Wednesday, May 6, 2009

ประสงค์ยุอภิสิทธิ์หักพรรคร่วมเลิกแก้รธน. Bookmark and Share

“ประสงค์”เตือน “รัฐบาล” เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญเท่ากับขุดหลุมฝังตัวเอง ยุ "ปชป." แตกหักพรรคร่วม ถ้าไม่ยอมก็ให้ “ยุบสภา” แกนนำผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย 19 จังหวัดภาคกลาง-อีสาน นับร้อยแถลงจุดยืนไม่ได้ร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มเสื้อสีใดตามที่ถูกกล่าวอ้าง เตรียมระดมพล 5 พันคนบุกทำเนียบฯทวงสัญญาที่รัฐบาลรับปากไว้จะช่วยเหลือที่ทำกิน

(6พ.ค.) น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 50 กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า หลังจากที่แต่ละพรรคได้เสนอประเด็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่ากับเป็นการ เปลือยธาตุแท้อย่างล้อนจ้อน ของนักการเมืองว่าต้องการทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองและแก้ไขความผิดของพรรค พวกตัวเองที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยตัดสินเอาไว้แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าของประชาชนที่เลือกผู้แทนที่มีความเห็นแก่ตัว เข้ามาทำงานแทน ความจริงควรจะแก้สันดานที่เห็นแก่ตัวของนักการเมืองมากกว่าจะแก้ไข รัฐธรรมนูญ

น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เหมือนเดินอยู่บนทางแยกทางหนึ่ง คือไปร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเลิกโทษนักการเมืองที่เคยทำผิดให้พ้นผิด หรือจะยืนยันหลักการว่ารัฐธรรมนูญไม่ควรจะแก้ไขเพื่อตัวเองหรือคนบางกลุ่ม ซึ่งตนในฐานะประชาชนที่มีความหวังว่าพรรคประชาธิปัตย์เดินไปบนทางที่ถูกต้อง แสดงความกล้าหาญไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องที่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะถอนตัวและประชาธิปัตย์กลายเป็นรัฐบาลเสียข้างน้อย ก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะอีกไม่กี่วันก็จะปิดสภาสมัยสามัญแล้ว กว่าจะเปิดสภาอีกครั้งก็เป็นเวลากว่า 2 เดือน หากทำงานในสภาไม่ได้ก็ยุบสภาทิ้งเสียหลังจากนั้นจะมีเวลาอีก 2 เดือนในการเตรียมเลือกตั้ง

ดังนั้นแม้เลือกทางนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังมีเวลาอีกไม่น้อยกว่า 4 - 5 เดือนในการทำงานให้ประชาชน และเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาเลือกตั้งประชาชนจะเข้าใจและเห็นใจพรรคประชาธิปัตย์ ที่เลือกเดินในทางที่ถูกต้อง และเลือกกลับมาเป็นรัฐบาลอีกรอบ แต่ในทางกลับกันหากเลือกทางที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่ากับว่าตัดสินใจขุดหลุม ฝังตัวเองไปทุกวันๆ

“การแก้ไขรัฐธรรมนูญของนักการเมืองเที่ยวนี้ จะเป็นเงื่อนไขให้ประชาชนออกมาต่อต้านอย่างมากมายมหาศาล และผมทราบข่าวว่าขณะนี้มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่เป็นทั้งนักการเมือง ทั้งคนมีสี มีอาวุธ มีพลัง รอจังหวะอาศัยสถานการณ์วิกฤต ความขัดแย้งในบ้านเมืองสอดแทรกเข้ามาสถาปนาอำนาจในรูปแบบใหม่ แต่ขณะนี้ยังไม่อยากจะบอกในรายละเอียดว่าเป็นกลุ่มไหน แต่ถ้ารัฐบาลไม่ประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน เอาแต่ทำทุกอย่างเพื่อซื้อเวลาให้อยู่ในอำนาจต่อไป แม้แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคนที่ทำผิดก็ยอมเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย นั่นเอง ” อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าว

แกนนำผรท.19จังหวัดยันไม่ร่วมฝ่ายใด

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 6 พ.ค.52 แกนนำกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย 15 จังหวัดภาคอีสาน และภาคกลาง 4 จังหวัด หรือ อดีตสหาย กว่า 100 คน นำโดย นายประภาส โงกสูงเนิน ประธานสภาประชาชน 4 ภาค ได้รวมตัวกันที่อนุสรณ์สถานประชาชนอีสานใต้ บ้านโคกเขา ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ เพื่อแถลงจุดยืนจะไม่แบ่งแยกสี และไม่เข้าร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งตามที่มีบุคคลบาง กลุ่มได้แอบอ้าง และกล่าวหาว่ากลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยจะเข้าไปร่วมเคลื่อนไหวใต้ดินสร้าง ความรุนแรงในสังคม หรือจะจับอาวุธขึ้นสู้อย่างเช่นในอดีตนั้นไม่เป็นความจริง

