Sunday, May 31, 2009

ปมขัดแย้งเช่ารถเมล์ "สุเทพ"ยันไม่แตกหักพรรคร่วม

คมชัดลึก : "สุเทพ" ยันไม่คิดแตกหักพรรคร่วม ชี้ขัดแย้งเช่ารถเมล์ 4 พันคันเรื่องธรรมดา ลั่นไม่มีเกี้ยเซียะการเมือง เรียกรัฐมนตรี ปชป.เคลียร์ใจ-เตือนลงพื้นที่ให้ระวังตัว ชี้คนไม่หวังดีจ้องป่วน ด้าน "ชวรัตน์" ปัดใช้โครงการเช่าที่ดินเป็นเครื่องมือแก้แค้น ปชป. "เพื่อไทย" โวยพรรคร่วมงาบบุฟเฟ่ต์คาบิเนต ซัดปมขัดแย้งแค่ละครตบตา



แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลออกมายืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล จากปัญหาโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คันของพรรคภูมิใจไทย กับโครงการให้เกษตรกรเช่าที่ดินทำกินในราคาถูก ที่เป็นนโยบายของรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ฝ่ายค้านมองว่าปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นแค่ละครตบตา

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย ในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล ว่า ขอยืนยันว่าจุดยืนของรัฐบาลนี้ ถ้าประชาชนและสื่อมวลชนเห็นว่ามีการทุจริตคอรัปชั่น หรือทำผิดกฎหมาย ก็ขอให้ส่งมาที่นายกรัฐมนตรีโดยตรง รับรองว่านายกฯ จะดำเนินการและจะจัดการทันที โดยไม่คำนึงว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเราจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เนื่องจากรู้ดีว่าประชาชนคาดหวังจากนายกฯ มาก แต่ถ้าไปจินตนาการเอาเองว่าจะเกิดเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้แล้วมาชวนให้เราทะเลาะกัน ก็คงไม่ถูกต้อง แต่ถ้าเกิดเหตุเพียงนิดเดียว เราจะจัดการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน จนถึงตอนนี้ยังไม่ถือว่ามีปัญหาใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่อยากพูดตรงนี้ แต่อยากบอกว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการนำเงินของรัฐบาล หรือเงินภาษีของประชาชนไปใช้แม้แต่บาทเดียว ทั้งนี้ ได้ไปเจรจากับพรรคภูมิใจไทยว่าต้องให้รถเมล์จำนวนนี้ผลิตในประเทศเกินครึ่ง ในที่สุดเขาก็แก้ไขว่าผลิตในประเทศไทยร้อยละ 70 ส่วนเรื่องราคาก็พูดกันใน ครม. ซึ่งจะอนุมัติหรือไม่ เป็นเรื่องของ ครม.

ต่อข้อถามว่า ให้ความมั่นใจได้หรือไม่ว่าโครงการนี้จะไม่มีการ "เกี้ยเซียะ" กันทางการเมือง เพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล นายสุเทพกล่าวว่า ให้เอาบ้านเมืองเป็นหลักดีกว่า รัฐบาลจะอยู่หรือไปนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ขอให้บ้านเมืองอยู่ได้ก็แล้วกัน

ส่วนโครงการนี้จะกลายเป็น "จุดแตกหัก" ในการทำงานร่วมกันหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า พยายามจะแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ ถ้าแก้ได้ก็แก้ แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็จนปัญญา และจะไม่พูดเรื่องแตกหักกับใคร เพราะเป็นผู้ประสานงาน แต่สิ่งที่จะทำคือ ทำให้รัฐบาลยืนหยัดอยู่ได้และแก้ปัญหาบ้านเมือง

สาทิตย์เชื่อปมรถเมล์ไม่ทำรัฐบาลแตก

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาโครงการรถเมล์ที่ยังเห็นไม่ตรงกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า คงต้องพูดคุยทำความเข้าใจกัน ซึ่งเชื่อว่าจะไม่บานปลายถึงกับรัฐบาลแตก แต่การที่ความเห็นแตกต่างกันถือเป็นเรื่องธรรมดา และยังมั่นใจว่าทำความเข้าใจกันได้

