Wednesday, May 20, 2009

'ชาติชาย'ไม่ออกอาจต้อง'ปลด'

'มาร์ค'ยังทำมึนลูกพรรคกดดันเร่งให้ปรับ ครม.

"ชาติชาย"ไม่ออก ลั่นขอทำหน้าที่ต่อให้ถึงที่สุดอ้างเคลียร์กับผู้ใหญ่แล้ว โว 3 เดือนที่ผ่านมาไม่ด่างพร้อย “เนวิน” ว้ากหากยังเหนียวอาจต้องปลดกลางอากาศเสนอชื่อคนใหม่ ขณะที่ “มาร์ค” ทำมึนไม่รู้ลูกพรรคก่อหวอดกดดันปรับ ครม.อ้างยังไม่มีเสนอเข้ามา ด้าน “เทพเทือก” แย้ม ปชป.ไม่ปรับรัฐมนตรี โวทุกคนทำงานดี พร้อมปัดถึงกลุ่ม 12 ของ “ประชา พรหมนอก” ร่วมวง ด้าน ส.ส.หน้าใหม่ยอมรับอึดอัดกับการทำงานของรัฐมนตรี “เพื่อไทย” ประเมินไม่เกิน 2 เดือนรัฐบาลพัง แถมสั่งเบรกเลือกหัวหน้าใหม่ เพื่อแผ่นดินเคลื่อนไหว ขอเก้าอี้เพิ่ม 1 ตัว โวมี ส.ส.ในกำมือเพิ่ม ด้าน อนุกรรมการสมานฉันท์และแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 คณะสรุปผลเบื้องต้น ส่วนใหญ่หนุนแก้ยุบพรรค

ทำมึนไม่รู้ลูกพรรคก่อหวอด

เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปรับ ครม.ว่า ยังไม่มีการเสนอมา เมื่อถามว่า มีข่าวว่า ส.ส.พรรคจำนวนหนึ่งเสนอให้ปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีของพรรคบางคน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบ เห็นแต่ข่าวจากหนังสือพิมพ์

เมื่อถามว่า ได้มีการส่งสัญญาณเรื่องการปรับ ครม.ใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนไม่ได้ส่งสัญญาณให้มีการปรับ ครม.แต่บอกว่าถ้าพรรคใดจะเปลี่ยนแปลงภายใน มีเหตุผลรองรับในเรื่องการทำงาน ก็สามารถเสนอเข้ามาได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครเสนอมา

“มาร์ค”สนใจรถพลังไฮโดรเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศก่อนการประชุม ครม.นายอภิสิทธิ์ ได้ให้ความสนใจและทดลองขับรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนที่ผลิตโดยฝีมือคนไทย คือ พล.อ.ท.มรกต มณีสำรวจ ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานคณะกรรมการ วิจัยแห่งชาติ (วช.) และระหว่างนั่งทดลองขับรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวติดตลกระหว่างที่ช่างภาพสื่อมวลชนถ่ายรูปว่า “ถ่ายดี ๆ จะได้ไม่ต้องสงสัยอีกว่าผมอยู่ในรถหรือเปล่า” จากนั้น นายกฯได้ทดลองขับรถคันดังกล่าวจากบริเวณหน้าตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไป จนถึงบริเวณประตูทางเข้า

“เทพ”ยัน ปชป.ไม่คิดปรับ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับ ครม.ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับ ที่มีกระแสข่าวว่า ส.ส.หน้าใหม่ของพรรคต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนนั้น ไม่ทราบข่าวมาจากที่ไหน แต่เรื่องนี้ ส.ส.ในพรรคไม่เคยคุยกับตน ยืนยันว่าในพรรคยังเรียบร้อยดี

“ถ้ามีคนบ่นอะไรก็จะต้องมาบ่นกับผม เพราะเป็นที่รองรับอารมณ์คนอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าในที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่ 18 พ.ค.มีความกังวลใจกันเรื่องที่จะให้ ส.ส.ได้สะท้อนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณเงินกู้ที่จะนำไปใช้ในการ แก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ แต่เราไม่ได้อธิบายรายละเอียดให้ ส.ส.ในพรรคฟัง ผมได้พูดกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯและนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ว่าควรจะอธิบายให้ ส.ส.ฟังพร้อมเปิดรับความคิดเห็น ถ้า ส.ส. เข้าใจเรื่องนี้ก็จะนำไปชี้แจงต่อประชาชนได้” นายสุเทพกล่าว

โว รมต.พรรคทำงานได้ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคมั่นใจว่าการทำงานมีประสิทธิภาพจึงเห็นว่าไม่ควรจะมีการปรับเปลี่ยนใช่ หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะให้คะแนนการทำงานของรัฐมนตรีของพรรค แต่ประชาชน สื่อมวลชนสามารถประเมินได้ว่ารัฐมนตรีคนใดทำงานเป็นอย่างไร กว่า 4 เดือนที่ผ่านมารัฐมนตรีหลายคนของพรรคถือว่าทำงานน่าพอใจ เช่น นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม ทำได้ถูกใจหลายเรื่อง คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วิทยาศาสตร์ ในพรรคคงไม่มีใครเหมาะเท่า ส่วนนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ก็ไม่ได้หย่อนยาน จะมีพลาดเสียท่านิดเดียวเรื่องจับสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

