Sunday, May 17, 2009

ชงเลือกนายกฯโดยตรงล้างวิกฤติ

ดร.เอนกเสนอแก้ รธน. ปรับ ครม.เขี่ย'ชาติชาย'พ้นเก้าอี้ รมช.เกษตรฯ

จุดพลุวัดใจการเมือง"ดร.เอนก"ชงแก้ รธน.เลือกตั้งนายกฯ โดยตรง เชื่อล้างวิกฤติได้ พร้อมหนุนแนวทางแบ่งเค้กพรรคอันดับหนึ่งได้ 70 เปอร์ เซ็นต์ตั้ง ครม. ให้พรรครอง 30 เปอร์เซ็นต์ ชงนายกฯ ต้องจัดทีม ครม.เสนอให้ประชาชนรับทราบพร้อมกัน ปรับ ครม. เสร็จเพื่อนเนวิน ดูดโควตาหนุน “ครูแก้ว” เสียบแทน “ชาติชาย” นายกฯย้ำปรับแล้วต้องดีกว่าเดิม “สรอรรถ” ทำใจได้แต่มองตาปริบ ๆ ประชุมสภา เดินหน้า เว้นถก พ.ร.ก. กู้แหลก 4 แสนล้าน “ปู่ชัย” หารือนายกฯ ปล่อยให้ฝ่ายค้านยื่นตีความ เชื่อ พท.ไม่ป่วนถึงวอล์กเอาต์ สบน. มั่นใจรัฐบาลหาช่องแก้ปัญหาได้ ปชป. วอนเพื่อไทยอย่าตีรวน “พร้อมพงศ์” เยาะ ปชป. ทำได้แค่นโยบาย “99 วันกู้ทันที” สับมาตรฐานอภิสิทธิ์ตกต่ำ ขณะที่ “ยงยุทธ” ลาออก ชง “โอฬาร-ลุงตุ้ย” ชิงหน.เพื่อไทย “มหาจำลอง” ปัดนำชื่อ พธม. ตั้งพรรคต้องรอถามมติ “กี้ร์” ออกอัลบั้มเพลงหาเงินหนุนเสื้อแดง “ตู่” มอบตัวพร้อมยื่นประกัน ขณะที่ “เหลือง-แดง” ร่วมกิจกรรมรำลึก 17 ปีพฤษภาประชาธรรม นายกฯ เปิดช่องเรียนไม่ฟรีให้ร้องเรียนได้

ย้ำปรับครม.ต้องดีกว่าเดิม

เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมน ตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังพรรคภูมิใจไทยออกมาเปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการปรับ ครม.ภายในเวลา 6 เดือนว่า ขณะนี้รัฐบาลทำงานมาประมาณ 4 เดือนกว่า และมีการประเมินการทำงานตลอดเวลา หากคิดว่าปรับ ครม.แล้วทำให้การบริหารราชการดีขึ้นก็จะทำ ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องรอถึง 6 เดือน หากมีความจำเป็นต้องปรับ ครม. ก็ต้องปรับ เพื่อให้การทำงานดีขึ้น

เมื่อถามว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเสนอปรับ ครม.เพื่อแก้ไขปัญหาภายในพรรคของตัวเองควรจะมีการปรับหรือไม่ เช่นกรณีของนายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ไม่ยอมร่วมกิจกรรมของพรรคภูมิใจไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “การปรับ ครม.ต้องดูว่าการทำงานเป็นอย่างไร การประสานงานมีปัญหาหรือไม่อย่างไร เขาคงมีการสรุปมาให้ตนทราบอีกครั้ง” ต่อข้อถามว่ามองการทำงานของนายชาติชายในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนมีโอกาสได้พบ กับนายชาติชายในการประชุม ครม. ท่านก็สามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ในแง่การประสานงานถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีทุกคน

“ชวรัตน์” เป่า “ชาติชาย” พ้น

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาด ไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการผลักดัน นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส. นครพนม พรรคภูมิใจไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ แทนนายชาติชาย พุคยา ภรณ์ ในโควตากลุ่มของนายสรอรรถ กลิ่นประทุมว่า เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ในพรรคที่จะพูดคุยกับนายสรอรรถภายในสัปดาห์หน้า เพื่อเคลียร์ทุกประเด็นและหาข้อสรุปเรื่องนี้ เพราะตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ เป็นโควตาของนายสรอรรถ เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวคงจะไม่ทำให้เกิดปัญหาในพรรคภูมิใจไทย

นายชวรัตน์ ระบุว่า อย่างไรก็ตามในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตนไม่เคยนับนายชาติชายเป็นลูกพรรค เพราะนายชาติชายไม่เคยเข้าร่วมประชุมพรรคเลย เมื่อถามว่า ตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ ยังคงเป็นสัดส่วนของนายสรอรรถใช่หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า คงต้องให้นาย สรอรรถเสนอรายชื่อมาก่อน จากนั้นจะมีการพิจารณาตัวบุคคลอีกครั้งหนึ่ง

