Thursday, May 21, 2009

อภิสิทธิ์ชี้ลูกพรรคสังเกตุการณ์ประชุมภท.

มติพรรคภูมิใจไทยให้“ชาติชาย"รมช.เกษตร ลาออกจากตำแหน่ง ชี้ขาดความเหมาะสม ไม่ใส่ใจพรรค ย้ำที่ประชุมยังไม่เสนอชื่อใครแทน ให้อำนาจ"ชวรัตน์" ชี้ขาดเสนอนายกฯ “อภิสิทธิ์” บอก “สุรสิทธิ์”เข้าประชุมกับภูมิใจไทยอาจไปสังเกตการณ์ ศาลฎีกาเลือกตั้งมีมติไม่ถอนสิทธิ์เลือกตั้ง“ไชยยศ" “สมชาย”แนะรัฐบาลมุ่งแก้ ศก.ดีกว่าวุ่นการเมือง

(21พ.ค.) เวลา 12.00 น. ภายหลังการประชุมพรรคค นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย และนายมานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์ ส.ส.นนทบุรี กลุ่มสรอรรถ ร่วมแถลงการณ์มีมติที่ประชุมพรรคกรณีนายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยนายศุภชัย กล่าวว่า การประชุมพรรคนายมานะศักดิ์ และนายสันทัด จีนาภักดิ์ ส.ส.กาญจนบุรี เสนอขอมติพรรคให้นายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรฯ ในโควตากลุ่ม"สรอรรถ"ออกจากตำแหน่ง ขณะที่ที่ประ ชุมพรรคได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้นายชาติชายลาอกจากตำแหน่ง ซึ่งมติพรรคถือว่ามีผลทันที

นอกจากนี้ที่ประชุมพรรคยังมีมติให้สิทธิ์ขาดหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้พิจารณาบุคคลที่เหมาะสมเป็นรมช.เกษตรฯ แทนนายชาติชาย เพื่อเสนอรายชื่อให้นายกฯ โดยที่ประชุมพรรควันนี้ยังไม่มีการเสนอชื่อใครมา แต่ส.ส.ส่วนใหญ่ต้องการให้พิจารณาส.ส.ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้คนนอกหรือนายทุนพรรคเข้ามา เนื่องจากที่ผ่านมาสมาชิกพรรคอยู่ร่วมกันมานาน มีความเหนียวแน่น และส.ส.ก็มีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่เป็นเพราะเห็นตัวอย่างจากนายชาติชาย

เมื่อถามว่าได้แจ้งมติพรรคดังกล่าวกับนายชาติชายหรือ ยัง นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่ได้มีการประสานไป แต่ได้เสนอมติพรรคกับนายกฯ ขึ้นกับนายกฯ จะดำเนินการตามขั้นตอน ไม่ได้เป็นการกดดันอะไร เชื่อว่านายกฯ คงเข้าใจมติพรรค และเห็นว่าการบริหารราชการจะหยุดนิ่งไม่ได้ ก็ต้องเร่งหาคนใหม่ไปแทน

เมื่อถามว่ามติพรรคถือเป็นการขับนายชาติชายออกจากพรรคหรือไม่ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า นายชาติชายไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีโดยผ่านทางนายมานะศักดิ์เป็นผู้เสนอ

ด้านนายมานะศักดิ์ กล่าวว่า การเสนอดังกล่าวเนื่องจากนายชาติชาย แม้สามารถดูแลกระทรวงเกษตรฯได้เป็นอย่างดีแต่ไม่เคยเข้าประชุมพรรค รวมถึงการดำเนินการโดยคำนึงถึงนโยบายพรรค และไม่สนใจข้อเสนอแนะของสมาชิกพรรคในการแก้ปัญหาประชาชนจนทำให้ประชาชนขาด โอกาสการเข้าถึง รวมทั้งสมาชิกพรรคก็ไม่สามารถเข้าถึงนายชาติชายได้ โดยการดำเนินการครั้งนี้ที่ขอให้นายชาติชายลาออกจากตำแหน่งถือเป็นมติของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเดิมนายชาติชายจะ มาเป็นรัฐมนตรีในโควตานายสรอรรถ แต่วันนี้ไม่มีกลุ่มนายสรอรรถหรือกลุ่มเพื่อนเนวินแล้ว และทั้งสองกลุ่มไม่มีเหตุขัดแย้งกัน แต่ผู้ใหญ่ได้หารือกันมาก่อนแล้ว

