Wednesday, May 20, 2009

"ประชา"แบะท่าร่วมรัฐบาลโชว์12ส.ส.อยู่ครบ

"ประชา" นำกลุ่ม 12 โชว์ตัว โต้ข่าวเหลือแค่ 3 ยันไม่รับตำแหน่ง แต่พร้อมดันคนในกลุ่มแทน ชี้ไม่จำเป็นต้องขอมติเพื่อแผ่นดิน ตอก "ชาญชัย" ไม่ใช่หัวหน้าพรรค ด้านศาล รธน.รับตีความ พ.ร.ก.กู้เงิน เรียกนายกฯ-เพื่อไทย แจง 26 พ.ค. แพทย์ 4 รพ.ยันสลายเสื้อแดงไม่มีคนตาย ตร.สรุปคดีพลทหารตายเป็นอุบัติเหตุ-จับเพิ่มอีก 1 เสื้อแดงทุบรถนายกฯ

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมด้วย ส.ส.ในกลุ่ม ได้แก่ นพ.วัลลภ ไทยเหนือ ม.ร.ว.กิติวัฒนา ไชยันต์ นายสมเกียรติ ศรลัมภ์ ส.ส.สัดส่วน และ นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน ร่วมกันแถลงถึงกรณีที่นายอลงกต มณีกาศ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน ระบุว่า กลุ่ม พล.ต.อ.ประชา มี ส.ส.เพียง 3 คน

พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า ส.ส.ในกลุ่มยังคงเหนียวแน่นอยู่ทั้ง 12 คน และมีจุดยืนว่าอยากให้รัฐบาลบริหารประเทศไปได้ด้วยดีและเกิดความสมานฉันท์ ไม่หวังตำแหน่ง แต่หากจะใช้บุคลากรในกลุ่มของตนเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนก็พร้อมสนับสนุน

เมื่อถามอีกว่า นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินคนปัจจุบัน ยืนยันว่า หากจะให้โควตารัฐมนตรีแก่กลุ่มของ พล.ต.อ.ประชา จะต้องผ่านมติพรรคก่อนเท่านั้น พล.ต.อ.ประชาย้อนถามว่า นายชาญชัยเป็นใคร ขณะนี้ก็ยังไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค เป็นเพียงแค่กลุ่มหนึ่งเท่านั้น และพรรคเพื่อแผ่นดินก็ยังมีอยู่สองกลุ่ม ยอมรับว่าอยู่ในสถานะที่แปลกคือยังไม่มีหัว และหากได้รับโควตารัฐมนตรีพวกตนก็ไม่จำเป็นต้องนำมาหารือกับกลุ่มของนายชาญ ชัยก่อน

นพ.วัลลภกล่าวว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะปรับ ครม.ในทางใด กลุ่มพร้อมสนับสนุน ซึ่ง พล.ต.อ.ประชา ได้แสดงสปิริตว่า หากมีการปรับ ครม.จะไม่ขอรับตำแหน่ง และหากไม่ใช่งานที่ถนัดจะไม่รับตำแหน่งเช่นกัน เพราะในกลุ่มยังมีคนที่สามารถทำหน้าที่ได้ ทั้งนายสุรเดช ยะสวัสดิ์ นายสมเกียรติ ศรลัมภ์ และ นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ เมื่อได้นายกรัฐมนตรีที่ตั้งใจทำงานแล้ว ก็อยากได้ ครม.ที่มีประสิทธิภาพด้วย และยืนยันว่า การแสดงออกในครั้งนี้ไม่ใช่การตีรวนหรือผิดหวังจากการเจรจาปรับ ครม.

"หมอแว"ขู่ไม่โหวตงบปี 53 ให้รัฐบาล

นพ.แวมาฮาดีกล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า อยากเรียกร้องไปยังพรรคประชาธิปัตย์ให้คำนึงถึงความรู้ความสามารถของคนใน พรรคเพื่อแผ่นดินเป็นหลักด้วย ทั้ง พล.ต.อ.ประชา นพ.วัลลภ และนายสมเกียรติ ที่มีความรู้ความสามารถ แต่รัฐบาลยังไม่ได้ใช้บุคลากรเหล่านี้ ดังนั้นต้องคำนึงถึงคุณภาพพอๆ กับเสถียรภาพด้วย ไม่เช่นนั้นก็น่าเป็นห่วงการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 จะไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา เพราะการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงที่ผ่านมา แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

"อภิสิทธิ์" เผยไม่มีพรรคไหนยื่นปรับครม.