“สรอรรถ”ตาปริบ ๆ โควตาปลิว

นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวถูกกดดันให้ปรับนายชาติชายออกจากตำแหน่ง โดยกล่าวเพียงว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน โควตารัฐมนตรีของนายชาติชายจะเป็นโควตาของตนได้อย่างไร เพราะตนไม่ได้เล่นการเมืองแล้ว เมื่อถามว่าแต่นายชวรัตน์ ระบุจะประสานเพื่อพูดคุยกับนายสรอรรถในสัปดาห์หน้า นายสรอรรถ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้รับการประสานงานมา

ขณะที่ นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม จากกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า ในที่ประชุมพรรคภูมิใจไทยยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าบทบาทของนายชาติชายในการทำงานร่วมกับพรรคไม่ค่อยดีเท่าที่ควร เพราะไม่ค่อยเข้าร่วมประชุมพรรค จึงทำให้มีความห่างกับ ส.ส.ของพรรคพอสมควร จนทำให้ ส.ส.ในพรรคเริ่มถามกันว่าตกลงแล้วพรรคเรามีรัฐมนตรี กี่คนกันแน่ คนที่เป็นรัฐมนตรีก็ต้องคำนึงด้วยว่า เราทำงานแบบมีพรรค ก็ต้องแบ่งเวลาให้กับพรรค หรือมีเวลาพูดคุยกับ ส.ส.บ้าง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงพูดยาก เพราะนายชาติชายไม่ได้มาจาก ส.ส. แต่มาจากบุคคลภายนอก จึงทำให้ไม่มีความใกล้ชิดกับผู้แทน

“เพื่อนเนวิน”ล็อกโควตากลับ

เมื่อถามว่า แสดงว่าคนที่จะมาเป็นรัฐ มนตรีต่อไปควรมาจาก ส.ส.ใช่หรือไม่ นายประจักษ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าควรมาจาก ส.ส. เพราะจะเข้าใจความรู้สึกของประชาชนได้ดีกว่า และรู้ว่าพื้นที่ไหนมีความเดือดร้อน ประชาชนต้องการอะไร เมื่อถามว่า หากจะมีการปรับออกจากตำแหน่งจริงคิดว่าโควตา รมช.เกษตรฯ จะยังคงต้องเป็นของนายสรอรรถ หรือเป็นของพรรคภูมิใจไทย นายประจักษ์ กล่าวว่า ในความคิดส่วนตัวของตนคิดว่าต้องเป็นโควตาของพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่ของนายสรอรรถ เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม จะมารับตำแหน่งดังกล่าวแทน นายประจักษ์ กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ เพราะนายศุภชัยถือว่าทำงานให้พรรคมานานพอสมควร

รายงานข่าวแจ้งว่า มีแนวโน้มสูงที่นายชาติชายจะถูกปรับออกจากตำแหน่ง เนื่องจากนายสรอรรถ และนายเนวิน ชิดชอบ ไม่ค่อยพอใจการทำหน้าที่เท่าไหร่ เนื่องจากไม่ให้ความร่วม มือกับพรรค และ ส.ส.ของพรรคเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม ทางคนใกล้ชิดของนายชาติชายก็เปิดเผยว่าเรื่องดังกล่าวนายชาติชายพอที่จะ รู้ตัวมาก่อนหน้านี้ระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากมีข่าวลือมาเป็นระยะ ๆ และการทำงานในระยะหลังก็ค่อนข้างอึดอัดที่มีนักการเมืองในพรรคภูมิใจไทยบาง ส่วน เริ่มเข้าไปก้าวก่ายบางเรื่อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายชาติชายอยู่ระหว่างปฏิบัติราชการที่ประเทศญี่ปุ่นและไม่สามารถ ติดต่อได้

“ครูแก้ว”ลุ้นเสียบรมช.กษ.

นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงกระแสข่าว ที่จะมีการเสนอ นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ แทนนายชาติชายว่า นายศุภชัยนั้นถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคภูมิใจไทยคนหนึ่ง ซึ่งสามารถเป็นรัฐมนตรีได้อยู่แล้ว ถ้าหากจะมีการปรับเปลี่ยนกันจริง ก็เชื่อว่าพรรคจะได้ประโยชน์ เพราะนายศุภชัยก็เป็น ส.ส.อีกด้วยจึงสามารถที่จะเข้าถึงประชาชนได้โดยง่าย

เมื่อถามว่า ถ้ามีการปรับเปลี่ยนให้นายชาติชายออกแล้วเอานายศุภชัยเข้ามานั้น จะทำให้แกนนำในพรรคมีปัญหาหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะตามหลักการถ้ารัฐมน ตรีคนไหนทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ทางผู้ใหญ่ของ พรรคก็ต้องสรรหาคนที่มีความเหมาะสม ทำงานให้ประชาชนได้ประโยชน์และพรรคก็ได้ประโยชน์ วันนี้พรรคของเราหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นวันนี้ในพรรคภูมิใจไทย ไม่มี ส.ส.กลุ่มใด รัฐมนตรีโควตาของใคร

ยังเดินหน้าประชุมตามวาระ

สำหรับความชัดเจนการพิจารณาร่างพ.ร.ก.กู้เงินต่างประเทศที่จะเข้าสภาในวัน จันทร์ ที่ 18 พ.ค. นี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ได้รับทราบแล้วว่าฝ่ายค้านได้เข้าชื่อเพื่อยื่นหนังสือผ่านทางเลขานุการฯ ขั้นตอนต่อไปนายชัยจะต้องตรวจสอบรายชื่อเพื่อให้มั่นใจว่าถูกต้องตาม เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนเข้าใจว่านายชัยคงจะดำเนินการในสุดสัปดาห์นี้ และคงจะแจ้งผลให้ทราบในวันที่ 18 พ.ค. นี้ หากปรากฏว่าการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความถูกต้องตามรัฐธรรมนูญทุกประการเรา ก็ต้องชะลอการพิจารณาร่าง พ.ร.ก.เงินกู้ไว้ก่อน โดยต้องรอจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาตีความ คาดว่าคงจะมีการดำเนินการโดยเร็ว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการประชุมสภาในวันที่ 18 พ.ค. ก็ยังคงมีอยู่เพราะฝ่ายค้านยื่นตีความ พ.ร.ก.เพียงฉบับเดียว ส่วน พ.ร.ก. เรื่องบุหรี่ น้ำมัน และ พ.ร.บ.เงินกู้ในช่วงที่ 2 ก็ยัง สามารถพิจารณาต่อไปได้ เมื่อถามถึงการเตรียมแผนสำรองเพื่อหาเงิน 4 แสนล้านหาก พ.ร.ก.ขัดรัฐธรรมนูญไว้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องผ่านขั้นตอนการเตรียมการเรื่องต่าง ๆ เช่น การออกตราสาร การออกพันธบัตร ซึ่งตนได้เร่งรัดไปแล้ว และเชื่อว่าการพิจารณาของศาลรัฐธรรม นูญคงจะไม่ล่าช้า เป็นสิทธิของฝ่ายค้านในการตรวจสอบ ตนยืนยันมาตลอดว่าเราไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงแน่นอน และพร้อมให้มีการตรวจสอบการใช้เงินให้มีความโปร่งใสมากที่สุด

“ชัย”เชื่อพท.ไม่ดื้อวอล์กเอาต์

นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวง การคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ วงเงิน 4 แสนล้านบาท ในวันที่ 18 พ.ค.หลังจากที่ฝ่ายค้านยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในวันที่ 18 พ.ค.ยังมีการประชุมร่วมรัฐสภาเช่นเดิม ยังไม่มีการแจ้งเลื่อนการประชุม เพราะ พ.ร.ก.ดังกล่าว บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ ตนจะขอเวลาในช่วงเช้าประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อพิจารณาว่าคำร้องของพรรคเพื่อไทยที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 หรือไม่

นายชัย กล่าวว่า ได้นำเรื่องไปหารือกับนายอภิสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนายกฯก็ไม่ขัดข้องอะไร ไม่มีอะไรเป็นปัญหา เพราะนายกฯคนนี้เป็นประชาธิปไตย หากเห็นว่าเข้าข่ายตามมาตรา 184 ก็ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญได้ เพื่อให้ชะลอร่าง พ.ร.ก. ดังกล่าวไว้ก่อน ทั้งนี้แม้จะมีการชะลอร่างพ.ร.ก. แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการประชุมร่วมรัฐสภา เพราะยังมีร่างกฎหมายอีกหลายฉบับที่ค้างอยู่ ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านขู่วอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุมนั้น ไม่เชื่อว่าฝ่ายค้านจะทำเช่นนั้น เพราะฝ่ายค้านมีศักดิ์ศรี

สบน.เชื่อรัฐบาลหาช่องได้

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวแสดงความมั่นใจว่า พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 4 แสนล้านบาท จะผ่านการลงมติจาก สมาชิกรัฐสภา เพราะตรวจสอบแล้วว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งหลังจากผ่านการลงมติแล้ว สบน.จะปรับแผนการกู้เงินให้สอดคล้องกับการบริหารหนี้ใหม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ แต่ถ้าประธานสภานำ พ.ร.ก.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ อาจส่งผลให้ไม่สามารถนำเข้าสภาได้ทัน คงนำเข้าเพียงร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน เท่านั้น

นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า แม้ว่าการกู้เงินตาม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ กำหนดให้แต่ละปีต้องเป็นเงินไม่เกิน 20% ของวงเงินงบประมาณ บวกกับการกู้อีก 80% ของวงเงินต้น ในการชำระหนี้ แต่กฎหมายเปิดทางให้ว่า ในยามวิกฤติเศรษฐกิจมีปัญหาฉุกเฉิน รัฐบาลออก พ.ร.ก. กู้ในตลาด เพื่อนำมาใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ ให้เพียงพอได้ ถึงแม้จะมีผู้ฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่คาดว่ารัฐบาลจะชี้แจงถึงความจำเป็นเร่งด่วนได้

วอนฝ่ายค้านอย่าลีลาตีรวน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังฝ่ายค้านยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทาง เศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 4 แสนล้านบาท นายกฯมีท่าทีชัดเจนแล้วว่าเมื่อฝ่ายค้านจะมีการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ โดยจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น รัฐบาลก็จะเลื่อนเรื่องดังกล่าวไม่เข้าสู่การพิจารณา ดังนั้นตนเชื่อว่า บรรยากาศการประชุมวันที่ 18 พ.ค. จะดีขึ้น และยังมีกฎหมายสำคัญที่จะพิจารณา โดยจะมีการถ่ายทอดสดให้ประชาชนรับทราบด้วย พร้อมเรียกร้องให้ฝ่ายค้านคำนึงถึงส่วนรวม

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุน การออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทาง เศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 4 แสนล้านบาท เพราะพรรคคำนึงถึงความจำเป็น เนื่องจากมีปัญหาเรื่องความน่าเชื่อมั่นในประเทศ และสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาสืบเนื่องมาจากปัญหาทางการเมือง จึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือแก้ปัญหาให้ประชาชน ส่วนนายสาธิต ปิตุเตชะ ในฐานะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องพรรคเพื่อไทย ขอให้มีการตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่ตีรวนอย่างเดียว

พท.สับมาตรฐานปชป.ตกต่ำ

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงตอบโต้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาลที่เรียกร้องให้พรรค เพื่อไทยรับผิดชอบกรณีที่ได้เข้าชื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้านบาทไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทำให้การทำงานของรัฐบาลสะดุด แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการออก พ.ร.ก.ดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญรัฐบาลไม่จำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบทางการ เมืองเพราะ พ.ร.ก.ไม่ได้ถูกคว่ำในสภานั้น เป็นวาทกรรมทางการเมืองที่กลบเกลื่อนความรับผิดชอบและเป็นคำพูดเอาแต่ได้ของ นักการเมืองที่สังกัดสถาบันเก่าแก่

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ความรับผิดชอบของพรรคประชาธิปัตย์ในยุคที่มีนายอภิสิทธิ์ ตกต่ำกว่ายุคของนายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ในพรรคเพื่อไทยไม่มีอะไรต้องรับผิดชอบทั้งในทางการเมืองและกฎหมาย เนื่องจากการเข้าชื่อเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรม นูญ ม.185 โดยเจตนารมณ์เพื่อควบคุม ตรวจสอบการใช้อำนาจของ ครม.ตราพระราชกำหนดอย่างเข้มงวด

เยาะทำได้แค่ “99 วันกู้ทันที”

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนขอให้ย้อนกลับไปรัฐธรรมนูญ ม.184-185 โดยเฉพาะ ม.185 วรรคสอง บัญญัติว่าหากรัฐบาลจะเร่งรีบกู้เงินก็ทำได้ในระหว่างที่รอคำวินิจฉัย แต่หากผลวินิจฉัยขัดต่อรัฐธรรมนูญรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบจึงขึ้นอยู่ที่ว่า รัฐบาลจะกล้าหรือไม่ พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศช่วยกันตรวจสอบและจับตาดูว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังคิดอะไรอยู่ จึงได้ซ่อนเร้นกำหนดให้การกู้เงิน 4 แสนล้านบาท ไม่ต้องนำส่งคลังก่อน แต่ให้นำไปจัดสรรให้กระทรวงต่าง ๆ ได้ทันทีโดยตัดอำนาจการตรวจสอบของรัฐสภา

ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์เคยประกาศนโยบาย 99 วัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการยกเลิกกองทุนน้ำมันและเอาเงินมาลดราคาน้ำมันลิตรละ 2 บาท แต่เป็นรัฐบาลแล้วกลับลืมนโยบายแต่หันไปขึ้นราคาน้ำมันถึงลิตรละ 5 บาทและจะเต็มเพดานที่ 10 บาท จึงถามว่านโยบายสวยหรูของพรรคประชาธิปัตย์ เปลี่ยนเป็น 99 วันกู้ทันที สร้างหนี้ทั่วไทยแล้วหรือ