ต่อข้อถามว่า ในกรณีของนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ เหมือนว่าทางพันธมิตรฯ จะแยกตัวค่อนข้างชัดเจน นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าไม่ยึดประเด็นที่นายกษิตไปขึ้นเวทีของคนเสื้อเหลือง คิดว่านายกษิตทำงานได้ดีและเป็นกำลังสำคัญของรัฐบาล เพราะเวลานี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาคนมาช่วยนายกฯ ด้านการต่างประเทศ เมื่อถามว่า แสดงว่าพรรคนับรวมนายกษิตเป็นคนของพรรคไม่ใช่คนของเครือข่ายพันธมิตรฯ ใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า นายกฯเลือกนายกษิตมาเป็นรัฐมนตรี ไม่ได้มาจากแรงดันของใครทั้งสิ้น

อุ้มทีมเศรษฐกิจทำงานดี

เมื่อถามว่า รัฐบาลกลัวแรงกระเพื่อมจากอะไรหรือไม่ จึงยังไม่พิจารณาปรับเปลี่ยนทั้งที่มีรัฐมนตรีหลายคนทำงานไม่เอาไหนโดยเฉพาะ ด้านเศรษฐกิจ นายสุเทพกล่าวว่า แรงจังเลยที่กล่าวว่าทีมเศรษฐกิจไม่เอาไหน ทีมเศรษฐกิจ ของพรรคมี 2 คนที่ช่วยนายกฯ ทำงานคือนายกอร์ปศักดิ์กับนายกรณ์ ตนมองว่าทั้ง 2 คนทำงานได้ดี แต่การประสานงานอาจตะกุกตะกักบ้าง บางทีก็ไปแปลความหมายของคำพูดผิดไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วประเมินว่าคะแนนยังดีอยู่

เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลเคยให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการทำงานของทีมเศรษฐกิจบ้างหรือไม่ ว่าควรจะปรับปรุงในแง่มุมใด นายสุเทพ กล่าวว่า คนทำงานร่วมกันก็ต้องมีคนสะท้อนความคิดเห็นมาถึงบ้าง ตนก็โดนต่อว่ามากมายและเอามาปรับปรุงตัวเอง ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลายฝ่ายมองว่าพรรคปรับเปลี่ยนเก้าอี้เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี ที่เป็นสมบัติผลัดกันชม นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มีพรรคเลือกคนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ ซึ่งในพรรคยังมีคนเก่งมีความสามารถอยู่อีกหลายคน แต่ในเวลาเช่นนี้ควรที่จะใช้คนที่ตนกล่าวมา

ปัดดึงกลุ่ม“ประชา”ร่วมวง

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคยืนยันว่าจะไม่ปรับ ครม.แต่ถ้าพรรคร่วมขอให้ปรับรับได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เรื่องนี้หัวหน้าพรรคร่วมต้องคุยกับรัฐมนตรีเอง ส่วนข่าวพรรคจะดึงกลุ่ม 12 ของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เข้ามาร่วมในรัฐบาลนั้น ต้องบอกว่าข่าวก็คือข่าว ตนกับ พล.ต.อ.ประชายังไม่เคยคุยกันในเรื่องนี้ แต่การที่รัฐบาลยิ่งมีเสียงมากเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น อย่างไรก็ตามถ้าพรรคร่วมรัฐบาลเห็นว่าในพรรคตัวเองควรจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ มาบอกกับนายกฯ ได้

เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยระบุจะได้ตัวคนที่จะมาเป็น รมช.เกษตรฯ แทนนายชาติชาย พุคยาภรณ์ ภายในวันที่ 21 พ.ค. รัฐบาลจะพิจารณาปรับ ครม.ได้เลยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องให้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยมาปรึกษาหารือกับนายกฯ แต่ตนยังไม่เห็นข่าวพรรคอื่นเกี่ยวกับการปรับ ครม.

ยอมรับ ส.ส.มีปัญหากับ รมต.

นพ.บุรณัชย์ สมุทรรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย 7 ส.ส.หน้าใหม่ แถลงปฏิเสธข่าวกดดันให้มีการปรับ ครม.เนื่องจากไม่พอใจการทำงานของรัฐมนตรีบางคนว่า ยอมรับว่ามีความอึดอัดในการประสานงานกับรัฐมนตรี แต่ไม่ถึงขึ้นต้องปรับเปลี่ยนตัวบุคคลในช่วงนี้ พรรคมั่นใจในการทำงานของรัฐมนตรีทุกคนในการฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ

“ยอมรับว่า ส.ส.มีข้อห่วงใยในเรื่องการประสานงานกับทีมงานของรัฐมนตรีเป็นหลักส่วนหนึ่ง มาจากการที่รัฐธรรมนูญไม่อนุญาตให้ ส.ส.เป็นที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรี ทำให้การประสานงานแก้ปัญหาให้กับประชาชนยากขึ้นกว่าแต่ก่อน” โฆษกพรรคกล่าว