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคิดเห็นที่แตกต่างของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งว่า ในการประชุมพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พรรคเปิดโอกาสให้พูดกันพอสมควร และวันที่ 23-24 พฤษภาคมนี้ พรรคก็จะมีการสัมมนาที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่า ต้องการให้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจบลงในการสัมมนาพรรคใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าว ว่า จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส.ส.ก็มีหน้าที่ติดตามตรวจสอบประเมินการทำงานของรัฐบาลด้วย ก็ต้องถือว่าต่างคนต่างทำหน้าที่กันไป

ส่วนการปรับ ครม.จะมีขึ้นหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีพรรคไหนเสนอมา และจากการพูดคุยกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทยนั้น ถือว่าปัญหาในส่วนของพรรคใดก็ต้องไปคุยกันเอง กรณีของนายชาติชายก็ให้ไปคุยกับพรรคเอง

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อแผ่นดินระบุว่า หากจะให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี อาจจะต้องมีการขอโควตาเพิ่ม เพราะถือว่าไม่เกี่ยวกับส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดินว่า “ไม่ได้คุยเรื่องโควตาอะไรเลย แต่เรื่องของ ส.ส.นั้น ตอนที่ลงมติในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เป็นครั้งหนึ่งที่มี ส.ส.มาลงคะแนนสนับสนุนรัฐบาล"

ส่วนที่พรรคเพื่อแผ่นดินมองว่า พรรคภูมิใจไทยมีจำนวน ส.ส.ไม่ได้มากน้อยกว่ากันเท่าไหร่ แต่กลับมีโควตารัฐมนตรีมากกว่า จึงจะมีการขอเพิ่มบ้างจะว่าอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ถ้าคิดอย่างนั้น โควตาพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องเพิ่มขึ้นเยอะแหละครับ”

"สุเทพ"ยันไม่เปลี่ยนตัวทีมเศรษฐกิจ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะไม่มีการปรับ ครม.ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่จะเป็นนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง และยืนยันว่าไม่มีแรงกระเพื่อม แรงผลักดันที่จะให้มีการปรับ ครม.ในส่วนของพรรคเลย

นายสุเทพกล่าวว่า ในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แม้จะไม่อยู่ด้วย เพราะไปปฏิบัติภารกิจแทนนายกรัฐมนตรีในต่างจังหวัด แต่นายชุมพล กาญจนะ ประธาน ส.ส.พรรค รายงานว่าไม่มีเหตุการณ์อย่างที่เป็นข่าว มีแต่การแสดงความกังวล แนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงการนำงบประมาณไปให้ ที่ ส.ส.ตำหนิว่ายังไม่รวดเร็วเท่าที่ควร

"ชวรัตน์"รับหาคนแทนชาติชายแล้ว

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายชาติชายแถลงไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้งที่ถูกสมาชิกกดดันอย่างหนัก ว่า นายชาติชายไม่ได้พูดแค่นั้น แต่ได้บอกในตอนท้ายว่า สักวันหนึ่งจะมีการขยับ เพียงแต่ไม่ได้พูดตรงๆ ว่าจะลาออก

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้นายชาติชายดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ใช่หรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า "ครับ ได้คุยกันไว้ว่าเป็นอย่างนั้น" และขณะนี้เตรียมบุคคลไว้ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ แทนนายชาติชายแล้ว แต่ยังบอกชื่อไม่ได้

ด้านนายชาติชายเดินทางมายังตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวว่า มาพบนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะราคาลิ้นจี่ และขออนุญาตไม่พูดเรื่องการเมือง เพราะจะรีบทำงาน

ส่วนที่นายชวรัตน์บอกว่า จะให้โอกาสทำงานถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม นายชาติชายกล่าวว่า ขออนุญาตทำงานดีกว่า กำลังจะไปเปิดเว็บไซต์ไทยฟู้ดดอทคอม

เมื่อถามว่า จะเข้าร่วมประชุมพรรคภูมิใจไทยในวันที่ 21 พฤษภาคมหรือไม่ นายชาติชายกล่าวว่า ขอเช็กเวลาอีกครั้งว่าจะว่างหรือไม่

ไปสมุยสุดสัปดาห์นี้ถกปชป.ปรับครม.

รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 22 พฤษภาคมนี้ นายชวรัตน์มีกำหนดเดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารสำนักงานการไฟฟ้าส่วน ภูมิภาค (กฟภ.) อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นที่น่าสังเกตว่า กำหนดการดังกล่าว คณะทำงานของนายชวรัตน์ ซึ่งมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงาน รมว.มหาดไทย น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ แจ้งไปยัง กฟภ.เพื่อขอล็อกให้วันที่ 22 พฤษภาคม เป็นวันเปิดอาคารสำนักงานการไฟฟ้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พรรคประชาธิปัตย์จัดสัมมนาพรรค เพื่อหารือเรื่องการปรับ ครม. สอดคล้องกับการที่พรรคภูมิใจไทยเตรียมผลักดันให้นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม ขึ้นเป็น รมช.เกษตรฯ แทนนายชาติชาย ที่คาดว่าจะพ้นจากตำแหน่งในสิ้นเดือนนี้
ทั้งนี้ คาดว่านายชวรัตน์จะไปพบกับแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 23 พฤษภาคม หลังจากเป็นประธานในพิธีดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เปิดที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา

เมื่อเวลา 07.30 น. วันเดียวกัน มีพิธีเปิดป้ายที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนาอย่างเป็นทางการ โดยมีการทำบุญเลี้ยงพระ ทั้งพิธีพราหมณ์ และพิธีสงฆ์ โดยมีนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย นายประภัตร โพธสุธน อดีตเลขาธิการพรรคชาติไทย นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย และ ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมทั้งอดีต ส.ส.พรรคชาติไทย เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง รวมทั้ง น.ส.จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ ที่มาพร้อมคู่หมั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานมีการออกร้านอาหาร 21 ร้าน โดยถือเคล็ดจัดร้านก๋วยเตี๋ยว 9 ซุ้ม ว่า พรรคชาติไทยพัฒนาเป็นพรรคที่มีเส้น และไม่มีเกาเหลา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากมีบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมแสดงความยินดีอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วง เช้า โดยนายชาติชายมาแสดงความยินดีเป็นคนแรก จากนั้นก็กลับออกไปทันที ต่อมาเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม และหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีและการสื่อสาร (ไอซีที) นายเนวิน ชิดชอบ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา

นายกฯถก"เติ้ง-เสธ.หนั่น-สุวิทย์"

มีรายงานว่า ภายหลังนายกรัฐมนตรีร่วมพิธีเปิดแพรคลุมป้ายพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว ได้เข้าไปหารือร่วมกับนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ห้องรับรอง โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที

นายอภิสิทธิ์ให้ สัมภาษณ์ถึงการหารือกันว่า เป็นการพูดคุยกันทั่วๆ ไป ไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องการปรับ ครม.หรือเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แต่เป็นการพูดคุยเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก

"สนธิ"ปัดจัดสรรเก้าอี้รมต.พันธมิตร

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีมีการระบุว่า พันธมิตรวางตัวบุคคลที่จะดำรงในตำแหน่งรัฐมนตรีจากพรรคพันธมิตรไว้ทั้งหมด แล้ว ว่า ไม่เป็นความจริง เชื่อว่าคนที่เป็นต้นตอของข่าวน่าจะเป็นคนภายในพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการวางยา หรือดิสเครดิตพันธมิตร

นายสนธิกล่าวว่า พันธมิตรเป็นมิตรกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่เห็นว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์ควรใจกว้างด้วย เพราะไม่เช่นนั้น หากพันธมิตรตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาจริง และอาจต้องส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงพื้นที่เดียวกับที่พรรคประชาธิปัตย์มีฐานเสียงอยู่ ก็จะต้องไปสู้กันอีกทีในการเลือกตั้ง ที่ผ่านมาไม่เคยทวงบุญคุณจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่เวลานี้อาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องใช้คำนี้

นายสนธิยอมรับว่า ส่วนตัวยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเข้าไปมีตำแหน่งหรือไม่ หากพันธมิตรมีการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาจริง เพราะขณะนี้ยังไม่ได้คิด ซึ่งความชัดเจนในเรื่องการตั้งพรรคนั้นจะต้องรอที่ประชุมพันธมิตร ในวันที่ 24-25 พฤษภาคมนี้

จับอีก 1 เสื้อแดงทุบรถนายกฯในมท.

พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี สามารถจับกุมนายอรุณ ฉายาจันทร์ อายุ 41 ปี ผู้ชุมนุมเสื้อแดง ที่ตกเป็นผู้ต้องหาก่อเหตุบุกรุกเข้าไปในกระทรวงมหาดไทย และทุบรถยนต์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา โดยจับกุมได้หน้าสนามมวยลุมพินี ถนนพระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. ระหว่างเข้าไปชมการแข่งขันชกมวย โดยแจ้ง 4 ข้อหา คือ ชิงทรัพย์, ร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ, หน่วงเหนี่ยวกักขัง และร่วมกันมีและพกพาอาวุธปืน จากการสอบสวนเบื้องต้นนายอรุณให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าอยู่ในเหตุการณ์จริง และเป็นผู้ยึดปืนชุดรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่ไม่ได้ทุบรถนายกรัฐมนตรี

แพทย์4รพ.ยันสลายม็อบไม่มีคนตาย

เมื่อเวลา 10.00 น. มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง เป็นวันที่สาม มีนายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธานคณะกรรมการ โดยเชิญผู้อำนวยการ 4 โรงพยาบาล ที่รับรักษาผู้บาดเจ็บ ได้แก่ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลศิริราช รวมทั้งสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศูนย์นเรนทร) มาชี้แจง

ช่วงแรก นพ.นำชัย คุณธารากรณ์ ผอ.โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ชี้แจงว่า โรงพยาบาลรับรักษาทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมและทหาร โดยส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างต่ำ เช่น อาวุธปืน 9 มม. แต่ไม่ได้สอบถามผู้บาดเจ็บว่าใครเป็นผู้ทำร้ายและใส่เสื้อสีอะไร นอกจากนี้ทหารส่วนใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย มาจากกองทัพภาคที่ 2 จ.ปราจีนบุรี ส่วนผู้ชุมนุมที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกมี 3 ราย ขณะนี้ยังเหลือพักรักษาตัวอยู่ 1 ราย ทั้งนี้ จากการสลายการชุมนุมไม่พบว่ามีผู้เสียชีวิต โดยมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 138 คน ขณะนี้ยังมีผู้ที่รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 4 คน กระจายตามโรงพยาบาลต่างๆ

นพ.นิติกร โปริสวาณิชย์ แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช กล่าวเสริมว่า เบื้องต้นไม่ได้รับรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุม และไม่แน่ใจว่าผู้ที่เสียชีวิต 2 คน บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา เกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือไม่

นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้สอบถามถึงกรณีมีผู้ชุมนุมไปปิดล้อมโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อทวงศพผู้เสียชีวิต จึงอยากทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร และมีผู้เสียชีวิตจริงหรือไม่ ซึ่ง นพ.ชาตรี เจริญชีวกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศูนย์นเรนทร) กล่าวว่า ในฐานะที่ตนอยู่ในเหตุการณ์ ขอชี้แจงว่า เกิดจากความเข้าใจผิดกรณีนายไสว ทองอุ้ม ซึ่งถูกยิงที่หน้าอกซ้ายมีเลือดออกมา และมีคนที่นำส่งโรงพยาบาลเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู คิดว่านายไสวเสียชีวิต เนื่องจากหมดสติไป จึงไปขึ้นเวที นปช. และประกาศว่ามีคนตาย แต่แพทย์ได้ปั๊มหัวใจและช่วยชีวิตได้ทัน ส่วนเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าไม่มีผู้เสียชีวิต เนื่องจากตนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย และยืนยันว่าไม่มีการซ่อนศพไว้แต่อย่างใด

ตร.สรุปคดีพลทหารตายเพราะอุบัติเหตุ

พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ เครือสุข ภายในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ว่า ได้รับรายงานจากคณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราช ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของพลทหารอภินพแล้ว ว่า เกิดจากฐานกะโหลกศีรษะส่วนหลังด้านซ้ายแตกร้าว เลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนาด้านซ้าย จากการสอบสวนได้ข้อมูลว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้าพักบ้านแม่ทัพภาคที่ 1 ช่วงเวลาประมาณ 02.30-07.00 น.ของวันที่ 13 เมษายน และกลับไปโดยไม่ได้กลับมาอีก พยานบุคคลที่สอบทั้งหมดมี 20 ปาก แต่ที่สำคัญมี 4 ปาก คือ เพื่อนผู้ตาย 2 คน มารดา และแฟนสาวของผู้ตาย ก่อนตายผู้ตายได้ติดต่อกับมารดาและแฟนสาวเป็นระยะ และส่งข้อความไปยังมือถือแฟนสาว ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. วันที่ 13 เมษายน ว่า "เมื่อคืนนายกฯ มาค้างที่บ้านแม่ทัพด้วย"

รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า กระทั่งค่ำวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา ผู้ตายได้โทรศัพท์คุยกับแฟนสาวให้ซื้อไหมญี่ปุ่น เพื่อทำสร้อยห้อยพระ แต่หลังจากนั้นเวลาประมาณ 20.00 น. บอกปวดหัวและขอผ้าเช็ดตัว และเวลาประมาณ 21.00 น. เพื่อนออกไปซื้อยาแก้ปวดให้ จากนั้นผู้ตายก็อาเจียน และเวลาประมาณ 21.30 น. อาเจียนอีกครั้ง แม้เพื่อนจะพยายามสอบถามว่าจะไปโรงพยาบาลหรือไม่ แต่ผู้ตายกลับปฏิเสธ โดยบอกว่าขอนอนสักครู่คงหาย กระทั่งเวลา 22.20 น.ผู้ตายโทรศัพท์ไปหาแฟนสาว และบอกว่าปวดหัวมาก คงคุยด้วยไม่ได้ กระทั่งเสียชีวิต ทั้งหมดสันนิษฐานว่า ผู้ตายเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติ โดยอุบัติเหตุ ซึ่งยังไม่พบว่ามีใครทำให้ตายหรือทำให้เสียชีวิต สำนวนการสอบสวนทั้งหมดจะได้ส่งให้พนักงานอัยการต่อไป ยกเว้นจะมีผู้ใดร้องว่ามีคนทำให้ตาย จึงจะสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป

ศาลรธน.รับตีความพ.ร.ก.กู้4แสนล้าน

วันเดียวกัน คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีการประชุมประจำสัปดาห์ ซึ่งได้หยิบยกกรณี นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของ ส.ส. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 185 กรณี พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทาง เศรษฐกิจ พ.ศ.2552 เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง หรือไม่ ซึ่งหลังจากตรวจสอบคำร้องว่าเป็นไปตามที่กำหนดคือ มี ส.ส.เข้าชื่อจำนวน 99 คน จาก ส.ส.ทั้งหมด 471 คน ถือว่าครบ 1 ใน 5 ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีอำนาจรับพิจารณาวินิจฉัยคำร้องนี้ ตามข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการวินิจฉัย พ.ศ.2550

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องแล้ว จึงมีคำสั่งให้รับคำร้องไว้พิจารณา พร้อมทั้งให้มีหนังสือแจ้งประธานสภาในฐานะผู้ร้องเพื่อทราบ และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา จึงให้มีหนังสือแจ้งต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะคณะรัฐมนตรี นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้แทนผู้เสนอความเห็นต่อประธานสภา จัดทำความชี้แจง โดยเสนอความเห็นเป็นหนังสือไปยังศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 โดยให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทน และนายประเกียรติหรือผู้แทน เข้าชี้แจงด้วยวาจาต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันอังคารที่ 26 พฤษภาคม เวลา 09.30 น. ณ ห้องออกนั่งพิจารณาคดีชั้น 2 อาคารสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ หากไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าไม่ติดใจที่จะชี้แจงหรือแสดงความเห็นเพิ่มเติม

รับคดีเว็บหมิ่น-โกงข้าว-นมร.ร.เป็นคดีพิเศษ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) โดยที่ประชุมได้เห็นชอบให้รับคดีความผิดทางอาญาไว้เป็นคดีพิเศษ ที่จะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 อีก 8 กรณี คือ 1.เรื่องการกระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามมาตรา 122 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์และการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ 2.คดีความผิดเกี่ยวกับการปลอมและใช้เอกสารสัญญาการค้าข้าวระหว่างประเทศปลอม เพื่อฉ้อโกงสถาบันการเงินในการขอวงเงินสินเชื่อเพื่อการส่งออก 3.กรณีนายการิม (ปกปิดนามสกุล) กับพวก เป็นนายหน้าหรือตัวกลางร่วมกันจัดทำบัตรบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนโดยมิชอบ ด้วยกฎหมายให้แก่ชนเผ่าโรฮิงญาและคนต่างด้าวอื่น ในเขตพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์

4.การพิจารณาคดีความผิดทางอาญาอื่นเรื่องการกระทำความผิดเกี่ยวกับการ เสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐของสำนักงานชลประทาน จ.สุพรรณบุรี 5.การทุจริตนมโรงเรียน ตามโครงการจัดซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียน 6.การทุจริตในการดำเนินการโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี พ.ศ.2551/2552 7.กรณีกรมสรรพากรร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีอาญากับบริษัท รอยัล คาร์โก เอ็กซ์เพรส จำกัด กรณีมีเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรเพื่อจัดเก็บเป็นรายได้ของรัฐ อันเป็นความผิดตามมาตรา 37 และ มาตรา 90/4 (6) แห่งประมวลรัษฎากร และ 8.กรณีการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนที่ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ

No comments:

Post a Comment