ให้จับตา “เก๋าเจี๊ยะ” สะพัด

นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียง ใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประชุมรัฐสภาวันที่ 18 พ.ค. พรรคเพื่อไทยจะอภิปรายตีแผ่ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้หมกเม็ดอย่างไร การเอาเงินกู้ไปลงทุนในโครงการของรัฐบาลนอกงบประมาณส่อให้เห็นว่ามีค่าเก๋า เจี๊ยะ ค่าคอมมิสชันในโครงการต่าง ๆ ซึ่งตนเรียกร้องนายกฯและวิปรัฐบาลเปิดใจกว้างให้ ส.ส.อภิปรายเต็มที่และถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ให้ประชาชนรับชม เพราะพรรค เพื่อไทยจะกระชากหน้ากากรัฐบาลที่จัดสรรงบประมาณให้กระทรวงอย่างอิ่มหนำ สำราญให้พรรคร่วมรัฐบาลมีชีวิตชีวามากขึ้น

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยไม่ได้คัดค้าน พ.ร.ก.ดังกล่าว แต่เห็นว่ารัฐบาลกู้เงินมาใช้ไม่ถูกกาลเทศะ ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง แต่สนองพรรคพวกและพรรคการเมืองตัวเอง นอกจากนี้การขึ้นภาษีน้ำมัน จะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างมาก ดังนั้นจะไม่ใช่ประชาชนมาก่อน แต่ประชาชนจะตายก่อน

ชู “โอฬาร” ชิงหน.เพื่อไทย

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนตัดสินใจแล้วว่าจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความเหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่ ส่วนสาเหตุที่ตนต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคนั้นเพราะมองว่าที่ผ่านมาการที่ หัวหน้าพรรคไม่ได้เป็นส.ส. ส่งผลให้การประสานระหว่างสภาและนอกสภาค่อนข้างยากลำบาก อย่างไรก็ตามตนจะแถลงข่าวลาออกอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าการลาออกไม่ได้มีแรงกดดันใด ๆ จากคนในพรรค แต่เป็นความคิดของตนเองส่วนอนาคตจะทำงาน อยู่กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทยว่าจะให้ตนทำงานอะไร

นายพร้อมพงศ์ แถลงว่า ในวันที่ 18 พ.ค. กรรมการบริหารเพื่อไทยจะประชุมเพื่อพิจารณาการปรับโครงสร้างพรรค และกำหนดวันประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ต่อไป หลังจาก ส.ส.เรียกร้องให้กรรมการบริหารพรรคต้องเป็น ส.ส.และมีผู้นำฝ่ายค้านในสภา เนื่องจากการไม่มีผู้นำฝ่ายค้านทำให้ต้องเสียสิทธิบางอย่างไป แต่อย่างไรก็มีการเสนอชื่อบุคคลที่ไม่ได้เป็น ส.ส.อย่างนายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกฯ และ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส.เป็นหัวหน้าพรรคด้วย

“จำลอง”ปัดตั้งพรรคชื่อพธม.

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธ มิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ปฏิเสธเรื่องการจัดตั้งพรรคการเมืองในชื่อพรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตยว่า ที่มีผู้จดทะเบียนไปนั้นไม่ใช่กลุ่มพันธมิตรฯ เขาไปจดของเขาเอง ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นคนกลุ่มใด เพราะพันธมิตรฯ ยังไม่มีการลงมติเรื่องการจัดตั้งพรรคการเมือง อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวนี้จะมีความชัดเจนในวันที่ 25 พ.ค.นี้ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ ได้นัดรวมตัวกันที่เมืองทองธานี เราจะขอถามความเห็นของผู้ชุมนุม และขอมติจากแกนนำด้วยว่าจะมีการตั้งพรรคการเมืองหรือไม่

พล.ต.จำลอง ยังกล่าวว่า อย่างไรก็ดี ถ้าจะตั้งพรรคการเมืองก็ต้องเป็นชื่ออื่น ซึ่งประชา ชนที่ออกมาเขาเชื่อว่าชื่อนั้นไม่สำคัญอะไรมากส่วนที่มีกระแสว่าจะนำโมเดล ของพรรคพลังธรรมมาใช้นั้น ยืนยันว่ามีการพูดจากัน แต่เราไม่ได้เอาเป็นหลัก ไม่มีธงอะไร ทั้งนี้ขอให้รอฟังวันที่ 25 พ.ค.ดีกว่าว่าเสียงส่วนใหญ่จะเป็นอย่างไร