ยังไม่ได้เทียบเชิญร่วมคณะ

ด้าน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน และหัวหน้ากลุ่ม 12 ส.ส.กล่าวสั้น ๆ ว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายสุเทพเพื่อให้เข้าร่วมรัฐบาล

นพ.วัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่ม 12 ส.ส.กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยพอที่จะมีการปรับ ครม. หากจะปรับปัจจัยที่พอจะให้เกิดการปรับ ครม.ใหญ่ได้คงต้องมาจากการพิจารณาคดีเขาพระวิหารของ ป.ป.ช.อาจมีรัฐมนตรีบางส่วนที่ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่

พผ.ไม่กล้าแตะ “น้องกุ้ง”

นพ.อลงกต มณีกาศ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่มวังพญานาค กล่าวว่า สัดส่วนของกลุ่มวังพญานาคและกลุ่มโคราชจะยังไม่มีการปรับ ส่วนรัฐมนตรีในโควตาอื่นโดยเฉพาะ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ เราคงไม่ก้าว ล่วง เพราะเป็นโควตาของกลุ่มบ้านริมน้ำ ที่มีสาย สัมพันธ์อันดีกับพรรคภูมิใจไทย

นพ.อลงกตยังกล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่ม พล.ต.อ.ประชาได้รับการติดต่อจากนายสุเทพมา อยู่ร่วมรัฐบาลว่า ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะกลุ่มพล.ต.อ.ประชามีอยู่จริง ๆ เพียง 3 คนเท่านั้น ที่เหลือมาอยู่ร่วมกับกลุ่มวังพญานาคหมดแล้ว ขณะนี้พรรคมี ส.ส.ทั้งสิ้น 24 คน การมี ส.ส.จำนวนมากเช่นนี้ พรรคอยากเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรีอีกสัก 1 ตำแหน่ง แต่อยู่ที่ท่านนายกฯ จะเห็นควรหรือไม่ เพราะขนาดพรรคภูมิใจไทย ที่มี ส.ส.มากกว่า พรรคเพื่อแผ่นดินไม่เท่าไหร่ ก็มีรัฐมนตรีเกือบ 10 คน ตรงนี้มีความเป็นธรรมแล้วหรือไม่

ชพน.ยืนกรานไม่ปรับ

นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยว และกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคจะไม่เสนอปรับ ครม.รัฐมนตรีทุกคนยังทำงานในความรับผิดชอบ ได้ดี หากพรรคใดมีปัญหาอะไรก็ทำกันไป ส่วนปัญหาการทำงานร่วมกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่มีปัญหา การทำงานมีความเห็นต่างกันได้ แต่ในทางการเมืองเราไม่มีปัญหาซึ่งกันและกัน

เมื่อถามว่า หาก ป.ป.ช.ชี้มูลคดีเขาพระวิหาร พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ถือเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา จะต้องเตรียมพิจารณาคนมาแทนหรือไม่ นายชุมพลกล่าวว่า กฎหมายว่าอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่พรรคยังไม่ได้คิดที่จะหาคนมาแทน รัฐธรรมนูญฉบับนี้เล่นเหมาเข่ง คนรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องเอาหมด ต้องแก้ไข

“เติ้ง”เชื่อถ้าปรับก็ปรับเล็ก

นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกระแสการปรับ ครม.ว่า คิดว่ายังไม่ถึงเวลาปรับ แต่บังเอิญมีกรณีนายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรฯ ซึ่งเป็นโควตาของพรรคภูมิใจไทย ถ้าปรับคงจะเป็นการปรับเล็ก ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์นัดแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหาร ภายหลังข่าวความขัดแย้งระหว่างนายกฯและนางพรทิวา นาคาศัย รมว. พาณิชย์ นายบรรหารกล่าวว่า ตนและแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้นัดทานข้าวกันมาเกือบอาทิตย์แล้ว พอดีมาประจวบเหมาะกันกับปัญหาความขัดแย้ง ยืนยันว่าไม่ได้หารือกันในเรื่องนี้ แต่หารือกันเรื่องเศรษฐกิจ

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าโดนชี้มูลเรื่องเขาพระวิหารและถูกตัดสิทธิทางการเมืองอีกครั้งก็พอดีอายุ 80 กว่า หากลงมติว่าตนทำผิดก็ต้องโดนตัดสิทธิอีกครั้ง ถ้าโดนอีกทีก็ต้องโบกมือลา กลับมาเล่นการเมืองไม่ไหวแล้ว

“ชาติชาย”อ้างเหตุไม่เข้าพรรค

วันเดียวกันที่กระทรวงเกษตรฯนายชาติชาย พุคยากรณ์ รมช.เกษตรฯแถลงเปิดใจถึงกระแสข่าวที่จะถูกปรับออกจาก ครม.ว่า ตนพยายามดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล หลายโครงการที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาด้านเกษตรกรรม เราพยายามผลักดันเรื่องจัดตั้งสหกรณ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถยืนด้วยลำแข้งตนเองได้ ขณะนี้ทั่วประเทศมีอยู่ 4 พันกว่า ตนพยายามลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาทำให้เข้าใจความรู้สึกว่าประชาชนมีความ ทุกข์อะไร