ปธ.วุฒิฯเตือนรัฐระวังพังทั้งคณะ

นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ว่า รัฐบาลคงกำลังตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด โครงการนี้คงชะลอไว้ก่อน เพราะเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของ ครม. เมื่อนายกฯ ยังตรวจสอบไม่ได้ข้อมูลชัดเจน ก็เป็นอำนาจของนายกฯ ที่สามารถพิจารณาได้ว่าจะให้เอาเข้าที่ประชุม ครม.หรือไม่ อย่างไรก็ดี คิดว่าไม่มีปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะรัฐบาลต้องรับผิดชอบร่วมกัน หากโครงการไหนดีก็ได้หน้ากันทั้งหมด ถ้าโครงการไหนหลักการไม่ดี และเกิดผลเสียหาย ครม.ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน

"จะบอกว่าเป็นความรับผิดชอบเฉพาะของกระทรวงนั้นไม่ได้ เป็นไปตามหลักความรับผิดชอบร่วม ถ้าดีก็ได้ทั้งคณะ แต่ถ้ากระทรวงไหนทำไม่ดี รัฐบาลก็พังไปทั้งรัฐบาล" ประธานวุฒิสภากล่าว

ส.ว.ขู่ถอดนายกฯ หากไฟเขียวเช่ารถเมล์

นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า กลุ่ม ส.ว.ที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการเช่าซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ที่ค่าซ่อมแพงเกินจริง และสัญญาผูกพันนานเกินไป ซึ่งจะเคลื่อนไหวตรวจสอบต่อไป เพราะไม่ต้องการให้เป็นเหมือนการทิ้งทวนหาผลประโยชน์ร่วมกันของรัฐบาล ก่อนจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ และอาจจะมีการยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี หากยังมุ่งมั่นจะดำเนินการโครงการนี้

ภูมิใจไทยปัดแก้แค้น ปชป.

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่า การประชุม ครม.ในวันอังคารที่จะถึงนี้ จะยังไม่มีการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน มูลค่า 6.7 หมื่นล้านบาท ที่ รมว.คมนาคม ซึ่งสังกัดพรรคภูมิใจไทยพยายามเสนอเข้า ครม. ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด เพิ่งเห็นข่าวจากสื่อเท่านั้น อย่างไรก็ดี โครงการดังกล่าวคงจะไม่ถอน แต่อาจจะเลื่อนไปบ้าง เพราะแต่ละวันก็ไม่ได้ทำงานนี้งานเดียว นายกฯ มีงานร้อยแปด อาจจะยังไม่ศึกษารายละเอียด แต่เมื่อนายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาล ก็จะต้องตอบปัญหาประชาชนให้กระจ่างชัดว่า ทุกอย่างโปร่งใส พิสูจน์ได้

เมื่อถามถึงโครงการเช่าที่ดินไร่ละ 10 บาท ที่นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย จากพรรคประชาธิปัตย์เสนอโดนเบรก ซึ่งมีการระบุว่าเป็นการเอาคืนจากพรรคภูมิใจไทย นายชวรัตน์กล่าวว่า โครงการดังกล่าวกำลังรอให้นายถาวรมาชี้แจง ตนเห็นว่าโครงการนี้มีหลักการที่ดี แต่สำหรับเป้าหมายอยากทราบว่าเป็นคนจนจริงหรือไม่ ไม่ใช่นายทุนหรือนักฉวยโอกาสจะได้ไป เพราะที่ดินถูกมาก เพียงแค่ไร่ละ 10 บาทต่อปี หากไม่โปร่งใสอาจจะซ้ำรอยกรณี ส.ป.ก.4-01 ตนไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องเสียหายทั้ง 2 ด้าน แต่หากโครงการนี้ดี ก็พร้อมจะผลักดัน

เมื่อถามย้ำว่า มีการมองว่าการเบรกโครงการเป็นการแก้แค้น หลังพรรคภูมิใจไทยถูกขวางเรื่องรถเมล์ 4,000 คัน นายชวรัตน์กล่าวว่า “ความคิดเช่นนี้เลิกคิดไปได้ ไม่มีในหัวสมองเลย เพราะไม่ดีต่อประเทศชาติ ทั้งนี้ ความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติ ทำงานก็เหมือนกับสามีภรรยา เหมือนลิ้นกับฟัน กระทบกันบ้าง”