นาย ศุภชัย กล่าวว่า ในการเลือกตั้งซ่อมส.ส.สกลนคร เขต 3 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ พรรคมีมติส่งนายพิทักษ์ จันทศรี เป็นผู้สมัคร พร้อมทั้งได้ตั้งนายเฉลิมชัย การุณ ส.ส.สกลนคร เป็นผอ.ดูแลการเลือกตั้งครั้งนี้ อย่างไรก็ตามพรรคจะทำการเปิดที่ทำการพรรคสาขาแรกที่จ.เชียงราย ในวันที่ 24 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. โดยมีนายชวรัตน์เป็นประธานด้วย

"อภิสิทธิ์"ปัดเด็กปชป.ร่วมประชุมภท.อาจแค่สังเกตุการณ์

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ส.ส.แบบสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมประชุมใหญ่ กับพรรคภูมิใจไทย ว่า เขายังไม่รู้ว่า นายสุรสิทธิ์ไปทำอะไร แต่อาจจะเป็นการไปสังเกตการณ์ก็ได้

วอนนศ.ช่วยกระตุ้นชุมชนตื่นตัวสนใจเรื่องบ้านเมือง

เมื่อ เวลา 12.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล คณะนักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เนื่องในกิจกรรมโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ประชาธิปไตยนอกห้องเรียนซึ่งจัด โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า เรื่องของประชาธิปไตยหรือเรื่องของบ้านเมืองนั้น เขาอยากย้ำว่า อย่ามองว่า เป็นเรื่องที่ไกลตัวเป็นอันขาด เพราะที่สุดแล้ว ชีวิตของพวกเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ก็ผูกพันหรือได้รับผลกระทบโดยตรง จากสภาพปัญหาของเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเราคิดว่า เป็นเรื่องที่เราจะเพิกเฉย ละเลย ไม่มีส่วนร่วม ก็ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเรา เพราะเราก็หนีไม่ได้ เนื่องจาก ถ้าเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองดี ชีวิตเราก็ดีด้วย แต่ถ้าเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองไม่ดี ชีวิตเราก็ไม่ดีด้วย

"ไตรรงค์"รับเป็นกาวใจส.ส.-รมต.ในพรรค

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยอมรับว่า ได้รับการมอบหมายจากที่ประชุมส.ส.และกรรมการบริหารพรรค เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ในฐานะผู้อาวุโสในพรรค ทำงานร่วมกับรองหัวหน้าพรรค ในแต่ละภาค เพื่อทำความเข้าใจกับ ส.ส.ในพื้นที่ เพื่อปรับปรุงการทำงานร่วมกับรัฐมนตรีของแต่ละกระทรวง ที่จะมีการพูดคุยทำความเข้าใจกันอีกครั้ง ในการสัมมนาพรรคที่ เกาะสมุย ระหว่างวันที่ 22-24 พ.ค.นี้

ทั้งนี้ ในการทำงาน จะมอบหมายให้รองหัวหน้าพรรคแต่ละภาค ไปพูดคุยทำความเข้าใจกับส.ส. แล้วนำข้อสรุปทั้งหมดมาหารือกันอีกครั้ง ในการสัมมนาพรรค โดยจะเปิดโอกาสให้สมาชิกได้ระบายความในใจ และความอึดใจในการทำงานระหว่าง ส.ส.กับรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการตกผลึก จากนั้น จะมีการนำข้อเสนอทั้งหมดเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคต่อไป

