Thursday, May 14, 2009

“อภิสิทธิ์”ยันทำความเข้าใจกับ“พรทิวา”แล้ว

“อภิสิทธิ์” บอกทำความเข้าใจกับ “พรทิวา” แล้ว เชื่อพรรคร่วมฯ ไม่ขัดแย้งถึงขั้นยุบสภา ย้ำการระบายข้าวโพดและพืชผลการเกษตรต้องโปร่งใส

(14พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวความขัดแย้งในที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ระหว่างนายกฯกับนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เกี่ยวกับโครงการะบายข้าวโพด ว่า ประเด็นดังกล่าวได้หาความเข้าใจกันแล้ว คือในส่วนของการระบายข้าวโพด 4 แสนตัน ได้ทำไปโดยมีกลไกที่เกิดขึ้นจากมติครม.เดิมแล้วมันมาซ้อนกับกลไกซึ่งรัฐบาล ปัจจุบันตั้งขึ้น ฉะนั้นคณะกรรมการนโยบายซึ่งเรามีสำหรับพืชแต่ละตัวจะต้องดูแล กรณีของข้าวโพดนั้นมีนายกอร์ปศักดิ์ รองนายกระฐมนตรี เป็นประธาน โดยนายกอร์ปศักดิ์เห็นว่าการระบายข้าวโพด 4 แสนกว่าตันนั้น ยังไม่ได้มีการมาพิจารณากันให้ครบถ้วนทุกด้าน ก็จะรับกลับไปดูแลเรื่องนี้ ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้มีประเด็นปัญหาอื่นๆมากมายอะไร

ส่วนกรณีมี บริษัท 1 ใน 4 บริษัทที่เข้าประมูลกวาดโควตาไปมากที่สุดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ก็ตรงนี้แหละครับ เป็นเรื่องที่คณะกรรมการนโยบายต้องไปกำหนดหลักเกณฑ์ให้ได้ เพราะเราก็กังวลเนื่องจากต้องยอมรับว่าทุกที่ตัวจะขายออกไปโอกาสขาดทุนสูง อยู่แล้ว เพราะระบบที่เรารับจำนำมาในราคาที่สูงกว่าตลาดมันเป็นปัญหา ฉะนั้นจึงต้องบริหารจัดการให้รอบคอบที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุด ตรงนี้กรรมการจะรับกลับไป”

เมื่อถามว่า นายกฯมองว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน หลังจากได้รับฟังคำชี้แจงในที่ประชุมครม.โดยนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน นายกฯ กล่าวว่า อย่างกรณีที่เราดูตัวเลข มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างประเมินได้ยากมาก เพราะการประมูลมีการเสนอราคาเป็นช่วงและใช้อัตราเฉลี่ย ทำให้การแยกแยะในเรื่องคุณภาพข้าวโพดที่ควรระบายออกไปประเมินยากว่าราคาควร อยู่ที่เท่าไหร่ อีกทั้งการเปรียบเทียบราคาแต่ละรายจะยากมาก ขณะเดียวกันก็จะนำไปสู่การขาดทุนด้วย จึงขอให้ตรงนี้มีระบบที่ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ต้องดูแลว่าการระบายออกไปจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาราคาในอนาคตด้วย มีความโปร่งใสและการแข่งขันด้วย ก็จะกลับไปดู จริงๆแล้วครม.ยังไม่ลงรายละเอียด เพียงแต่กระบวนการที่ผ่านมายังมีข้อสงสัยและปัญหากันอยู่ ก็เอามาหาข้อยุติเสีย

เมื่อถามว่า จะกลายเป็นเรื่องขัดผลประโยชน์พรรคร่วมรัฐบาลจนทำให้พรรคร่วมไม่พอใจนายกฯ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า ทุกคนมาอยู่ในรัฐบาล ก็ต้องมีเป้าหมายการบริหารที่ตรงกัน กรณีนี้คือเราต้องระบายสินค้าเกษตรให้เราเสียหายน้อยที่สุดในเรื่องการ ขาดทุน มีความโปร่งใส ทุกคนก็ต้องยึดถือนโยบายนี้ เมื่อถามว่า คิดว่าพรรคร่วมจะเข้าใจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าเข้าใจ ที่ประชุมพิจารณาเรื่องนี้กันนานพอสมควร สุดท้ายก็เข้าใจตรงกันแล้วว่าต่อไปจะต้องทำอย่างไร

เมื่อถามว่า แต่มีการระบุว่านางพรทิวาไม่พอใจถึงขนาดกล่าวหานายกฯว่ามี 2 มาตรฐาน ต่างจากการพิจารณาโครงการของกระทรวงพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ ยิ้มก่อนกล่าวว่า ที่จริงก็ไม่ใช่คำพูดอย่างนั้น แต่ก็เป็นธรรมดา เวลาที่หน่วยงานอะไรเสนอมาแล้วเห็นว่ามีความเห็นแตกต่างกัน บางทีก็อาจจะมีการพูดจากระทบกระทั่งกันบ้าง แต่เป็นปกติของการประชุม