“ผมเป็นรัฐมนตรีของประชาชนรับฟังปัญหาอุปสรรคจากทุกฝ่าย เพราะการเป็นรัฐมนตรีต้องเข้าไปแก้ปัญหาให้กับทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด พรรคใด แต่บางครั้งอาจไม่ได้เข้าไปนั่งฟังและรับนโยบายมา แต่ก็ได้โทรศัพท์สอบถามถึงรายละเอียด เพราะคล่องตัวกว่า ผมทำหน้าที่ค่อนข้างพอสมควรแต่อาจมีข้อบกพร่องหรือข้อตำหนิไปบ้าง ถือเป็นข้อชี้แนะของผู้ใหญ่” นายชาติชายกล่าว

ไม่ออกขอทำหน้าที่ต่อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตัดสินว่าจะยังไม่ลาออกจากตำแหน่งใช่หรือไม่ นายชาติชายกล่าวว่า ปัญหาของเกษตรกรมีหลายเรื่องที่ต้องแก้ไข ตนขอทำหน้าที่ให้ประชาชนต่อ เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าได้ยื่นหนังสือลาออกต่อนายกฯแล้ว รมช.เกษตรฯกล่าวว่า มีผู้ใหญ่หลายท่าน รวมถึงนายกฯ ได้ให้คำแนะนำพอสมควร โดยเฉพาะนายกฯ ได้ชี้แนะให้ตนพยายามทำงานให้ดีที่สุด

“ขอถามว่าผมบกพร่องอะไรหรือเปล่า ในการทำหน้าที่ รมช.เกษตรฯ ผมจะพยายามทำ ให้ดีที่สุดจนถึงเวลาที่เหมาะสม โดยจะอยู่ใน ตำแหน่งสักระยะจนกว่าจะทำงานสำเร็จ” รมช.เกษตรฯกล่าว เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับนาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยหรือยัง นายชาติชายกล่าวว่า ตนทำความเข้าใจและได้เรียนทุกอย่างกับนายชวรัตน์แล้ว ขอให้เป็นดุลพินิจของผู้ใหญ่

มั่นใจ 3 เดือนงานไม่บกพร่อง

เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคระบุว่าได้ชื่อรัฐมนตรีคนใหม่แล้วยังจะอยู่ต่อหรือ นายชาติชายกล่าวว่า ด้วยความเคารพตนไม่ทราบจริง ๆ เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคให้ความมั่นใจอย่างไร ในเรื่องตำแหน่ง หากที่ประชุมมีมติขับออก นายชาติชายหัวเราะพร้อมกล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคจะดำเนินการ แต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า ที่บอกว่าเคลียร์แล้วคืออะไร นายชาติชายกล่าวว่า ตนจะทำงานให้ดีที่สุดก็แล้วกัน และรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้ใหญ่ เมื่อถามว่า ข้อคิดเห็นคืออะไรควรจะลาออกไปหรืออยู่ต่อไป นายชาติชายกล่าวว่า ให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เมื่อถามว่า ถ้าสมาชิกพรรคมีมติให้ออกจากตำแหน่ง นายชาติชายกล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ 3 เดือนที่ผ่านมาตนคิดว่ายังไม่บกพร่องอะไร

คุยกับ หน.ไม่ถือว่าจบ

นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายชาติชายแถลงข่าวยืนยันไม่ลาออกจากตำแหน่งว่า เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ของพรรคต้องปรึกษาหารือกันต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร กับเรื่องนี้ การที่ไปแถลงข่าวเช่นนั้นคงเป็นเพราะท่านคิดว่าได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคแล้ว คงจะจบ แต่เรื่องนี้ควรไปว่ากันในพรรคและถามความเห็นกัน

เมื่อถามว่า การพูดคุยกับนายชวรัตน์ถือว่าจบแล้วหรือไม่ โฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคท่านก็มีสิทธิตัดสินใจได้อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าวในสื่อและสาธารณะไปแล้ว ดังนั้นพรรคก็จำเป็นต้องอธิบายให้สาธารณะรวมทั้งสมาชิกพรรคได้รู้ว่าใน ที่สุดแล้ว พรรคมีความเห็นต่อการที่นายชาติชายประกาศอยู่ต่ออย่างไร ลำพังจะมาบอกว่าคุยกับหัวหน้าพรรคแล้วจบคงยังไม่พอ