เมื่อถามว่า ในการเปิดใจส.ส.พรรค จะเชิญรัฐมนตรีเข้าร่วมด้วยหรือไม่ นายไตรรงค์ กล่าวว่า อาจจะมีการเชิญรัฐมนตรีเข้าร่วมรับฟังด้วย เพื่อจะได้ฟังข้อมูล และการสะท้อนปัญหาของส.ส.ในพื้นที่ ให้รัฐบาลได้นำไปปรับปรุงการทำงาน ป้องกันการลดช่องว่างระหว่างรัฐมนตรีกับสมาชิกพรรค เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลเดินหน้าต่อไป

"ยืนยันว่า การเปิดใจส.ส. ไม่ได้เป็นการกดดัน ให้มีการปรับครม. แต่ต้องการปรับความเข้าใจกันภายในพรรคเท่านั้น" นายไตรรงค์ กล่าว

ศาลฎีกาเลือกตั้งมีมติไม่ถอนสิทธิ์เลือกตั้ง“ไชยยศ"

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง วันนี้(21พ.ค.) เวลา 14.00 น. ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ที่ขอให้ศาลเพิกถอนสิทธิ์นายไชยยศ จิรเมธาการ ส.ส. อุดรธานี เขต 3 เลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน หลังจาก กกต. มีมติให้ใบแดงนายไชยยศ ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด พรบ.เลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 กรณีให้หัวคะแนนแจกทรัพย์สิน หรือเงิน เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเสียงให้กับตนเอง และให้ศาลมีคำสั่งให้เลือกตั้ง ส.ส.อุดรธานี เขต 3 ใหม่แทนนายไชยยศ

อย่างไรก็ดี ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของ กกต. ผู้ร้องแล้ว เห็นว่า พยานมีน้ำหนักไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากให้การขัดกันในรายละเอียด ศาลจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง กกต. ดังกล่าว

“สมชาย”แนะรัฐบาลมุ่งแก้ ศก.ดีกว่าวุ่นการเมือง

ที่โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการมองว่ารัฐบาลชุดนี้มีการทำงานแบบ 2 มาตรฐาน ว่า ตนไม่ทราบ เมื่อท่านเป็นรัฐบาลท่านเองก็ต้องรับผิดชอบ แต่มองว่าตอนนี้เศรษฐกิจย่ำแย่พรรคเพื่อไทยเองก็พยายามระดมสมองเพื่อช่วยแก้ ปัญหาเพราะเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่การเมืองเป็นเรื่องรอง ควรแก้ปัญหาที่ประชาชนเดือดร้อนดีกว่า เพราะขณะนี้เกิดปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ประเทศมีหนี้มากมายต้องไปกู้เงิน ตรงนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าห่วง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากยังเป็นนายกฯจะแก้ปัญหาเหมือนกับแนวทางของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า สมัยที่ตนเป็นนายกฯก็มีแนวทางของตัวเอง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็เตรียมไว้เยอะ ส่วนการแก้ปัญหาของรัฐบาลคงต้องให้ประชาชนตัดสินเอาเองว่ารัฐบาลทำได้ดีหรือ ไม่

เมื่อถามว่า คุณสมบัติของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องเก่งเรื่องเศรษฐกิจหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ต้องมีเรื่องนี้แต่จะมีองค์ประกอบอื่นด้วยหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับ ส.ส.ของพรรคเป็นผู้กำหนดและเลือกกันเอง ส่วนตัวมองว่าหัวหน้าพรรคเป็นส.ส.ก็ดีเพราะจะได้ทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างเต็มตัว

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่านายสมชาย เข้ามาช่วยวางโครงสร้างใหม่ให้กับพรรคและทาบทามให้พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯมาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่ได้ยุ่งการเมืองแล้ว ส่วนที่มีกกระแสข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเข้ามาเกี่ยวข้องก็ไม่เป็นความจริงเพราะเป็นเรื่องของส.ส.ใครจะมา บังคับไม่ได้ ส.ส.เองก็มีวิจารณญานคงไม่มีใครชี้นำได้

