Wednesday, May 20, 2009

“สนธิ” ติง “คมชัดลึก” มั่วตั้ง ครม.พันธมิตรฯ เชื่อรับงาน ปชป.ดิสเครดิต

“สนธิ” ตำหนิ “คมชัดลึก” มั่วบทความ อ้างพันธมิตรฯ วางตำแหน่งรัฐมนตรี รองรับพรรคใหม่ล่วงหน้า เชื่อรับงานคนประชาธิปัตย์ดิสเครดิตพันธมิตรฯ เหตุกลัวเดือดร้อนหาก พธม.ตั้งพรรค ยืนยันยังเป็นเพื่อนกับ ปชป.แต่ควรใจกว้าง ไม่เช่นนั้นพร้อมชนทุกเขตหากตั้งพรรคจริง เผย ขณะนี้ยังไม่คิดจะเล่นการเมืองหรือไม่ สุดงง ยังนอนพักฟื้นอยู่ ถูกตั้งเป็นนายกฯ แนะจับตาสื่อเครือเนชั่น หวั่นตามรอย “มติชน-ไทยรัฐ”

วันนี้ (20 พ.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวตำหนิการนำเสนอบทความของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก กรณีกล่าวอ้างว่า พันธมิตรฯ ได้วางตัวบุคคลที่จะนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีไว้ทั้งหมดแล้ว หลังประเมินว่า การตั้งพรรคการเมืองพันธมิตรฯ จะได้เสียง ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่า 100 เสียง โดย นายสนธิ เห็นว่า เป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง ซึ่งการเขียนบทความควรมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนนำไปเผยแพร่ ไม่ใช่นำข้อมูลลงในลักษณะวางยาเพื่อทำลายผู้อื่น

นายสนธิ เชื่อว่า คนที่เป็นต้นตอของข่าวน่าจะเป็นคนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่หวังดิสเครดิตพันธมิตรฯ หากคิดตั้งพรรคการเมืองเพื่อไม่ให้ดำเนินการได้อย่างราบรื่น

อย่างไรก็ตาม นายสนธิ ยืนยันว่า พันธมิตรฯ เป็นมิตรกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็เห็นว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์ควรใจกว้าง เพราะไม่เช่นนั้นหากพันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมืองขึ้นจริง อาจจำเป็นต้องส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงพื้นที่เดียวกับที่พรรคประชาธิปัตย์มีฐานเสียงอยู่ ขณะเดียวกัน ก็ยืนยันว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยทวงบุญคุณจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ ณ วันนี้อาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องใช้คำนี้

“วันนี้พรรคประชาธิปัตย์วางแผนว่าตัวเองจะอยู่ และหวังว่า จะสามารถควบคุมเนวินได้ หรือว่าหวังว่าเมื่อเลือกตั้งใหม่แล้ว ตัวเองก็สามารถที่จะมีเสียงมากขึ้น แต่ทางการเมืองเขาก็ไปจับมือกันกับ เนวิน ชิดชอบ ว่า ให้เนวินบุกอีสานนะ เขาบุกใต้ เพราะฉะนั้น การที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถ้าประชาชนเขาจะตั้งพรรค คนที่เดือดร้อนที่สุด คือ พรรคประชาธิปัตย์ เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์ชอบอ้างอยู่ตลอดเวลาว่าเสียงของมวลชนนั้นทับซ้อน กัน ก็คือว่า มีคน 100 คนของพรรคที่สนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เขาก็อ้างว่า มีอยู่ 50-60 คน ก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ ถ้า 50-60 คน เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ต้องกลัวสิ ถ้าพรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเกิดขึ้น 100 คน ก็แบ่งไปสิ 60 คน ของเราได้ 40 คน เราก็พอใจแล้ว นี่ผมเพียงแต่ยกตัวอย่างให้ฟังนะครับ”

“ไม่ยอมที่จะยืนอยู่บนข้างความถูกต้อง ไม่กล้าพอที่จะยืนอยู่ข้างมิตรข้างสหายที่รบมาให้ บาดเจ็บล้มตายกัน เพียงเพื่อให้พวกคุณเป็นรัฐบาล ลับหลังก็เที่ยวด่าพันธมิตรฯ ตลอดเวลา คนในพรรคประชาธิปัตย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็น ส.ส.ที่เนรคุณบางส่วน ไม่เข้าใจการเมือง ผม จะเรียนให้ทราบว่า การที่พันธมิตรฯ เขามีความรู้สึกว่าเขาต้องมีพรรคก็เพราะว่าประชาธิปัตย์ทำตัวเช่นนี้ ถ้าประชาธิปัตย์ยืนอยู่บนความถูกต้อง ยืนอยู่ข้างเรา เข้าใจว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกต้อง ผมไม่เชื่อว่าพันธมิตรฯ อยากจะตั้งพรรค พันธมิตรฯ นอกจากจะไม่ตั้งพรรคแล้ว ยังต้องระดมพลพรรคให้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ แต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เลยแม้แต่นิด เดียว” นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ ยังกล่าวถึงความชัดเจนที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะตั้ง พรรคการเมือง โดยย้ำว่า การเกิดขึ้นของพรรคพันธมิตรฯ จะต้องถามเสียงของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการบริหารจัดการอย่างไร ซึ่งประชาชนจะต้องมีส่วนรู้เห็น โดยในส่วนของแกนนำพันธมิตรฯ ยังไม่เคยมีการหารือในเรื่องการตั้งพรรค เพียงแค่เป็นการถามตอบก่อนจะถามเสียงของประชาชนเท่านั้น เพราะเห็นว่าที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยทำเพื่อประชาชน ทั้งๆ ที่พันธมิตรฯ ต้องบาดเจ็บล้มตายจากเหตุการณ์ต่อสู้