“เนวิน”กร้าวไม่เอาแน่นอน

รายงานข่าวจากพรรคภูมิใจไทยเปิดเผยว่า ก่อนที่การประชุม ครม.จะเริ่มขึ้นนายชาติชายได้เดินเข้าไปยกมือไหว้นายอภิสิทธิ์และนายชวรัตน์ ก่อนที่จะเดินไปยังที่นั่งประจำ และก่อนที่จะปิดการประชุมนายชาติชายก็ได้ยกมือขอชี้แจงถึงผลการเดินทางไป เยือนญี่ปุ่น หลังจากที่พูดจบก็ไม่มีรัฐมนตรีคนใดแสดงความคิดเห็น และก่อนที่นายชาติชายจะแถลงข่าวยืนยันขอทำงานต่อ โดยไม่ลาออกจากตำแหน่งนั้น นายชาติชายได้เข้าพูดคุยกับนายชวรัตน์ว่าขอโอกาสทำงานต่อ

แหล่งข่าวใกล้ชิดนายเนวิน ชิดชอบ เปิดเผยว่า นายเนวินยืนยันที่จะปรับนายชาติชายออกจากตำแหน่งเนื่องจากไม่พอใจการวางตัว และการทำงานของนายชาติชายในช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก จึงไม่ยอมให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปแน่นอน หากนายชาติชายยังไม่ยอมลาออกเองอาจใช้วิธีเสนอรายชื่อรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะ เข้าไปดำรงตำแหน่งแทนนายชาติชายต่อนายกรัฐมนตรีเลย

เชื่อไม่เกิน 2 เดือนรัฐบาลพัง

ทางด้านพรรคเพื่อไทย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ กล่าวถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า ยังไม่ชัดเจน ข่าวที่ระบุว่า พ.ต.ท. สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา อาจจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้น ขอให้เป็นเรื่องของที่ประชุมใหญ่จะหารือกัน เดิมทีแนวทางของพรรคต้องการเปลี่ยนหัวหน้าเพื่อที่จะให้มีผู้นำฝ่ายค้านทำ หน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนเนื่องจากเราวิเคราะห์แล้วว่า พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้าน จะทำให้รัฐบาล มีปัญหาในการบริหารงาน เพราะการกู้เงินสูงกว่ากรอบหนี้สาธารณะที่กำหนดไว้ทำให้เสียวินัยทางการเงิน นอกจากนี้ ส.ว.หลายคนก็ไม่เอาด้วย คิดว่าไม่น่าเกิน 2 เดือนรัฐบาลจะยุบสภา

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ส.ส.ในพรรคจึงคิดว่ายังไม่มีความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนหัวหน้าพรรค การเปลี่ยนหัวหน้าพรรคควรทำทีเดียวเพื่อรองรับการเลือกตั้งเลยดีกว่า นอกจากนี้พรรคยังเช็กจำนวน ส.ส.ที่อาจจะย้ายพรรคไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่น ซึ่งการต่อสู้ครั้งต่อไปจะเป็นการต่อสู้ระหว่างกระแสกับกระสุน” นายวรวัจน์กล่าว

รอตัดสินวันประชุมใหญ่

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข่าว พ.ต.ท.สมชายมีชื่อเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนต่อไปว่า เป็นแค่ข่าวปล่อยจากกองเชียร์เท่านั้น ในที่ประชุม ส.ส. พรรคเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมาได้ระบุว่าบุคคลที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคต้องเป็น ส.ส.เท่านั้น การเลือกหัวหน้าพรรคจะต้องเป็นไปตามมติในที่ประชุมใหญ่ของพรรควันที่ 31 พ.ค. นายสมชาย นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย มีโอกาสขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคได้ทั้งนั้น

เมื่อถามว่า การเลือกหัวหน้าพรรคต้องอิง พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีอำนาจชี้นำในเรื่องนี้ ส่วนกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ มีชื่อเป็นแคนดิเดตนั้น เรื่องนี้ต้องดูมติในที่ประชุมพรรค

อนุ กก.สรุปไม่ควรยุบพรรค

ส่วนความคืบหน้าในการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไข รัฐธรรมนูญนั้น นายดิเรก ถึงฝั่ง ประธานคณะกรรมการฯ เปิดให้คณะอนุกรรมการทั้ง 3 คณะได้รายงานผลการทำงาน โดยพล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงว่า ได้พิจารณาการได้มาซึ่ง ส.ส.ที่ประชุมเห็นชอบให้มี ส.ส. 500 คน แบ่งเป็นระบบเขตเดียวเบอร์เดียว 400 คน บัญชีรายชื่อ 100 คน ไม่กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำ ซึ่งจะทำให้พรรคที่มีผู้สนับสนุนน้อยมีโอกาสได้รับเลือก

ส่วนการยุบพรรคมาตรา 68 และมาตรา 237 เกือบทั้งหมดเห็นว่า ไม่ควรยุบพรรค แต่กรณีมาตรา 237 วรรค 2 ตัวแทนทุกพรรคเสนอให้ตัดออก เพื่อให้เป็นความผิดเฉพาะตัวไม่นำไปสู่การยุบพรรค แต่ก็มีบางส่วนเสนอให้คงไว้ เพราะเห็นว่า ปัญหาการซื้อเสียง

