานสโมสรสันนิบาต เนื่องในวันฉัตรมงคล เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าสู่ปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2553 ว่า ฝ่ายบริหารของ สสท.ได้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว พบว่าเป็นความผิดพลาดในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เทคนิค ซึ่งควบคุมการออกอากาศ จึงมีคำสั่งลงโทษเบื้องต้นด้วยการให้พักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องระหว่าง การสอบสวน เพื่อพิจารณาลงโทษและจะแจ้งให้สาธารณชนได้ทราบโดยเร็ว และขอยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากเจตนา

ปลัด มท.เสนอเด้งผู้ว่าฯชลบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เสนอรายชื่อข้าราชการระดับ 10 ที่กระทรวงมหาดไทย ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณามี ดังนี้ 1.นายวีรวิทย์ วิวัฒนวานิช พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ น่าน 2.นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ ชลบุรี ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา 3.นายเสนีย์ จิตตเกษม พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ชลบุรี 4.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ น่าน ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมการปกครอง 5.นายระพี ผ่องบุพกิจ รองผู้ว่าฯ อุทัยธานี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ 6.ว่าที่ร.ต.พงษ์ศักดิ์ พลายเวช พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ แพร่ ให้ดำรงตำแหน่งนักปกครอง 10 กระทรวงมหาดไทย 7.นายวัลลภ พริ้งพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ แพร่

เซ่นประชุมอาเซียนซัมมิทล่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบัญชีแต่ง ตั้งโยกย้ายครั้งนี้รายชื่อที่น่าสนใจคือ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ดั้งเดิมเป็นคนชลบุรี สำเร็จการศึกษารัฐศาสตร์จุฬาฯ ซึ่งเป็นสิงห์ดำ เกษียณราชการในปี 2557 เป็นรุ่นน้องร่วมสถาบัน นายวิชัย ส่วนนายสุรพลนั้นสำเร็จการศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสิงห์แดง เกษียณราชการปี 2555 ซึ่งในอดีตเคยเป็นข้าราชการระดับ 10 ในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าฯอำนาจเจริญ, ผู้ว่าฯสระ แก้ว ทั้งนี้การโยกย้ายดังกล่าว เพราะฝ่ายการเมืองทั้งนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ รวมถึง นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่พอใจผลการปฏิบัติงานที่ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงบุกเข้าประชิดถึงรถยนต์ประจำ ตำแหน่ง และเกือบถึงตัวนายอภิสิทธิ์ได้หลังการประชุม ครม.สัญจรที่พัทยาเมื่อ ต้นเดือน เม.ย. นอกจากนี้ยังไม่เป็นที่พอใจ เพราะ มีความผิดพลาดในการประสานงานกับฝ่ายทหาร และฝ่ายปกครอง ในการควบคุมดูแลสถานการณ์ในช่วงการประชุมอาเซียนซัมมิท อีกทั้งแกนนำรัฐบาลไม่ไว้ใจนายสุรพล เพราะเข้าออกบ้านเมืองทองธานีของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชบ่อยครั้ง ทำให้ฝ่ายการเมืองคิดว่าเกียร์ว่าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จึงเป็นโอกาสที่ นายเนวิน ต้องการผลักดัน นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าฯศรีสะเกษ ที่เป็นสายตรงย้ายมาคุมพื้นที่ จ.ชลบุรี ตามคำร้องขอจาก นายสนธยา คุณปลื้ม อดีต “กลุ่ม 16” ของนายเนวินที่เตรียมนำทีมย้ายมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย โดยนายสนธยาและนายเนวินต้องการส่งคนของตัวเองไปเป็นผู้ว่าฯชลบุรี เพื่อเป็นผลดีต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคต

เผยเด้งเพราะม็อบเสื้อแดง

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผวจ.ชลบุรี ที่ถูกย้ายไปเป็น ผวจ. ฉะเชิงเทรา แทนนายวีรวิทย์ วิวัฒนวานิช ผวจ. ฉะเชิงเทราเดิมนั้น เนื่องจากกรณีที่ไม่สามารถควบคุมม็อบเสื้อแดงที่พัทยาได้ ซึ่งบรรดาตำรวจระดับสูงที่จังหวัดก็ถูกย้ายไปแล้ว จึงต้องย้าย ผวจ. ให้ ผวจ.จังหวัดอื่น ๆ ได้เห็นเป็นตัวอย่าง แต่เนื่องจากนายสุรพลมีความสนิทสนมกับทั้ง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช จึงทำให้นายสุรพลสามารถเลือกจังหวัดที่จะไปลงได้เอง โดยนายสุรพลขอที่จะถูกย้ายไป จ.ฉะเชิงเทราแทน ทำให้นายวีรวิทย์ซึ่งจะเหลืออายุราชการอีกเพียง 1 ปี ต้องถูกย้ายไปอยู่ จ.น่าน ขณะที่ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ศรีสะเกษ ที่ได้ย้ายมาอยู่ จ.ชลบุรีนั้น ถือเป็นคนสนิทของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย

ย้าย ผวจ.แพร่ ปูทางเลือกตั้ง

ส่วนการย้ายนอกฤดูกาลครั้งนี้ที่น่าสนใจอีกตำแหน่ง คือ ว่าที่ร.ต.พงษ์ศักดิ์ พลายเวช ซึ่งเป็นสิงห์แดง เกษียณราชการในปี 2553 พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ให้ดำรงตำแหน่งนักปกครอง 10 กระทรวงมหาดไทย ซึ่งถือเป็นการลดชั้น สาเหตุคาดว่า เป็นเพราะฝ่ายการเมืองเห็นว่าที่ ร.ต.พงษ์ศักดิ์ขึ้นมารับตำแหน่งผู้ว่าฯแพร่ โดยขยับจากรองผู้ว่าฯประจวบคีรีขันธ์ในรัฐบาลพลังประชาชน ผนวกกับจังหวัดแพร่มีการแข่งขันอย่างรุนแรง ระหว่างพรรคเพื่อไทยคือ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต รมว.วัฒนธรรม กับ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีต ส.ส.แพร่ พรรคประชาธิปัตย์ และเริ่มมีสัญญาณว่า อาจมีการเลือกตั้ง เร็ว ๆ นี้ทำให้ นายสุเทพย้ายว่าที่ ร.ต.พงษ์ศักดิ์ ออกจากพื้นที่แล้วย้าย นายวัลลภ พริ้งพงษ์ จาก รองอธิบดี สถ. ซึ่งมีอาวุโสเพราะอยู่ในตำแหน่งมานาน ผนวกกับที่ผ่านมา นายวัลลภเป็นรองอธิบดี สถ.คนละขั้วกับนายสุกิจ เจริญรัตนกุล อดีตอธิบดี สถ.ที่ถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาด ไทย ทำให้แกนนำพรรคภูมิใจไทยต้องการผลักดันนายวัลลภไปนั่งเป็นผู้ว่าฯแพร่ตาม คำร้องขอจาก นายสุเทพและนางศิริวรรณ

ผวจ.น่านก็ใกล้ชิดอำนาจเก่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การย้ายผู้ว่าฯพื้นที่สีแดงออกจากพื้นที่อีกคน คือ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าฯ น่าน ซึ่งมีความใกล้ชิดกับแกนนำพรรคเพื่อไทย เช่น นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และนายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดน่านมีการชุมนุมของคนเสื้อแดงหลายครั้ง รวมถึงมีปัญหาเรื่องวิทยุชุมชน ทั้งนี้ในบรรดาคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลก็มีเสื้อแดงจาก จังหวัดน่านเข้ามาจำนวนมาก

สำหรับรายชื่อข้าราชการระดับ 9 นายระพี ผ่องบุพกิจ รองผู้ว่าฯอุทัยธานีนั้น น่าจะมาจากความเป็นเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกับ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงาน รมว. มหาดไทย จึงได้รับการเสนอแต่งตั้งไปเป็นผู้ว่าฯศรีสะเกษ ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่า ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยเป็นอย่างมาก

“อภิสิทธิ์” ถามเหตุผลกลาง ครม.