โดยทางกลุ่มมีจุดยืนของตัวเองจะร่วมกันพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองก่อให้ เกิดความสงบสุข และเรียกร้องสิทธิตามข้อตกลง 66/23 เท่านั้น ไม่มีนัยยะอื่นแอบแฝง ขอให้กลุ่มที่แอบอ้างได้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะได้สร้างความเสียหายให้กับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยที่ไม่มีส่วนรู้ เห็นใดๆ เลย

นายประภาส โงกสูงเนิน ประธานสภาประชาชน 4 ภาค หรือ ส.สุรศักดิ์ ได้ออกมายืนยันว่า กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยไม่เคยเข้าไปร่วมชุมนุมเคลื่อนไหว สร้างความรุนแรงแตกแยกกับกลุ่มเสื้อสีใดตามที่ถูกกล่าวอ้าง ทางกลุ่มมีจุดยืนเดียวกันที่จะร่วมพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง และต่อสู้เรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมให้กับพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน เท่านั้น และแนวทางการต่อสู้ของกลุ่ม ผรท.เอง ก็จะต่อสู้ในทางสันติ ไม่ก่อความรุนแรง หรือสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับส่วนรวม

"การที่แกนนำกลุ่ม ผรท.ทั้งภาคอีสานและภาคกลาง 19 จังหวัด มารวมตัวเพื่อแถลงจุดยืนในครั้งนี้ ก็เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่าทางกลุ่ม ผรท.ไม่เคยเข้าไปร่วมเคลื่อนไหวชุมนุมกับกลุ่มเสื้อสีใด และก็ยืนยันว่า จะไม่เข้าไปร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มการเมืองใดอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาประเทศชาติบ้านเมืองก็วุ่นวายเสียหายมากอยู่แล้ว "นายประภาส กล่าวและว่า

โดยส่วนตัวก็มีความคิดเห็นว่ากรณีที่กลุ่มเสื้อสีต่างๆ ออกมาชุมนุมประท้วงนั้น ต่างอ้างว่าสู้ตามระบอบประชาธิปไตย และสู้เพื่อประเทศชาติ แต่สิ่งที่กระทำกลับตรงกันข้าม และหากทุกคนเป็นคนไทย รักประเทศไทย และยืนหยัดที่จะต่อสู้ปกป้องประเทศ ก็ไม่ควรจะทำร้ายประเทศชาติให้เสียหายอย่างที่ผ่านมา"

ด้าน นายคำเส็ง บุญตาแสง หรือ ส.ซิวต้า แกนนำกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ระบุว่า ภายใน 4- 5 วัน กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยไม่น้อยกว่า 5,000 คน จะรวมตัวไปเคลื่อนไหวที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องสิทธิขอที่ทำกินตามที่รัฐบาลเคยสัญญาไว้ ซึ่งที่ผ่านมาหลายรัฐบาลไม่ได้ให้ความช่วยเหลือตามที่ได้สัญญา ซึ่งขณะนี้มีผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือเพียงกว่า 1,000 คนเท่านั้น จากสมาชิกผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในเขตภาคอีสานทั้งหมดร่วม 20,000 คน

ส่วนนายสุเนตร แก้วคำหาญ หรือ ส.ชัด เลขาประธานสภาประชาชน 4 ภาค ระบุว่า ที่ผ่านมากลุ่ม ผรท.ได้ต่อสู้เรียกร้องมาทุกรัฐบาล แต่ไม่ได้การช่วยเหลือจากทางรัฐบาลตามที่ได้ทำพันธะสัญญาไว้เพียงส่วนน้อย เท่านั้น ยังมีอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือทั้งที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย หรือแม้กระทั่งเงินทุนในการประกอบอาชีพ ก็มีเพียงยุค พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้ความช่วยเหลือโดยจ่ายเงินชดเชยให้รายละ 125,000 บาท เป็นบางส่วนเท่านั้น ดังนั้นหากรัฐบาลยังไม่ให้การช่วยเหลือตามที่ได้ให้สัญญาไว้ ทางกลุ่มฯ ก็จะยังคงเคลื่อนไหวเรียกร้องต่อไป

No comments:

Post a Comment