อนุฯสมานฉันท์เสนอ 6 ข้อ

นายประเสริฐ ชิตพงศ์ คณะอนุกรรมการปฏิรูปการเมือง กล่าวว่า ข้อสรุปเบื้องต้นมี 4 ประเด็น คือ 1.โครงสร้างทางสังคมการเมือง และเศรษฐกิจตามรัฐธรรมนูญ 2.วัฒนธรรมทางการเมือง และการเผยแพร่ความรู้ประชาธิปไตย 3.หลักกฎหมายที่เอื้อต่อการพัฒนาประชาธิปไตย การทำให้ประเทศเป็นนิติรัฐ และ 4.บทบาททางการเมืองของภาคส่วนต่าง ๆ นายตวง อันทะไชย ประธานคณะอนุกรรมการสร้างความสมานฉันท์ทางการเมือง ของสังคมไทย กล่าวว่า ขณะนี้พบ 6 ประเด็นที่ตรงกัน คือ 1.ลดวิวาทะทางการเมืองที่มีการตอบโต้ใส่ร้ายกัน 2.รัฐบาลและฝ่ายค้านต้องลดการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง 3.เชิญสื่อมาเป็นภาคีเพื่อลดความขัดแย้ง 4.มีการเจรจากับคู่ขัดแย้งทุกระดับ 5.ทำสมัชชารับฟังความเห็นจาก ประชาชน เป็นสมัชชาสมานฉันท์ 4 ภูมิภาค และ 6.ผลักดันร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมานฉันท์

“แม้ว-เปรม”เคลียร์ปัญหาคาใจ

จากนั้นที่ประชุมเปิดให้กรรมการฯแสดงความคิดเห็น นายวิรัช รัตนเศรษฐ กรรมการ จากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กล่าวว่า หากเป็นไปได้อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณและ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ออกวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หากทำได้ความขัดแย้งภายนอกจะสงบและภายในก็จะเงียบ

นายประยุทธ ศิริพานิชย์ กรรมการจากสัดส่วนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีข่าวว่า คณะกรรมการฯ ไปยื่นข้อตกลงให้ ส.ว.สรรหา สนับสนุนการนิรโทษกรรมผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองแลกกับการให้ ส.ว.สรรหา อยู่ 6 ปี ถือ เป็นเรื่องเสื่อมเสีย ต้องชี้แจงต่อสังคม ขณะที่นาย ดิเรก ชี้แจงว่า ข่าวเรื่องการยื่นข้อตกลงนิรโทษกรรมแลกกับ ส.ว.สรรหาอยู่ 6 ปี ตนไม่สบายใจ และได้คุยกับ ส.ว.คนนั้นเพื่อทำความเข้าใจแล้ว ตนขอยืนยันว่า ไม่มีเรื่องดังกล่าวแน่นอน

เตรียมเสนอที่ประชุมใหญ่ลงมติ

ด้านนายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การเสนอบางเรื่องของคณะอนุฯ แก้รัฐธรรมนูญ เหตุผลไม่คงเส้นคงวาพอ เช่น บอกว่าระบบเขตเดียวเบอร์เดียวดูแลพื้นที่ได้ทั่วถึง แต่กลับให้ใช้ระบบบัญชีรายชื่อแบบเขตประเทศ รวมทั้งไม่ให้มีเกณฑ์ขั้นต่ำ นอกจากนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องการไม่ต้องสังกัดพรรค เพราะหากคิดเรื่องนี้การยุบพรรคอาจหมดไปได้

นายวุฒิสาร ตันไชย เลขานุการคณะกรรมการฯ กล่าวว่า ตามกรอบเวลาสัปดาห์หน้าจะครบกำหนดการทำงานของคณะอนุฯ โดยวัน ที่ 26-28 พ.ค. คณะอนุฯ สมานฉันท์จะเสนอประเด็นต่าง ๆ ให้กับคณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อให้มีมติ ส่วนวันที่ 2-4 มิ.ย. คณะอนุฯ ปฏิรูปฯ จะเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ จากนั้นอีก 2 สัปดาห์ถัดไป คณะอนุฯ แก้ไขรัฐธรรมนูญ จะสรุปประเด็นเพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ ซึ่งวันที่ 20 มิ.ย. จะครบ 45 วัน ของคณะกรรมการชุดใหญ่

“เติ้ง” หมายหัว 2-3 คน

นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการพิจารณาของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ที่ยังไม่มีความคืบหน้า โดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญในมาตรา 237 ว่า ก็เอาคนร่างเข้าไปอยู่ในกรรมการแล้วจะสมานฉันท์ได้อย่างไร ตนถือว่าความถูกต้องอยู่ที่ไหนความเป็นธรรมอยู่ที่นั่น ใจเขาใจเราลองเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างจะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร คนร่างน่าจะเข้าใจตนหมายหัวไว้ 2-3 คน