เมื่อถามว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนสนับสนุนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสมชาย กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็เหมาะสมเพราะมีความรู้ความสามารถหากส.ส.เลือกมาก็เป็นเรื่องที่ดี อย่าไปตั้งแง่ว่าเป็นตระกูลไหน หรือมองว่ามาครอบงำ เพราะถ้าบังเอิญคนในตระกูลชินวัตรได้รับเลือกก็ต้องให้โอกาส อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าได้มีการคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นระยะๆเหมือนกัน ท่านเองก็สบายดี ส่วนที่อยู่ของพ.ต.ท.ทักษิฯในต่างประเทศนั้นก็คงเป็นไปตามข่าว

บ้านเลขที่111แห่ร่วมสัมมนาพท.'โอฬาร'เฉ่งนโยบายขึ้นภาษี

โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ เมื่อเวลา 09.00น. พรรคเพื่อไทยจัดสัมนาส.ส.พรรคเพื่อไทยในหัวข้อ “ระดมสมองก่อนเศรษฐกิจล่มสลาย” โดยมีแกนนำ ส.ส.ของพรรค อาทิ นายพายัพ ชินวัตร ประธานส.ส.ภาคอีสาน และน้องชายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรค นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน อดีต รองนายกรัฐมนตรี รวมถึง พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา ผู้ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่

ทั้งนี้ ได้มีอดีตคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อดีตคณะกรรมการบริหาพรรคพลังประชาชนและแกนนำกลุ่มนปช. เดินทางมาร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายสุธรรม แสงประทุม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน นายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน นายนพดล ปัทมะ อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มนปช. และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำกลุ่มนปช. และ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้เดินทางมาร่วมงานสัมมนาด้วย

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มสัมมนาได้มีการเปิดซีดี นโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่มีการแจกให้กับส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค คนละ 5 แผ่นด้วย

จากนั้นนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวเปิดการสัมมนาว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ต้องการให้สมาชิกทุกคน ส.ส. และผู้สมัครส.ส. มีความมั่นคงที่จะอยู่กับพรรค เพราะทุกคนมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของพรรคเพื่อไทย ดังนั้นการสัมมนาในการระดมสมองฯจะเป็นประโยชน์กับทุกคน

ด้านนายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี บรรยายด้านเศรษฐกิจ หัวข้อ“วิกฤตเศรษฐกิจไทย ปัญหาและทางออก” ว่า จุดสำคัญที่ทำให้ประเทศต่าง ๆ สามารถฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำคือ ไม่ขึ้นภาษี เพื่อเพิ่มรายจ่ายให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการบริโภคของประชาชน แต่ประเทศไทยกลับเลือกการเอาเงินใส่กระเป๋าซ้าย และดึงเงินออกจากกระเป๋าขวาของประชาชน ซึ่งจะทำให้ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รัฐบาล ควรมีนโยบายแบบเดียวกับเกาหลีใต้ ที่เน้นให้อัตราแลกเปลี่ยนของประเทศอ่อนตัวลง เพื่อช่วยกระตุ้นภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว

ส่วนนโยบายด้านสินเชื่อ ควรดูตัวอย่างจีนในการจัดสรรวงเงินสินเชื่อ ให้กับภาคเอกชนมากขึ้น เพราะจะช่วยกระตุ้นให้มีการบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น เพราะจะช่วยกระตุ้นให้มีการบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยชดเชยเม็ดเงินจากการส่งออกที่หดหายไปได้

นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศไทยรัฐบาลให้ความสำคัญน้อยมากในการแก้ไข ปัญหาปากท้องประชาชน นอกจากนี้ เรื่องหนี้สาธารณะนั้น หากเกินหว่า 50% ของGDPจะมีปัญหา เพราะฐานภาษีของไทยอยู่ 15% ของ GDP ซึ่งถือว่า น้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งจะสร้างปัญหาในการบริหารจัดการเงินคงคลัง และการบริหารงบประมาณรายจ่ายในระยะต่อไป

"พรรคเพื่อไทยได้แสดงจุดยืนที่สำคัญในการบริหารเศรษฐกิจแบบ 2 แนวทางพร้อม ๆ กัน โดยเน้นการสร้างรายได้ให้กับประเทศ ด้วยการส่งเสริมการส่งออก การลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยว รวมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจรากหญ้า ที่เป็นรากฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ"