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุม ครม.ระหว่างที่มีการพิจารณาบัญชีรายชื่อโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สอบถาม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยว่าเหตุผลในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้คืออะไร เพราะถ้าสื่อมวลชนมาถามตน ตนจะได้ตอบได้ ซึ่งนายชวรัตน์ ได้ชี้แจงว่า เหตุผลของการโยกย้ายครั้งนี้ก็เพื่อ 1.เรื่องความเหมาะสม ซึ่งเมื่อนายชวรัตน์ตอบคำถามอย่างนี้ บรรดาครม.ต่างทำเสียงฮือขึ้นมา เพราะคาดหมายกันไว้อยู่แล้วว่าต้องตอบเช่นนี้ จากนั้นนายชวรัตน์ได้กล่าวต่อว่าเหตุผลที่ 2 คือเพื่อศักยภาพในการทำงาน เพราะบางคนก็เป็นรองผู้ว่าฯ แต่ได้ปรับให้มีตำแหน่ง

จวกผู้ว่าฯชลบุรียิ่งกว่า “แพะ”

นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ ครม.มีมติโยกย้าย 7 ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเฉพาะ นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผวจ.ชลบุรี ว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันกล้าใช้อำนาจในการโยกย้ายเพื่อให้พวกพ้องของตนเองมีอำนาจ มากขึ้น ต่อไปก็ขอให้ข้าราชการยืนหยัดทำงานตามกฎหมาย อย่าทำงานตามคำสั่งของรัฐมนตรี เพราะทุกวันนี้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าราชการต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด เมื่อมีปัญหาก็โยกย้าย ซึ่งไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหา แต่เป็นกระบวนการสร้างปัญหา ความจริงนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบเป็นคนแรกหากบริหารราชการแผ่นดินแล้วบ้าน เมืองมีปัญหามากขึ้น อย่างกรณีของ ผู้ว่าฯชลบุรี อยากถามว่าผู้ว่าฯชลบุรี กระทำผิดอะไร เพราะทั้ง ๆ ที่มีผู้ใหญ่ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี รวมทั้งกองกำลังไม่ทราบฝ่ายอยู่กันเต็มไปหมด แต่แก้ปัญหาไม่ได้ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกลับโยกย้ายผู้ว่าฯ ซึ่งยิ่งกว่าแพะรับบาป

“ประวิตร” ถกแผนรับมือม็อบ

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นประธานในการประชุมแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและวางแผนการรักษาความ ปลอดภัยการ ประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา และการประชุมที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการวางแผนรักษาความปลอดภัยในการ ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ จ.ภูเก็ต ระหว่าง 13-14 มิ.ย. โดยมีเหล่าทัพเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยว่า กองทัพอยู่ในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ส่วนตำรวจยังคงมีหน้าที่ในการรับผิดชอบอยู่ ทั้งนี้การรักษาความปลอดภัยจะให้กองทัพภาคที่ 1 เป็นหลักเพราะมีเครื่องมือในการปราบจลาจล และยังมีประสบการณ์ในปฏิบัติการต่อมวลชน รวมถึงกองทัพภาคที่ 4 โดยจำนวนคนที่จะปฏิบัติการในครั้งนี้จะใช้ตามความจำเป็น

“ขอยืนยันว่าทุกอย่างจะต้องใช้คำว่า 100% นอกจากนี้ที่เราได้มีการวางแผนกับ ทีมส่วนล่วงหน้าของผู้นำต่างประเทศแล้ว ในความคิดของผมถ้าไม่ทำ หรือทำไม่ได้ ตนคิดว่าประเทศไทยคงมีปัญหาในอนาคตอีกที่จะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม ต่าง ๆ” ผบ.ทบ. กล่าวและว่า ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยผู้นำของประเทศ ต่าง ๆ เรามีการพูดคุยกันว่า คงต้องจัดชุดเฉพาะของแต่ละประเทศเพื่อดูแลเช่น ให้ตำรวจรับผิดชอบ 1 ประเทศ กองทัพบก 1 ประเทศ กองทัพเรืออีก 1 ประเทศ ทั้งนี้ต้องดูในรายละเอียด และพูดคุยกันอีกครั้ง ส่วนการดูแลการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีนั้นได้ให้แม่ทัพภาคที่ 4 ใช้อำนาจของ กอ.รมน. ประสานในพื้นที่ เพื่อพูดคุยกับทางจังหวัด อบต. ชุมชน