เมื่อ ถามว่า มองว่าโครงการดังกล่าวมีการคอร์รัปชั่นอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าคณะกรรมการนโยบายต้องไปหาคำตอบมา เพราะในการระบายสินค้าเกษตรในขณะนี้ ไม่เฉพาะเรื่องข้าวโพด ยังมีเรื่องข้าวที่กำลังติดตามอยู่ด้วย ที่มีการตั้งข้อสังเกตอยู่มาก และตนคิดว่ารัฐบาลจำเป็นต้องเข้าไปดูตรงนี้ ไม่เพียงแต่เรื่องความโปร่งใสเท่านั้น แต่ถ้าการดำเนินนโยบายเรื่องนี้ไม่ดี แล้วมีแต่จะสร้างปัญหามากยิ่งขึ้นในการบริหารจัดการพืชผลทุกตัว

เมื่อ ถามว่า มองว่านางพรทิวาสามารถนำนโยบายไปปฏิบัติได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก็ยืนยันว่าท่านพยายามทำอย่างดีที่สุด แต่ปัญหาในการพิจารณาที่ผ่านมา ตนคิดว่าบางครั้งเรื่องการตรวจสอบลงไปคงต้องมีความละเอียดมากยิ่งขึ้น เพราะในส่วนของตน กรณีพืชผลตนเป็นกรรมการนโยบายข้าวด้วย ก็เห็นได้ชัดว่ามันจำเป็นต้องกลับไปตรวจสอบเยอะในการแทรกแซงในช่วงที่ราคา จำนำสูง มันมีปัญหาที่ตามมาเยอะ

เมื่อถามว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะบานปลายไปถึงขั้นรัฐบาลทำงานร่วมกันไม่ได้จนต้อง ยุบสภาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมคิดว่าคงจะไม่ ต้องทำความเข้าใจกัน แต่หน้าที่ของผมคือเมื่อเป็นผู้ดูแลรัฐบาลอยู่ ก็ต้องให้รัฐบาลทำในสิ่งที่ดีที่สุด แล้วต้องแก้ปัยหาให้ได้ เพราะมาอยู่ตรงนี้ก็เพื่อทำงานให้สำเร็จ”

เมื่อถามว่า มีข่าวว่าอาจมีรัฐมนตรีลาออกหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาขัดแย้งได้ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าน่าจะพูดคุยกันได้ แต่ตนยืนยันว่าอย่างไรรัฐบาลก็ต้องเดินหน้าทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด เมื่อถามว่า นายกฯยังคิดว่ายังอยู่ในฐานะตำแหน่งที่ทำงานให้ประเทศอย่างดีที่สุดได้ใช่ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เวลานี้ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดร่วมกัน ไม่ได้มีปัญหา เมื่อถามว่า จำเป็นต้องนัดพรรคร่วมทำความเข้าใจกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็คุยกันตลอด

เมื่อถามย้ำว่า ในที่ประชุมมีการยกคำว่า 2 มาตรฐานขึ้นมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “มีครับ แต่ผมไม่ทราบหมายถึงใคร” เมื่อถามอีกว่า ต้องชี้แจงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ไม่ทราบหมายถึงใคร เพราะสอบถามไปแล้วก็ไม่มีคำตอบมา เมื่อถามว่า กังวลว่ากรณีที่เกิดขึ้นจะสร้างรอยร้าวให้รัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่กังวล ตนมีหน้าที่ทำงานให้ดีที่สุด รักษาสิ่งที่คิดว่าเป็นเป้าหมายในการบริหารราชการแผ่นดินไว้ และไม่คิดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นรอยร้าวรัฐบาล แต่คิดว่าการทำงานที่ผ่านมาก็มีหลายเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน ก็เป็นปกติ

เมื่อ ถามว่า มีการมองกันมากว่ากรมการค้าภายในอยู่ข้างพ่อค้ามากกว่ารัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าตรงนี้เป็นข้อสังเกตที่เราต้องหาคำตอบ แล้วการชี้แจงก็ต้องชี้แจงให้มีความชัดเจนไปทุกเรื่อง ตนยืนยันว่ายังยึดเรื่องผลประโยชน์ชาติ ตนก็ให้นโยบายกับนายกอร์ปศักดิ์ไปว่าต้องดูแลให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด กับภาครัฐ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการให้ราคาพืชผลกระเตื้องขึ้นมา และต้องมีความโปร่งใส เมื่อถามว่า มีการประเมินว่าอาจขาดทุนนับหมื่นล้านบาทจากการดำเนินการ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ ถ้าไม่มีระบบการวางกรอบการระบาย นี่คือจุดที่เป็นปัญหาในกรณีที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้มีการเดินหน้าทำเรื่องข้าวโพดกับข้าว โดยไม่เอากรอบให้ชัดเจนว่าในเชิงยุทธศาสตร์แล้วมันคืออะไร ไม่นั้นจะเสียหายค่อนข้างเยอะ

“ผมยืนยันว่าการตัดสินใจของผม ผมไม่ดูเลยว่ากระทรวงนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของพรรคไหน ผมดูจากงาน ตัวเนื้องาน แลวจะตัดสินใจตามนั้น” นายกฯ กล่าว

No comments:

Post a Comment