พท.ชี้ละครตบตา-ซัดบุฟเฟ่ต์คาบิเนต

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกรณี พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้พูดเชิงขอความร่วมมือจากฝ่ายค้านเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหมือนจะบอกว่าฝ่ายค้านกำลังเตะถ่วง ขอยืนยันว่า เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบ เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลมีความจำเป็นต้องนำเงินมาปิดหีบงบประมาณเพียง 1.1 แสนล้านบาทเท่านั้น ส่วนอีก 2.8 ล้านบาท รัฐบาลจงใจปกปิดซ่อนเร้น ไม่มีความชัดเจนว่าใช้ทำอะไร ขอถามว่า หากเกิดความเสียหายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ วันนี้ประชาชนตั้งข้อกังขาถึงความโปร่งใสของรัฐบาลว่า พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคร่วมรัฐบาลกำลังมีโครงการ "บุฟเฟ่ต์คาบิเนต" หรือไม่ ภาพความขัดแย้งภายในรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องรถเมล์ 4,000 คัน ได้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพียง "ละครตบตาฉากหนึ่ง" หลังได้ข่าวว่ามีการประสานผลประโยชน์กันลงตัวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้ระบบกินแบ่ง สุดท้ายเรื่องจะถูกโยนไปที่ กทม. ที่เป็นเครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ เพราะนายอภิสิทธิ์คงไม่กล้าฝืนกระแสสังคมอนุมัติให้โครงการผ่าน ครม. ขณะเดียวกันเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่กล้าหักดิบพรรคภูมิใจไทย ถ้าเป็นอย่างนั้นอาจจะกลายเป็นรถเมล์แก๊สมรณะ ระเบิดทั้ง ครม.ตายหมู่ทั้งคณะ และพรรคภูมิใจไทยอาจถอนยวง นำไปสู่การยุบสภา

ปชป.จี้รัฐ-ภท.แจงสังคมไม่มีล็อกสเปก

นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง ในฐานะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน ว่า อยากฝากข้อเสนอไปยังรัฐบาลและพรรคภูมิใจไทยที่เป็นเจ้าของโครงการ ที่จะต้องทำความเข้าใจและชี้แจงต่อสังคมให้ชัดเจนว่า โครงการดังกล่าวมีความสำคัญต่อประชาชนอย่างไร และเชื่อว่าโครงการดังกล่าวนั้นเป็นประโยชน์ เพราะเป็นบริการสาธารณะที่เป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนที่มีรายได้น้อย

"อยากให้สังคมและสื่อมวลชนกลับมาดูที่ประเด็นขอให้ติดตามข้อมูล 2 เรื่อง คื่อ 1.โครงการดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะหรือไม่ และ 2.ต้องติดตามข้อมูลว่ามีหลักฐานหรือเนื้อหาที่จะแสวงหาผลประโยชน์ของฝ่ายใดหรือไม่ และที่สำคัญคือเจ้าของโครงการต้องสามารถตอบให้ได้ว่าไม่มีการล็อกสเปก เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามาประกวดราคา" นายสาธิตระบุ

“เทพไท”แขวะทรท.จัดเช็งเม้งการเมือง

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการนัดชุมนุมครบรอบการยุบพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ว่า มีผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองมาร่วมงานหลายคน และพูดถึงประเด็นทางการเมือง คิดว่าเป็นปกติในการชุมนุม เรียกได้ว่าเป็นงาน "เช็งเม้งทางการเมือง" เพราะผู้ถูกตัดสิทธิเหล่านี้มาร่วมรำลึกถึงวีรกรรมของตัวเองที่ทำผิดกฎหมาย และพยายามใส่ร้ายรัฐธรรมนูญปี 2550 เพื่อให้สังคมเห็นว่านี่คืออุปสรรคและเงื่อนไขที่ขัดขวางให้คนเหล่านี้เข้าสู่การเมืองได้อีกครั้งหนึ่ง