ขณะเดียวกัน นายสนธิ ยอมรับว่า ส่วนตัวยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเข้าไปมีตำแหน่งหรือไม่ หากพันธมิตรฯ มีการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาจริง เพราะขณะนี้ยังไม่ได้คิด ซึ่งความชัดเจนในเรื่องการตั้งพรรคนั้นจะต้องรอที่ประชุมพันธมิตรฯ ในวันที่ 24-25 พ.ค.นี้

“...ที่จะมาตั้งพรรคอะไรนั้น ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ในขณะนี้สิ่งที่พันธมิตรฯ และแกนนำทำก็คือว่า เราพูดตลอดเวลาว่าการ จะตั้งพรรคหรือไม่ตั้งพรรคนั้นไม่ใช่อำนาจสิทธิ์ขาดอยู่ที่เรา เป็นเรื่องของประชาชนจะต้องตัดสินใจว่าเขาอยากได้พรรคการเมืองหรือเปล่า เราพูดตลอดเวลาว่าถ้าเขาไม่อยากได้ก็ไม่ตั้ง ถ้าเขาอยากได้ก็ค่อยตั้งกัน ส่วนจะตั้งนั้น ตั้งกันอย่างไรผมไม่รู้ เพราะว่าผมไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง รอวันที่ 24-25 ข่าวคราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือให้สัมภาษณ์ หรือว่าเนชั่นสุดสัปดาห์ มาบอกว่าผมจะเป็นหัวหน้าพรรค พี่น้องเอ๊ย ผมยังไม่มีท่าทีตรงนี้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าการที่จะเดินเข้าไปสู่วงการการเมืองนั้น มันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ

“ถ้า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะตั้งพรรคนั้น มันต่างจากพรรคการเมืองทุกๆ พรรคในประเทศไทย แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เหมือน เพราะทุกพรรคเกิดขึ้นเพราะคนเพียงไม่กี่คน พรรคประชาธิปัตย์ในอดีตเกิดขึ้นเพราะว่ากลุ่มอำมาตยาธิปไตย รวมตัวกันตั้งพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเพื่อปกป้องสถานภาพของตัวเอง จากการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี 2475 ส่วนพรรคอื่นๆ ตั้งขึ้นมานั้นตั้งเพราะนายทุน คนอยากแสวงหาอำนาจ นั่งคุยกัน 4-5 คน คนนั้นลงคนละ 100 ล้าน แล้วก็มีไปไถเงินนายทุนมา แล้วก็เอาเงินนั้นไปซื้อ ส.ส.มา”

“ส่วนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถ้าจะเกิดขึ้นเพราะประชาชนเรียกร้องให้เกิดขึ้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้นเป็นของภาคประชาชนจริงๆ ไม่ใช่เป็นของแกนนำ 4-5 คน ด้วยเหตุนี้ผมคิดว่าประเด็นเพียงแค่นี้คนเขียนข่าวเชิงวิเคราะห์ยังไม่ เข้าใจ ก็แสดงว่ารับงานเขามาเต็มๆ” นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ ยังแสดงความรู้สึกเสียใจกับหนังสือพิมพ์คมชัดลึกที่นำเสนอบทความ ที่เชื่อว่า มีการรับงาน และเห็นว่า ถึงเวลาที่ประชาชนจะต้องจับตาหนังสือพิมพ์คมชัดลึก และสื่อในเครือเนชั่นว่าจะเดินตามรอยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และมติชน หรือไม่

“ขณะนี้คือปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์ พยายามที่จะปล่อยข่าวทำลายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยัง ไม่มีการประชุมเลยว่าเราจะเอาพรรคหรือไม่เอาพรรค เราจะรอให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน ยังไม่มีการพูด ผมเองก็พักฟื้นอยู่ตลอดเวลา จู่ๆ โผล่มารู้ว่าผมจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นแล้วเกมอันนี้มันตื้นเกินไป ที่ผมเสียใจคือ ผมเคยคิดว่าคมชัดลึก เป็นหนังสือพิมพ์ที่ใช้ได้ แต่ปรากฏว่า เขียนข่าวเชิงวิเคราะห์ออกมาแบบนี้ ผมเริ่มจะต้องทบทวนว่าบทบาทของคมชัดลึกแท้ที่จริงแล้วเป็นอย่างไร

“ผมอยากให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจับตาดูหนังสือพิมพ์คมชัด ลึก ให้ดีๆ ว่าจะไปซ้ำรอยกับไทยรัฐ หรือมติชนหรือเปล่า ถ้าซ้ำรอยกับไทยรัฐ หรือมติชน เครือเนชั่นทั้งหลาย เราก็อย่าไปสนับสนุนเขา เพราะขนาดผมไม่รู้เรื่องอะไร พำนักพักรักษาตัวอยู่ดีๆ ก็กล่าวหาว่าผมจะไปเป็นนายกฯ สุริยะใส จะเป็นรัฐมนตรีบ้าง คุณเทิดภูมิ คนโน้นคนนี้บ้าง ผมไม่อยากจะพูดว่ามันบ้าไปแล้ว แต่จริงๆ มันบ้าไปจริงๆ นะ เพราะฉะนั้นแล้วก็เลยอยากจะฝากเรียนพ่อแม่พี่น้องให้ทราบว่า ข่าวที่ออกไปจากคมชัดลึก นั้นเป็นข่าววาง รับงานมา แล้วคนที่มอบงานมาก็หนีไม่พ้นพลพรรคพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง” นายสนธิ กล่าว

No comments:

Post a Comment