“อนุพงษ์” ขู่ฟ้องโยงฆ่า “สนธิ”

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์กรณีเหตุลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ที่ระบุว่ามีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องว่า ทุกประเด็นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพ เราพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง เพื่อให้กระบวนการทางกฎหมายดำเนินการได้ หากตำรวจขอความร่วมมือใดมากองทัพพร้อมจะให้ความร่วมมือ หากไปถึงบุคคลใดก็ต้องถูกดำเนินคดี ส่วนการที่นายสนธิ ระบุมีทหารยศ จ.ส.อ. เป็นผู้ปฏิบัติการกองทัพตรวจ สอบอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตามหลัก การตำรวจจะทำเรื่องแจ้งมาว่าเป็นใคร ก็ต้อง ดำเนินการตามหลักการและมีวิธีการตามขั้นตอนสืบสวนสอบสวน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสนธิ พยายามผูกโยงว่า ท่านเกี่ยวข้องกับการสังหาร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ใครก็แล้วแต่ที่กล่าวหาผม ผมจะใช้สิทธิตามกฎหมาย หากท่านพูดท่านต้องรับผิดชอบ รวมทั้งสื่อหากเขาไม่ได้พูดแล้วสื่อนำเสนอก็ต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ หากไปโยงกับท่านอื่นผมพูดแล้วจะเป็นประเด็น อย่าเอาผมไปโยงกับใคร” เมื่อถามย้ำว่า เป็นการบีบให้ท่านหาคนผิดมาใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “หากสมมุติว่าผมทำได้ ก็ต้องทำ หากใครมีความผิดแล้ว ผมให้การสนับสนุนได้ก็ต้องเอามา หากผมไปจับส่งเดชไม่มีหลักฐานไม่มีอำนาจจะไปทำได้อย่างไร หากแจ้งมาก็ต้องสนับสนุนทุกอย่างในการหาคนผิดให้ได้” เมื่อถามว่า นายสนธิพยายามโยงเรื่องอำนาจใหม่ระหว่างกองทัพกับกลุ่มการเมือง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีแน่นอน ตนไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง

ประชุม กก.สลายการชุมนุม

ที่รัฐสภา มีการประชุมนอกรอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุม ทางการเมือง โดยมี นายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานคณะกรรมการฯ เป็นประธานใน ที่ประชุม โดยที่ประชุมได้วางกรอบการพิจารณาก่อนการประชุมนัดแรกที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 พ.ค.นี้ ภายหลังการประชุม นายสกลธี ภัททิยกุล ส.ส.กรุงเทพฯ พรรค ปชป. หนึ่งในคณะกรรม การ เปิดเผยว่า เป็นการประชุมเฉพาะ ประธาน รองประธาน และเลขานุการ โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมประชุมบางส่วน เพื่อหารือถึงกรอบการทำงานอย่างกว้าง โดยที่ประชุมเห็นว่า ควรมีการตั้งอนุกรรมการ 3 ชุด เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ ได้แก่ อนุกรรมการสอบเหตุการณ์หลักที่เป็นเหตุการณ์ใหญ่ ๆ เช่น คณะอนุกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์กลุ่มเสื้อแดงที่บุกที่ประชุม อาเซียนซัมมิท บวก 3 บวก 6 ที่พัทยา กลุ่มเสื้อแดงทุบรถนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาด ไทย และการปะทะกันของกลุ่มเสื้อแดงและชาวนางเลิ้งคณะอนุกรรมการรับข้อมูลข่าวสาร และข้อร้องเรียนจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ และอนุกรรมการสรุปข้อเท็จจริงเพื่อเสนอต่อรัฐสภา เบื้องต้นที่ประชุมกำหนดกรอบเวลาการทำงานภายใน 30 วัน ส่วนจะมีการเพิ่มเติมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการ ศึกษาเบื้องต้น