ไม่เชื่อนายกฯ ปากพาจน-ย้ำไม่ถ่อย

นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อาจจะมีความรุนแรงและมีคนกลุ่มหนึ่งที่มีความคิดที่จะก่อความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในช่วงนี้ ว่า ข้อมูลของนายกฯ เป็นข้อมูลที่ได้รับรายงานจากสำนักข่าวกรอง คิดว่าเป็นแหล่งข่าวเชื่อถือได้ แต่สมาชิกพรรคเพื่อไทยระบุว่าสิ่งที่นายกฯ แสดงความห่วงใยเป็นการพูดที่ปากพาจนนั้น นายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยด้วยถ้อยคำสุภาพ พูดจาด้วยความห่วงใยบ้านเมืองจริงๆ เป็นสุภาพบุรุษ ตลอดเวลาที่ผ่านมาสังคมจะเห็นว่านายกฯ ไม่เคยพูดด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ไม่เคยแสดงความถ่อย เหมือนนักการเมืองบางคน ดังนั้น การยัดเยียดว่าปากพาจนให้นายกฯ จึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง หรือเพราะตัวเองเป็นคนปากพารวยคือ พูดครั้งหนึ่งก็ได้เงินทีหนึ่ง ไม่อยากให้เอาความสุขของตัวเองใช้ปากทำมาหากินบนความบอบช้ำของประเทศแล้วไปยัดเยียดความเสียหายให้คนอื่น

นายกฯย้ำปราบยาเสพติด-ไฟใต้-ทุจริต

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" กล่าวถึงการบริหารประเทศของรัฐบาล โดยยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้พยายามฟังเสียงสะท้อนต่างๆ ที่มาจากประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งนโยบายของรัฐบาลที่จำเป็นที่จะต้องมีการเร่งรัดปรับปรุง อาทิ ปัญหาเรื่องยาเสพติด ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นในวงราชการ และอยากจะเรียกร้องไปยังประชาชนทุกคนว่า หากใครมีข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตสามารถมาร้องเรียนหรือแจ้งข้อมูลเข้ามาได้ที่ตน หรือร้องเรียนมายังรัฐบาล หากจะไว้ใจใครก็ให้ร้องเรียนเข้ามา ขอยืนยันว่าจะดูแลเรื่องต่างๆ เหล่านี้อย่างจริงจัง จะให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ให้เกิดความโปร่งใส

"โครงการต่างๆ ของรัฐบาลที่มีจะต้องใช้เงินงบประมาณในการลงทุนจำนวนมาก กว่า 7-8 แสนล้านบาท จะต้องเปิดเผยให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ เพราะผมต้องการให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ไม่มีการรั่วไหลออกไป " นายกฯ กล่าว

มั่นใจพ.ร.ก.กู้เงินช่วยฟื้นศก.ใน 3 ปี

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในคำร้องการให้อำนาจกระทรวงการคลังออกพระราชการกำหนดกู้เงิน 4 แสนล้านบาทของรัฐบาล ว่า รัฐบาลกำลังรอคำวินิจฉัยที่จะออกมาในสัปดาห์หน้านี้ เมื่อมีคำวินิจฉัยออกมาว่ารัฐบาลออก พ.ร.ก.ดังกล่าวชอบแล้ว ก็จะดำเนินการนำ พ.ร.ก.นำเข้าสู่ความเห็นของจาก ส.ส.และ ส.ว. คาดว่าจะมีการขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ ตั้งแต่วันที่ 15-23 มิถุนายน เพื่อนำ พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.การให้อำนาจแก่กระทรวงการคลังกู้เงิน และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2553 เข้าสู่การพิจารณาของสภา

นายกฯ กล่าวอีกว่า เชื่อมั่นว่าสิ่งต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่นี้มีความคุ้มค่าในการลงทุน เพราะการลงทุนอย่างนี้จำเป็นจะต้องดำเนินการในช่วงที่ประเทศมีเศรษฐกิจที่ไม่ดี และการจัดเก็บรายได้ต่ำ ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถจัดหาเงินได้จากงบประมาณตามปกติได้ และวิธีการที่รัฐบาลดำเนินการอย่างนี้ คือ การออกพันธบัตร โดยไม่ได้ไปกู้เงินจากต่างชาติ ตรงนี้มีความมั่นใจ หากเราสามารถเดินแนวทางวิธีอย่างนี้ ประกอบกับที่มีการเลือกโครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการเร็ว จะสามารถสร้างงานได้ไม่น้อยกว่า 1.5-2 ล้านคน และฟื้นเศรษฐกิจได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า หากทำตามวิธีการนี้จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น
ยอมรับมีรอยร้าวในรัฐบาล