จัดครบรอบ 1 ปีพธม.ชุมนุม

ขณะเดียวกันนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เผยแพร่ความคิดเห็นของตัวเองผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ถึงสื่อแขนงต่าง ๆ โดยระบุว่า การ จัดงานประชุมพันธมิตรฯ ในวันที่ 24-25 พ.ค. ได้ข้อสรุปหลัก ๆ แล้ว โดยในวันที่ 24 พ.ค. จะจัดประชุมที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยรังสิต ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. เชิญแกนนำจาก ทุกจังหวัดกว่า 3,000 คนเข้าร่วม ส่วนในวันที่ 25 พ.ค. เป็นงานรำลึก 1 ปีของการชุมนุมยืดเยื้อ 193 วัน จัดที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตั้งแต่เวลา 15.00-23.00 น. พร้อม มีริ้วขบวนสะท้อนการเมือง และพิธีรำลึกสดุดีวีรชนและผู้บาดเจ็บจากการชุมนุม

นายสุริยะใส ยังระบุถึงเรื่องการตั้งพรรคการเมืองว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แกนนำพยายาม จะไม่ออกความเห็นก่อนการประชุมเพราะจะเป็น การชี้นำ แม้แต่ละคนจะมีความเห็นในเรื่องนี้แต่ต้องฟังความเห็นจากประชาชน ยอมรับว่าที่ผ่านมากระแสเรื่องพรรคการเมืองใหม่มาจากข้างล่าง จากมวลชนของพันธมิตรฯ ก่อนที่จะมีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการในที่ประชุมแกนนำด้วยซ้ำ

“ตู่” มอบตัว “กี้ร์” ออกอัลบั้ม

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 พ.ค. เวลา 11.00 น. ตนเองจะเข้ามอบตัวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตามหมายจับข้อหายุยงปลุกปั่น ทำให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมืองและชุมนุมเกินกว่า 5 คนขึ้นไปตาม พ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง หลังจากประเมินแล้วว่าก่อนปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 20 พ.ค.นี้ สภาคงไม่มีการพิจารณาประเด็นเอกสิทธิ์คุ้มครองแน่ แต่ไม่ว่าสภาจะพิจารณาหรือไม่ ก็ไม่มีความหมาย อย่างไรก็ตามหลังมอบตัวตนจะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวทันที

ที่ชั้น 6 อิมพีเรียล ลาดพร้าว นายอริส มันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า ได้ออกอัลบั้มเพลง “รักในโฟนอิน” ซึ่ง ประกอบด้วยเพลงไทยสากล และเพลงลูกทุ่ง 12 เพลง ซึ่งที่มาของการทำอัลบั้มเพลงมาจากการต่อสู้ทางการเมืองจำเป็นต้องให้ ประชาชนมีส่วนร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้สนับสนุนการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยและ เยียวยาผู้ชุมนุมที่ได้รับผลกระทบ จากการตกลงกับบริษัทเพลงเจ้าของลิขสิทธิ์ได้มอบลิขสิทธิ์เพลงและรายได้ที่ เกิดจากการขายซีดีเพลงในช่วง 1 ปีแรกให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อใช้เป็นทุนในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ส่วนกิจกรรมที่จะทำร่วมกับการออกอัลบั้มคือการออกทัวร์คอนเสิร์ตแดงทั่วแผ่น ดินร่วมกับแกนนำคนเสื้อแดงต่อไป

“เอนก” ชงเลือกตั้งตรงนายกฯ

ที่โรงแรมสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เวลา 10.00 น. นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตหัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวในการสัมมนาหัวข้อเรื่อง “วิกฤติเศรษฐกิจและการเมืองไทย:นวัตกรรมการบริหาร จัดการ” กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนชอบวิกฤติเพราะถ้ามีวิกฤติเกิดขึ้นคนไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี เสมอ วิกฤติครั้งนี้ไม่หนักเท่ายุคล่าอาณานิคมที่ฝรั่งพยายามยึดประเทศไทย รวมทั้งการที่ญี่ปุ่นบุกไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือ เหตุการณ์ 6 ต.ค. 19 ซึ่งคนไทยผ่านวิกฤติเหล่านั้นมาได้ตลอด

เจ้าของทฤษฎีการเมือง 2 นคราประชาธิปไตย ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามตนมีข้อเสนอในเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ คือ เขียนลงไปในรัฐธรรมนูญว่าให้เลือกนายกรัฐมนตรีโดยทางตรงได้หรือไม่ ซึ่งรูปแบบนี้มีในประเทศอิสราเอล และให้นายกรัฐมนตรีเสนอรายชื่อบุคคลที่จะมาเป็น ครม. ทั้ง 35 คนให้ประชาชนได้เลือกเลยจะทำให้เราไม่ต้องมีรัฐมนตรีที่หน้าตาเหมือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ยืนยันว่าวิธีการนี้จะไม่เหมือนระบอบประธานาธิบดีเพราะต้องผ่านการโปรด เกล้าฯและเราก็ใช้ระบบนี้ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อบจ. อบต. และสมาชิกสภาเทศบาลต่าง ๆ