อนุฯสมานฉันท์ตั้งเจ้าภาพ8แนวทางเสนอตั้งกก.ถาวรรองรับ

เมื่อเวลา 10.00 น. มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความสมานฉันท์ทางการเมืองของ สังคมไทย มีนายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมการฯเป็นประธานการประชุม โดยได้เชิญตัวแทนจากสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาอัสสัมชัญ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย หรือ โพลหอการค้า และตัวแทนที่ประชุมใหญ่อธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักโพลไปเผยแพร่ และรณรงค์ถึงแนวทาง ของคณะอนุกรรมการผ่านการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ

ขณะเดียวกัน คณะอนุกรรมการจะประสานความร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัย อาจารย์มหาวิทยาลัย องค์กรนักศึกษาที่มีอยู่ทั่วประเทศให้ร่วมรณรงค์ แนวทางการสร้างความสมานฉันท์ในชาติด้วย

จากนั้น ที่ประชุมได้สรุปแนวทางสมานฉันท์ เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการสมานฉันท์ฯชุดใหญ่ในวันที่ 26 พ.ค.นี้ โดยทั้งหมดมี 8 แนวทางคือ 1.ลดวิวาทะทางการเมืองด้วยการตอบโต้ ใส่ร้ายซึ่งกันและกัน โดยมอบหมายให้พรรคการเมืองทุกพรรคเป็นเจ้าภาพ 2.รัฐบาลและฝ่ายค้านต้องลดการสร้างเงื่อนไขนำไปสู่ความรุนแรง โดยรัฐบาลและฝ่ายค้าน จะต้องเป็นฝ่ายริเริ่ม เป็นแบบอย่างในสังคม 3.ให้สื่อมวลชนทุกแขนงเข้ามาเป็นเครือข่ายในการรณรงค์และสร้างความสมานฉันท์ ในชาติ โดยการเป็นเจ้าภาพในการประสานงาน และสื่อสารลดความขัดแย้งในสังคม ไม่มีการชี้นำให้เกิดความขัดแย้ง

4.ควรมีกระบวนการเจรจาสร้างสันติสุขกับคู่ขัดแย้งทุกระดับ โดยมอบหมายให้สถาบันพระปกเกลา และองค์ที่เป็นกลางยอมรับได้ของทุกฝ่าย เพื่อลดความขัดแย้ง 5.ตั้งสมัชชาสมานฉันท์เพื่อระดมความเห็นจากประชาชนทั้ง 4 ภาค โดยรัฐสภาเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะมีการจัดเวทีสมานฉันท์ทางอากาศ

6.ร่วมกันสร้างรัฐธรรมนูญสมานฉันท์ โดยมีการศึกษาผลกระทบจากการบังคับใช้ และผลของการบังคับใช้ต้องให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน โดยมี รัฐสภา คือ รัฐบาล ฝ่ายค้าน ส.ส.และส.ว.รวมไปถึงองค์กรประชาชนทุกภาคส่วน ร่วมกันคิด 7.องค์กรต่างๆ ในสังคมต้องใช้อำนาจด้วยความถูกต้อง ลดการใช้ความรุนแรง

และ 8.สร้างกระแสสังคมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม ไม่เลือกสี ไม่เลือกข้างว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ละเว้นการแบ่งสี

ที่ประชุม ยังเห็นชอบด้วยว่า หลังเสร็จภารกิจภายใน 45 วันของคณะอนุกรรมการชุดนี้แล้ว จะมีการเสนอให้รัฐสภา ตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เป็นกลไกกลาง เพื่อรองรับกระบวนการปฎิรูปการเมือง ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อรองรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การยุบสภาที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง โดยผ่านองค์กรและกลไกอันได้แก่นักการเมือง พรรคการเมือง แกนนำทางความคิดทุกฝ่าย เพื่อลดระดับความขัดแย้งในประเด็นการเมือง