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงรอยร้าวในรัฐบาลว่า ต้องบอกว่าความคิดเห็นที่แตกต่างมีแน่นอน ของอย่างนี้จะไปบอกไม่มีอะไรเลย ก็หลอกกันเปล่าๆ แต่ความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ก็เป็นเรื่องของมาตรการการทำงาน และคิดว่า สิ่งที่จะต้องพูดคุยกันก็ว่ากันด้วยเหตุด้วยผล และสำคัญที่สุดก็คือ ต้องยึดประโยชน์ของประชาชนที่เป็นตัวได้ข้อยุติ

“ผมยังเชื่อมั่นว่า เราล้วนแล้วแต่เป็นนักการเมือง จะพรรคเดียวกันหรือคนละพรรคก็ตาม สุดท้ายถ้าหากว่าเรายึดประโยชน์ประชาชน ทุกคนก็พอใจ แต่ถ้าเราไม่ยึดประโยชน์ประชาชน ถึงเราตกลงกันเองได้ วันข้างหน้าก็ไปไม่ได้” นายกฯ กล่าว
สั่งจับตาไม่ให้ซ้ำรอยสงกรานต์เลือด

นายกรัฐมนตรีตอบคำถามของนายไชยา ยิ้มวิไล ที่ทำหน้าที่พิธีกรรับเชิญในรายการ ถึงกรณีที่เคยพูดกับนักธุรกิจที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี ว่าเดือนมิถุนายนจะมีเรื่องเผาบ้านเผาเมืองว่า “ผมคงไม่ได้พูดว่าจะมีคนมาเผาบ้านเผาเมือง ผมเพียงแต่บอกว่า การเคลื่อนไหว การชุมนุมทางการเมืองยังมีอย่างต่อเนื่อง และถ้าเป็นการเคลื่อนไหวการชุมนุมที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ อาจารย์ (นายไชยา) จะทราบดี จุดยืนผมชัดเจน ถ้าเคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญทำได้ตลอดเวลา และผมก็เคารพสิทธิเสรีภาพ ความคิดเห็นที่แตกต่างของทุกๆ คน แต่ว่าต้องไม่ให้มีเหมือนกับช่วงก่อนสงกรานต์อีก ก็คือการทำผิดกฎหมาย”

นายกฯ กล่าวอีกว่า บังเอิญทราบว่า ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ยังคิดจะทำแบบนั้นอยู่ ก็บอกว่ากลุ่มนั้น คือกลุ่มที่ทำลายโอกาสของบ้านเมือง แต่ว่าถ้ากลุ่มที่เขามาแสดงโดยปกติภายใต้รัฐธรรมนูญ บอกเลยว่า นอกจากจะเป็นสิทธิ์แล้ว ตนไม่กังวลเลยในแง่ของภาพลักษณ์ของประเทศ เพราะเวลามีการชุมนุมโดยสงบ ก็ผ่านมาด้วยเรียบร้อย

"แต่ขอความร่วมมือว่า ทุกอย่างขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ใครอยู่ในวงการไหนก็แล้วแต่ 1.อย่าไปสนับสนุนใครด้วยการทำผิดกฎหมาย 2.ช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชนว่า ทั้งหมดเราเพียงแต่ต้องการให้โอกาสแก่คนไทย" นายกฯ กล่าว

สุเทพเรียกรมต.ปชป.ขันนอต

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้นัดรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหารจีน “หลิว” โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ โดยมีบรรดารัฐมนตรีของพรรคมาร่วมงาน 15 คน อาทิ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เป็นต้น รวมถึงรัฐมนตรีที่ถูกระบุในผลสำรวจมาว่าเป็นรัฐมนตรีที่ประชาชนไม่รู้จักมาร่วมรับประทานอาหารด้วย เช่น นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น

นายสุเทพให้สัมภาษณ์ว่า การนัดรัฐมนตรีของพรรคมารับประทานอาหารวันนี้ เนื่องจากตั้งแต่เป็นรัฐบาลมา 5 เดือน ยังไม่มีโอกาสรับประทานอาหารร่วมกับรัฐมนตรีของพรรคเลย เพราะช่วงแรกมีภารกิจมาก การพบปะครั้งนี้จะถือโอกาสพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องต่างๆ กับบรรดารัฐมนตรี ขณะเดียวกันจะรับฟังปัญหาและความหนักใจของรัฐมนตรีทั้งหลายว่า ที่ทำงานมา 4-5 เดือนมีอะไรบ้าง เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการทำงานให้เข้มข้นยิ่งขึ้น รวมถึงให้ทันกับเวลาและสถานการณ์ ทั้งนี้ยืนยันว่ายังไม่มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี

ส่วนกรณีที่รัฐมนตรีบางคนติดอันดับในโพลล์ที่ระบุว่าเป็นรัฐมนตรีที่ประชาชนไม่รู้จักนั้น ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะบอกรัฐมนตรีว่า ให้ทำงานเข้มข้นมากขึ้น

แฉมีคนพยายามทำบ้านเมืองแตกแยก

นายสุเทพกล่าวอีกว่า ตอนนี้มีคนพยายามทำให้บ้านเมืองแตกแยกรุนแรงมากในทุกวงการ ไม่ใช่เฉพาะนักการเมืองด้วยกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนกังวลใจ เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงก็อยากจะทำให้บ้านเมืองมั่นคงจริงๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นความกังวลเดียวกันกับที่นายกฯ แสดงความเป็นห่วงว่าจะมีการเคลื่อนไหวใหญ่ในเดือนมิถุนายนหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวที่จะทำให้บ้านเมืองขาดความมั่นคง ไม่จำกัดเดือนแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้ทำกันตลอดทุกวัน โดยพยายามทำให้คนทุกวงการแตกแยก ซึ่งเรื่องนี้เห็นมาด้วยตัวเอง โดยมีกลุ่มคนบางกลุ่มไม่คำนึงถึงความเสียหายของชาติและประชาชนส่วนรวม แต่มุ่งเป้าหมายไปที่การเปลี่ยนแปลงในบ้านเมือง

ให้รมต.ปชป.ลงพื้นที่มากขึ้น

นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการรับประทานอาหารร่วมกันของรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ที่โรงแรมคอนราด ซึ่งมีนายสุเทพ ในฐานะเลขาธิการพรรคเป็นคนนัดหมายว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี รัฐมนตรีของพรรคต่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำงาน ทั้งนี้ นายสุเทพได้ย้ำให้แต่ละกระทรวงที่เกี่ยวเนื่องกัน ขอให้ทำงานประสานกันมากขึ้น และทำอะไรไปก็ควรจะต้องชี้แจงประชาชนให้ชัดเจน จากการพูดคุยกันในวันนี้ ต่างเชื่อว่า จะทำให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น จึงเห็นว่า รัฐมนตรีของพรรคควรจะมีการพบปะกันบ่อยขึ้น อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนกัน

นอกจากนี้นายสุเทพยังเล่าถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่ยังคงมีปัญหาด้านความมั่นคงให้รัฐมนตรีของพรรคได้รับทราบว่า ขณะนี้ยังคงมีความพยายามก่อความปั่นป่วนในบ้านเมือง จึงขอให้ช่วยกันสอดส่องดูแล และตั้งใจทำงาน

มีรายงานว่า ในการรับประทานอาหารร่วมกันครั้งนี้ นายสุเทพขอให้รัฐมนตรีของพรรคระมัดระวังเวลาลงพื้นที่ และอย่าประมาท เพราะมีความพยายามของผู้ไม่หวังดีที่จะสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ซึ่งจะมีหลากรูปแบบมากขึ้น

ปชป.ขึ้นบัญชีดำ"เฉลิมชัย"

แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า จากกรณีที่กลุ่ม “เพื่อนเฉลิมชัย” ของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ออกมาทวงตำแหน่งรัฐมนตรีให้หัวหน้ากลุ่มนั้น ทำให้แกนนำและผู้บริหารพรรคไม่พอใจถึงการออกมาเรียกร้องตำแหน่ง เพราะเชื่อว่ามีการดำเนินการวางแผนอย่างเป็นระบบ ซึ่งการเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรีในลักษณะดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องผิดวัฒนธรรมของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างมาก