แบ่งครม. 70:30 ให้พรรครอง

นายเอนก กล่าวต่อว่า ทั้งนี้นายกฯ ต้องอยู่ในตำแหน่งคราวละไม่เกิน 4 ปี อย่าเสีย ดายเพราะบ้านเมืองไม่ได้สิ้นคนดีแน่นอน และต้องห้าม ส.ส. และส.ว.ลาออกมาเป็นรัฐมนตรี นอกจากนั้นต้องเขียนบทเฉพาะกาลไว้ในรัฐธรรมนูญระหว่างการเลือกตั้งต้องให้มี รัฐบาลรักษาการที่เป็นคนกลางมาทำหน้าที่ โดยมีคนที่เป็นกลางจริง ๆ เป็นนายกฯ ส่วนครม.ให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่แทน ไม่ใช่ให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จัดการเลือกตั้งเพราะจะทำให้เกิดความไม่ เป็นธรรมได้

นายเอนก กล่าวอีกว่า ถ้าอยากให้เกิดความปรองดองอย่างแท้จริงก็ให้เขียนในรัฐธรรม นูญเลยว่าให้นายกฯต้องตั้งครม. จากพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่ง 70 เปอร์เซ็นต์ และจากพรรคอันดับสอง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยจะเป็นการบีบในตัวว่าทั้งเหลืองและแดงต้องอยู่ด้วยกัน ซึ่งในเนเธอร์แลนด์และมาเลเซียมีการใช้ระบบนี้

เหลือง-แดงรำลึก 17 ปีพฤษภา

ที่บริเวณสวนสันติพร ซึ่งเป็นสถานที่จัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์พฤษภาประชาธรรม ข้างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้จัดงานรำลึก 17 ปี 17 พฤษภาคม “วันพฤษภาประชาธรรม” โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะตัวแทนรัฐบาล เดินทางมาวางพวงมาลา โดยมีผู้มาร่วมงานมากมาย นายโคทม อารียา ประธานมูลนิธิญาติวีรชนพฤษภาประชาธรรม, พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯกทม., นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง นายสามารถ แก้วมีชัย ตัวแทนประธานสภา, นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช., น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ, นางสุนีย์ ไชยรส อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, นายปริญญา เทวานฤมิตกุล คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นต้น พร้อมญาติของเหล่าวีรชนมาร่วมงานประมาณ 200 คน

โดยนายสาทิตย์ กล่าวสดุดีแด่วีรชนคนเดือนพฤษภาว่า 17 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าเหตุการณ์พฤษภาทมิฬยังคงอยู่ในความระลึกของใครหลายคน เพราะวีรชนเหล่านั้นถือเป็นผู้เสียสละทำให้ประชาธิปไตยก้าวหน้าขึ้นมา ขณะเดียวกันเหตุการณ์ในวันที่ 17 พ.ค. 2535 ถือเป็นบทเรียนให้กับสังคมไทยว่าควรหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย และเพื่อเป็นการอยู่ร่วมกันของสังคมไทยอย่างสันติสุข

ตั้งงบ27ล.สร้างอนุสรณ์สถานฯ

ส่วนเรื่องความคืบหน้าการก่อสร้างอนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม 2535 เพื่อเป็นการรำลึกถึงวีรชนผู้เสียสละ นายสาทิตย์ ระบุว่า เรื่องนี้ตนได้รับมอบหมายจากนายกฯให้เป็นตัวแทนรัฐบาลในการประสานงาน ซึ่งการประชุมครั้งล่าสุดมีข่าวดีในการสร้างอนุสรณ์สถานพฤษภา ประชาธรรม โดย กทม.ได้เตรียมงบประมาณจำนวน 27 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อจากนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าการก่อสร้าง อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม โดยนายประดิษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้ปรึกษากับสำนักงานกองสลาก แล้ว ในการหาสถานที่ขายชั่วคราวให้กับผู้ค้าสลากฯ โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าจะจัดสถานที่บางส่วนในบริเวณก่อสร้างสำนักงาน สลากฯ แห่งใหม่ และภายใน 6 เดือนผู้ค้าจะเริ่มโยกย้ายออกไป ซึ่งเบื้องต้นได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้ค้าซึ่งคาดว่าในปี 2553 การก่อสร้างจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

สละสิทธิเรียนฟรีได้ยอด 40 ล.