พบชาวบ้านเครียดการเมือง

นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองอธิบดีกรมสุขภาพ กล่าวภายหลังนำทีมสหวิชาชีพลงพื้นที่ติดตามภาวะสุขภาพจิตผู้ได้รับผลกระทบ จากวิกฤติการเมืองเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการรายงานภาวะสุขภาพจิตและการให้ความช่วย เหลือผู้ได้รับผลกระทบจนถึงปัจจุบัน โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตร่วมกับหน่วยงานบริการสาธารณสุขในเขต พื้นที่ ใน 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนแฟลตดินแดง ชุมชนเพชรบุรีตัดใหม่ ซอย 7 และชุมชนนางเลิ้ง พบว่า ประชาชนบางส่วนเกิดปัญหาสุขภาพจิตภายหลังเกิดเหตุการณ์ที่ต้องได้รับการดูแล ช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดและเร่งด่วน ทั้งนี้ จากการประเมินปัญหาประชาชนชุมชนแฟลตดินแดง จำนวน 507 ราย พบว่าส่วนใหญ่กลับสู่ภาวะปกติแต่ยังมีกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังและติดตาม อาการ 5 ราย ที่เสี่ยงเป็นโรคเครียดภายหลังประสบเหตุการณ์วิกฤติ ส่วนที่ชุมชนเพชรบุรีตัดใหม่ ซอย 7 จากผู้ประเมิน 31 รายพบว่าสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติแต่มีกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง 5 ราย ขณะที่ชุมชนนางเลิ้ง 65 ราย พบว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคเครียด 13 รายและคิดฆ่าตัวตาย 2 ราย

“ชวรัตน์”รับย้ายเพราะเสื้อแดง

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแต่งตั้งโยกย้าย ผวจ.ชลบุรี ที่ถูกมองว่า เป็นเพราะไม่สามารถควบคุมความเรียบร้อยของการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงได้ว่า ก็มีส่วน เพราะเขาเป็นผู้ว่าฯ และจะถามว่า เขาต้องแบ่งภาระรับผิดชอบคนเดียวหรือไม่นั้น ก็ไม่ใช่ แต่บังเอิญว่ามันเป็นคล้ายรูปแบบบริษัท ท่านเป็นซีอีโอของชลบุรี ก็ต้องมีความรับผิดชอบ เมื่อถามว่า คำสั่งโยกย้าย ได้มีการหารือกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของข้าราชการ กระทรวงมหาดไทยที่ดูเอง ถ้าพูดถึงความดีของท่านก็ยังมี จังหวัดชลบุรีก็ถือว่าเป็นจังหวัดที่เจริญมากแล้ว ก็อยากให้ท่านนำรูปแบบการพัฒนา จ.ชลบุรี ไปพัฒนาจังหวัดอื่น ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ถ้าท่านยังไม่เกษียณ ก็จะหาจังหวัดอื่นให้ท่านไปบูรณาการ

นายชวรัตน์กล่าวต่อว่า ส่วนการโยกย้าย ผวจ.แพร่ มาเป็นนักปกครองระดับ 10 นั้น และมีการเสนอข่าวว่า เป็นเพราะมีความขัดแย้งกับ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู จึงมีการร้องขอมานั้น ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของความเหมาะสมมากกว่า ส่วนที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีการย้ายผู้ว่าฯ เข้ามาเป็นนักปกครองเลยนั้น อย่าไปย่ำอยู่กับที่ ต้องมีการบูรณาการ ที่กระทรวงก็มีงานมาก แต่ยืนยันว่า ไม่มีความผิด ถึงได้ย้ายเข้ามา เมื่อถามว่า การย้ายครั้งนี้ ถือเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ที่ผู้ว่าฯไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เสื้อแดงได้ใช่หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า การย้ายเป็นหลักการทำงาน ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน คนที่ทำงานเช้าชามเย็นชาม บกพร่องต่อการทำงาน เราก็ต้อง เรียกมาตักเตือน.

No comments:

Post a Comment