"โดยเฉพาะรัฐบาลและฝ่ายค้าน เนื่องจากนักการเมืองต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้น เป็นแบบอย่างให้สังคม โดยรัฐบาลจะต้องเป็นเจ้าภาพดำเนินการ สถาบันพระปกเกล้า สถาบันการศึกษา องค์กร กลไกที่เป็นกลางยอมรับของทุกฝ่าย องค์กรทางศาสนาทุกศาสนา และกลไกทางสื่อทุกประเภท"

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการสร้างความเห็นร่วมของคนในสังคม เพื่อขับเคลื่อนสังคมนำไปสู่ความสมานฉันท์ โดยมอบหมาย สถาบันพระปกเกล้าฯ พร้อมด้วยเอแบคโพล สวนดุสิตโพล และหอการค้าโพล ไปรวมกันคิดสโลแกน พร้อมทั้งโลโก้ การรณรงค์สร้างความสมานฉันท์ในชาติ ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม

"หมอประเวศ"ประเมินรัฐบาล4เดือนหนุนทำงานต่อ

ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎร์อาวุโส ผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ(กวช.) กล่าวถึงการดำเนินงานของรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมาว่า ต้องยอมรับว่า ในสภาวะปัจจุบันใครมาเป็นรัฐบาลก็ลำบาก เพราะมีวิกฤติทุกทางไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม เชื่อมกัน ทำให้การแก้ไขปัญหาต่างๆเป็นเรื่องยาก ดังนั้น แนวทางการทำงานของรัฐบาลในขั้นแรก คือ พยายามรักษาความสงบ และอย่าให้เกิดความรุนแรง ดำเนินการใช้กฎหมายความเป็นธรรม และความสันติวิธี หากประชาชนปะทะกันและเสียเลือดเสียเนื้อ หรือฆ่ากันตาย รัฐบาลก็จะหมดโอกาสพัฒนาบ้านเมือง

ศ.นพ.ประเวศ กล่าวต่อไปว่า ส่วนสภาพเศรษฐกิจที่วิกฤติขณะนี้ ยอมรับว่า เกิดขึ้นทั่วโลก อาจจะมีคนตกงาน 2 ล้านคนภายในปีนี้ จึงเป็นเรื่องหนักของรัฐบาล ที่ต้องให้เวลาบริหารงาน และต้องให้เวลาคนไทยร่วมกันแก้ปัญหา ซึ่งการที่นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม เสนอให้นายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำเรื่องวัฒนธรรม เป็นเรื่องที่สมควร เพราะผู้นำประเทศจะเป็นผู้ชี้ทิศทางที่ถูกต้อง เราต้องไปทางลัด ถ้าใช้เรื่องการเงินมาเป็นตัวตั้งปัญหาของประเทศก็จะอักเสบทั้งระบบ แต่ถ้าประเทศไทยใช้วัฒนธรรมเป็นตัวตั้ง โดยใช้ระบบเศรษฐกิจวัฒนธรรม ประเทศชาติก็ก็จะอยู่รอด

“สำหรับการทำงานของกระทรวงวัฒนธรรม โดยเฉพาะการทำงานของนายธีระ สลักเพชร ยอมรับว่า ทำงานได้ดี มีความเข้าใจในการทำงานด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิตชุมชน เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันผมก็ได้รับทราบจากข่าวว่า อาจจะมีการสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒธรรม ผมเห็นว่า ไม่ควรที่เปลี่ยนรัฐมนตรีในตอนนี้ และสนับสนุนรัฐมนตรีให้ดำรงตำแหน่งรมว.วัฒนธรรม ต่อไป อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้ฝ่ายรัฐบาลเข้าใจด้วยว่า การทำงานด้านวัฒนธรรมเป็นเรื่องยาก เพราะเรื่องของนามธรรม ไม่ซู่ซ่าเหมือนเรื่องเศรษฐกิจ” ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าว

ด้านนายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ตนยอมรับในเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และพร้อมให้มีการประเมินผล อย่างไรก็ตาม จะเดินหน้าทำงานด้านวัฒนธรรมต่อไป โดยเฉพาะโครงการเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย ได้ขยายไปแล้วในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และขยายโครงการดังกล่าวทุกชุมชนทั่วประเทศ

No comments:

Post a Comment