นายบรรหารยังกล่าวถึงการจัดทำงบประมาณปี 53 ว่า มีแต่งบประจำแทบจะไม่มีงบลงทุนเลย ในส่วนงบลงทุนตนขอเสนอแนะว่า การส่งเงินไปและเงินไม่ได้รีเทิร์นกลับก็เหมือนกับเราทิ้งหินลงไปในแม่น้ำ ทิ้งก็หายไปเลยงบบางตัวจะเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าเหมือนลูกฟุตบอลแล้วกระเด้งกลับมาก็เหมือนสร้างงาน ทำให้เงินสะพัด รัฐบาลต้องคิดตรงนี้ และสิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำอย่างเร็วคือ การเอาโครงการขนาดเล็ก ๆ มาทำให้เสร็จใน 6 เดือน ส่วนการให้เงินข้าราชการเพิ่มควรหยุดไว้ก่อน ถ้ารัฐบาลเน้นหนักในจุดนี้คาดว่าสิ้นปีนี้จีดีพีโตแน่

สั่งกอบกู้สินค้าเกษตรตกต่ำ

ส่วนการเมืองอื่นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 53 เรียบร้อยแล้วในวงเงิน 1.7 ล้านล้านบาท และได้จัดทำรายละเอียดทั้งหมดแล้วส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาในวาระที่ 1 คาดว่ากลางเดือน มิ.ย.

นายกฯยังได้ขอความร่วมมือให้ ครม. ช่วยกันดูแลเรื่องราคาสินค้าเกษตร และได้ขอให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ ไปศึกษาหามาตรการที่รวดเร็วในการเข้าไปช่วยแก้ปัญหา ถ้าจำเป็นต้องขออนุมัติเป็นเงินงบกลาง ขอให้เสนอมาที่ตนโดยตรง สำหรับการระบายสินค้า กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมเสนอหลักเกณฑ์ในการระบายสินค้าต่อที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า

เล็งเปิดวิสามัญถกงบฯ53

นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ครม.นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปจัดทำคำชี้แจง เกี่ยวกับการออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและเสริมสร้างความ มั่นคงทางเศรษฐกิจ วงเงิน 4 แสนล้านบาท เพื่อชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อทราบผลการวินิจฉัยแล้วก็ให้นำผลเสนอต่อสภาเพื่อขอเปิดประชุมสมัย วิสามัญภายใน 2 สัปดาห์

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ระบุว่าการชะลอ พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรม นูญหรือไม่ ทำให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจล่าช้าและประเทศชาติเสียหายว่า เป็นการพยายาม โทษความผิดให้ฝ่ายค้าน การที่ฝ่ายค้านได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เนื่องจากเห็นว่างบลงทุนจำนวน 2.8 แสนล้านบาท ไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง และอาจทำให้ประเทศชาติเป็นหนี้เพิ่ม ถือว่าประเทศชาติยังโชคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย

ปชป.นำโด่งเงินบริจาคภาษี

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบช่วงเดือน มี.ค.ช่วงยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปรากฏว่ามีผู้เจตนา บริจาคให้พรรคการเมืองที่ดำเนินการอยู่ 61 พรรค ทั้งสิ้น 66,364 ราย พบว่ามีผู้ประสงค์บริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์มากที่สุด 57,124 ราย พรรคเพื่อไทย 7,260 ราย พรรคชาติไทยพัฒนา 266 ราย พรรคภูมิใจไทย 100 ราย พรรคเพื่อแผ่นดิน 48 ราย และ พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 39 ราย

รายงานข่าวแจ้งว่า หากคิดฐานปัจจุบันบวกกับเงินร้อยละ 5 ที่รัฐบาลจะสมทบ พรรคประชาธิปัตย์ จะได้รับเงินทั้งสิ้น 5,998,020 บาท พรรคเพื่อไทยได้ 762,300 บาท พรรคชาติไทยพัฒนาได้ 27,930 บาท พรรคภูมิใจไทยได้ 10,500 บาท พรรคเพื่อแผ่นดิน 5,040 บาท พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาได้ 4,095 บาท

ไม่เคยสัญญา 6 เดือนต้องปรับ

ค่ำวันเดียวกันที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “การเมืองไทยปี 2020”ว่า ถ้าถามตนว่าใฝ่ฝันอยากเห็นการเมืองไทยเป็นอย่างไร ตนไม่ขอพยากรณ์ว่า 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ขอร่วมฝัน 2 ข้อ คือ 1.ใฝ่ฝันการเมืองไทยเติบโตพ้นจากความขัดแย้ง ตอบโจทย์การแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ นักการเมืองมีความรู้ ความสามารถ วิสัยทัศน์ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง 2.อยากเห็นนักการเมืองมีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส ยอมรับการมีส่วนร่วมจากประชาชน เพียงแค่ 2 ข้อนี้จะเป็นการเมืองในอุดมคติ ส่วนจะเกิดได้ภายใน 10 ปีหรือไม่ อาจจะใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี แต่ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางความคิด 100 ปีก็ไม่เกิด