"ดังนั้น แกนนำหลายคนของพรรคที่ได้หารือกันในกรณีนี้ เห็นว่า หากมีการปรับ ครม.เมื่อใดก็ไม่ควรจะเสนอชื่อนายเฉลิมชัยเป็นรัฐมนตรีอย่างเด็ดขาด เนื่องจากหาก ส.ส.ตั้งกลุ่มออกมาเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วได้ไปสมใจ ก็จะเป็นตัวอย่างให้มีการตั้งกลุ่มเพื่อออกมาเรียกร้องตำแหน่งในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก ดังนั้นนายเฉลิมชัยจึงมีชื่ออยู่ในแบล็กลิสต์ของพรรคแล้ว" แหล่งข่าวกล่าว

รายงานข่าวกล่าวว่า แกนนำของพรรคมีการตรวจสอบจำนวน ส.ส.ในกลุ่ม “เพื่อนเฉลิมชัย” ปรากฏว่า ส.ส.ที่เหนียวแน่นพร้อมที่จะไปไหนไปกันมีอยู่ทั้งหมด 12 คน ประกอบด้วย 1.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน 2.นายมนตรี ปาน้อยนนท์ 3.นายประมวล พงษ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ 4.นายอภิชาติ สุภาแพ่ง 5.นายกัมพล สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี 6.นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ ส.ส.สระบุรี 7.นายประมวล เอมเปีย และ 8.นายมานิตย์ ภาวสุทธิ์ ส.ส.ชลบุรี 9.นายธารา ปิตุเตชะ และ 10.นายวิชัย ลิ้มสุทธิ ส.ส.ระยอง 11.นายสากล ม่วงศิริ ส.ส.กทม.และ 12.น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร

แหล่งข่าวเปิดเผยต่อว่า ส่วนอีก 5 คนที่อยู่ในกลุ่มเป็น ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด มีดังนี้ นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ส.ส.ชุมพร, นายสินิตย์ เลิศไกร ส.ส.สุราษฎร์ธานี, นายประพร เอกอุรุ ส.ส.สงขลา, นายนาราชา สุวิทย์ ส.ส.สงขลา และนายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง หากนายเฉลิมชัยย้ายพรรค ส.ส.เหล่านี้จะไม่ย้ายตามไปด้วย เพราะภาคใต้เป็นพื้นที่อิทธิพลของพรรคประชาธิปัตย์ หากไปสังกัดพรรคอื่นโอกาสสอบตกมีความเป็นไปได้สูง

เสื้อแดงจี้ประกาศ 24 มิ.ย.เป็นวันชาติ

นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รุ่น 2 กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่า ในเดือนมิถุนายนจะมีกลุ่มที่เคลื่อนไหวทำลายบ้านเมืองว่า นายอภิสิทธิ์ตื่นเต้นเกินไป พยายามใส่ร้ายกลุ่มเสื้อแดงมาตลอด เหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ก็ยังคลุมเครือว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร แม้จะยอมรับว่าคนเสื้อแดงบางกลุ่มลงมือปฏิบัติการเพราะโกรธแค้น แต่เชื่อว่ามีการจัดฉากเพื่อเพิ่มเติมสถานการณ์ให้รุนแรงกว่าความเป็นจริง ซึ่งต้องพิสูจน์ต่อไป

นายสมยศ กล่าวด้วยว่า การเคลื่อนไหวของ นปช.จะแบ่งเป็นสองส่วน ช่วงแรกคือวันที่ 21-24 มิถุนายน ที่ท้องสนามหลวง มีเป้าหมายเรียกร้องให้รัฐบาลรื้อฟื้นให้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ ซึ่งหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ มีงานฉลองทุกปี แต่ในยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัช ได้ยกเลิก ดังนั้นนปช.จึงเห็นว่า วันที่ 24 มิถุนายน คือสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย รัฐบาลควรประกาศให้เป็นวันชาติ

เย้ยมาตรฐานปชป.เน่ากว่าปลากระป๋อง

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ที่คุมตำรวจ ทหาร ลาออก เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนและดำเนินคดีอาญาอย่างโปร่งใส ไร้ความกดดัน สืบเนื่องจากการที่นายธานี เทือกสุบรรณ นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ถูกศาลสั่งเลือกตั้งใหม่ และ กกต.แจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายสุเทพ และ 2 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แต่นายอภิสิทธิ์ออกมาการันตีความถูกต้องแทน โดยบอกว่าไม่ต้องลาออกนั้น สะท้อนให้เห็นว่ามาตรฐาน จริยธรรม และความรับผิดชอบทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์เน่ากว่าปลากระป๋อง

No comments:

Post a Comment