ที่โรงเรียนหอวัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวในการประชุมผู้บริหารสถานศึกษา เรื่อง “นโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ทำได้จริง” ว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองต่าง ๆ ให้ความสนใจในเรื่องการเรียนฟรี โดยบางพรรคถึงขนาดจะให้เรียนฟรีถึงระดับปริญญาตรี แต่รัฐบาลนี้ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำเช่นนั้นได้ จึงต้องเริ่มด้วยการลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ปกครองในสิ่งที่มองเห็น และจับต้องได้ 5 รายการ ได้แก่ ค่าเล่าเรียน อุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน หนังสือเรียน และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน อย่างไรก็ตามความสำเร็จในครั้งนี้เป็นความสำเร็จที่หลายฝ่ายในสังคมรอคอยมา นาน ซึ่งขอยืนยันว่าไม่ใช่การทำเพื่อเอาใจ แต่เป็นการยืนยันสิทธิของเด็ก และยืนยันว่ารัฐบาลจะดำเนินการสนับสนุนงบประมาณตามโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษา ธิการ กล่าวว่า ส่วนการที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รณรงค์ให้นักเรียนที่ครอบครัวมีฐานะและความพร้อมทางเศรษฐกิจ ได้ร่วมกันสละสิทธิค่าชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนนั้น ขณะนี้มียอดการสละสิทธิรวมประมาณ 40 ล้านบาท ซึ่ง ศธ.จะได้นำเงินส่วนนี้ไปมอบให้แก่โรงเรียนห่างไกล ที่มีคุณภาพอยู่ในระดับต้องปรับปรุง 591 โรงต่อไป สำหรับปัญหาการดำเนินโครงการเรียน ฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพนั้น ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาในทางปฏิบัติย่อมมีปัญหามาก เนื่องจากเป็นปีแรก แต่ขณะนี้ ศธ.และโรงเรียนมีความพร้อมเกือบ 100% เชื่อว่าเด็กทุกคนจะมีหนังสือเรียน และอุปกรณ์การเรียนใช้ในวันเปิดภาคเรียนอย่างแน่นอน รวมทั้งในวันที่ 18 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันเปิดเทอมวันแรกคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร

เปิดร้องเรียนเรียนฟรีไม่จริง

รมว.ศึกษาฯ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่บางโรงเรียนเรียกเก็บเงินค่าบำรุงการศึกษาจากนักเรียนคนละ 1,000 บาทนั้น สามารถทำได้ แต่จะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับ 5 รายการที่ ศธ.จัดให้ อย่างไรก็ตามหากผู้ปกครองหรือนักเรียนคนใด พบว่ามีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมซ้ำซ้อนกับ 5 รายการดังกล่าว ก็สามารถร้องเรียนมายังสายด่วน ศธ. โทร. 1579 หรือทำหนังสือร้องเรียนมาถึงตนโดยตรงได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกล่าวโอวาท นายอภิสิทธิ์ ได้ใช้ปากกาเลเซอร์เขียนข้อความ “เรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ ทำได้จริง” และลงนามบนกระดานเลเซอร์

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติว่า หากพบว่ายังมี การเก็บค่าใช้จ่ายแฝงที่ไม่ควรเก็บก็สามารถร้องเรียนมาได้ที่ศูนย์บริการ ประชาชนทำเนียบรัฐบาล หมายเลข 1111 รวมทั้งทางกระทรวงศึกษาธิการ ก็ได้เปิดสายรับร้องเรียนเป็นการเฉพาะที่หมายเลข 1579 ซึ่งผู้ปกครองสามารถร้องเรียนเข้ามาได้เราจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและ จัดการต่อไป

“เสื้อแดง” ร่วมนอนรำลึกอาลัย

ที่สนามหลวง เวลา 20.00 น. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงจุดประสงค์การชุมนุมว่า เนื่องจากเป็นวันที่ครบรอบ 17 ปี เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ คนเสื้อแดง จึงมารวมตัวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย และในช่วงค่ำจะเคลื่อนมวลชนไปรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อผูกผ้าแดงทั้งผืนรอบฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อเป็นสัญลักษณ์การ พัฒนาของประชาธิปไตย ก่อนจะเดินไปยังแยกผ่านฟ้า และให้ผู้ชุมนุมนอนที่พื้น 5 นาทีเพื่อรำลึกเหตุการณ์พฤษภาทมิฬและเหตุการณ์ชุลมุนเมื่อ 13 เม.ย. อย่างไรก็ดี หากฝนไม่ตกก็จะร่วมกันจุดเทียนเพื่อรำลึกถึงวีรชนในเหตุการณ์พฤษภาประชาธรรม ที่ลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยต่อไป.

No comments:

Post a Comment