ยอมรับคุย “ชาติชาย” แล้ว

จากนั้นนายกฯให้สัมภาษณ์อีกครั้งยอมรับว่า ได้พูดคุยกับนายชาติชายแล้ว สรุปเป็นปัญหาเรื่องการประสานงานกับพรรคภูมิใจไทย ตนบอกว่าถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องไปได้คำตอบมาว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไร ถ้าแก้ได้ก็แก้ถ้าแก้ไม่ได้ก็มาว่ากันอีกที ผู้สื่อข่าวถามถึงแรงกระเพื่อมภายในพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรียบร้อยดี ข้อเสนอ แนะที่ออกมาถือเป็นเรื่องธรรมดา ตนก็ฟังเสียงสะท้อน ส.ส. รัฐมนตรีบางคนที่อยากให้ปรับเปลี่ยนก็ต้องรับฟังและปรับปรุง

เมื่อถามว่า จะนำข้อติติงมาพิจารณาในการปรับ ครม.หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งที่ตนจะใช้ประกอบการตัดสินใจ ขณะนี้เพิ่งทำงานเข้าสู่เดือนที่ 5 ตนไม่ได้กำหนดว่าต้องปรับ ครม.กันวันนี้ พรุ่งนี้ แต่ทุกอย่างต้องมีการประเมินในภาพรวมตลอดเวลา ตอนนี้ทุกคนมีการตอบสนองต่อเสียงสะท้อน เมื่อถามว่า ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลได้มีสัญญาว่าจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งเมื่อครบ 6 เดือนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ไม่เคยพูดถึง 6 เดือน

ปชป.ปิดห้องจวกกันเละ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้เรียกประชุม ส.ส.มีการปิดห้องคุยกันแบบเปิดอก โดยเฉพาะประเด็นการปรับ ครม.ที่ ส.ส.หลายคนออกมาแสดงความไม่พอใจการทำงานของรัฐมนตรี ซึ่ง ส.ส.หลายคนได้แสดงความเห็นอย่างดุเดือด ว่าลอยตัว ไม่ใส่ใจสมาชิกพรรค ทำตัวเข้าถึงยาก ทำงานไม่เข้าเป้า จัดสรรงบฯ ลงพื้นที่ล่าช้า จนนายอภิสิทธิ์ต้องกล่าวตัดบทว่า งบฯจะได้ในสิ้นเดือนนี้ อย่างแน่นอน

ขณะที่นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส. สมุทรสงคราม ได้ประเมินผลการทำงานของรัฐมนตรีของพรรคว่า มีคนทำงานใช้ได้อยู่เพียง 2-3 คน เท่านั้น อาทิ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช. ศึกษาธิการ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ซึ่ง ส.ส.หลายคนก็ลุกขึ้นเสริมคำพูดของนางรังสิมาจนทำให้บรรยากาศภายในห้องคุก รุ่น ทำให้นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน ต้องตัดบทว่า มีอะไรให้เก็บไว้ก่อน แล้วเอาไปเสนอในที่สัมมนาที่ เกาะสมุย

เผย 5 ตัวเก็งซิวเก้าอี้ รมต.

แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีเสียงวิจารณ์การทำงานของนายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม เป็นพิเศษ เนื่องจากไม่มีผลงาน ไม่เคยร่วมประชุมกับพรรค ถูกข้าราชการประจำในกระทรวงครอบงำ ขณะที่คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ก็ทำงานประจำมากเกินไป ส.ส. ยังเข้าถึงยาก ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ผลงานโดยรวมยังใช้ได้ ขณะที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ผลงานดีมาก โดยเฉพาะการไล่บี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จนทำให้แทบไม่มีที่ยืนอยู่ในขณะนี้ หากจะมีการปรับ ครม.จริงนาย ธีระน่าจะเป็นตัวเลือกแรกที่จะถูกปรับออก

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า หากมีการปรับ ครม.จริง จะพิจารณารายชื่อบุคคลที่พลาดหวังครั้งแรกจำนวน 5 คน ประกอบด้วย นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กรุงเทพฯ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ

“ชาติชาย” ขอเวลาถึงสิ้นเดือน

แหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยเบื้องหลังการตัดสินใจของนายชาติชายที่ไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งว่า เนื่องจากนายชาติชายได้ต่อสายเจรจาและไปพบกับแกนนำพรรค 2 กลุ่มหลัก โดยนายชาติชายได้ให้คำยืนยันกับแกนนำพรรคว่า จะขอลาออกจากตำแหน่งภายในสิ้นเดือน พ.ค.ช่วงเวลาที่เหลือจะขอเคลียร์งานที่รับผิดชอบ

แหล่งข่าวยังกล่าวด้วยว่า หลังการแถลงไม่ลาออกของนายชาติชาย ทำให้เหล่าแกนนำทั้ง 4 กลุ่ม ทั้ง กลุ่มเนวิน กลุ่มมัชฌิมาฯ กลุ่มบ้านริมน้ำ และกลุ่มสรอรรถ กลิ่นประทุม ไม่พอใจนายชาติชายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสาเหตุที่อ้างว่าไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมพรรค เพราะต้องเอาเวลาไปทำงานให้ประชาชน เหมือนรัฐมนตรีคนอื่นของพรรคไม่ได้ทำงานให้ประชาชน แกนนำทั้งหมดจึงเห็นตรงกันว่าจะให้เวลานายชาติชายถึงแค่สิ้นเดือนนี้ เท่านั้น.

No comments:

Post a Comment