ให้เสื้อแดงจัดชุมนุมห้ามจาบจ้วงเบื้องสูง
"อภิสิทธิ์"พอใจองค์กรเอกชน ริเริ่มจัดโครงการหยุดทำร้ายประเทศ ระบุหากทุกฝ่ายร่วมมือกันจะฝ่าวิกฤติบ้านเมืองได้ แนะกรรมการสมานฉันท์-ตรวจสอบสลายชุมนุม เปิดช่องทางรับฟังความเห็นจากประชา ชน เปิดทางเสื้อแดงนัดชุมนุมรอบใหม่ แต่ ต้องอยู่ในความสงบ ไม่ลุกลามสถาบัน พร้อมสั่งฝ่ายความมั่นคง ดูข้อกฎหมายใช้จัดโซนม็อบ ห่างที่ประชุมอาเซียน 5 กม. “สนธิ” ยันไม่ถอดใจหนีไปนอก แต่ขอไปพักฟื้น เตรียมกลับมาเดินหน้าทวงการเมืองใหม่ ส่วนแกนนำ ดาหน้าขวางแก้รัฐธรรมนูญ ด้าน โฆษกเพื่อไทย ยังไม่เลิกขุดศพ พลทหารรับใช้บ้าน มทภ.1 มาโจมตี ระบุอวัยวะภายในหายไปก่อนส่งศพผ่า รพ.ศิริราช ส่วน โฆษกอภิสิทธิ์ แนะ “อดิศร” เปิดทีวี 2 ช่อง ควรไปศึกษากฎหมายก่อน ระบุเป็นการส่งสัญญาณนายใหญ่ขอเงิน 200 ล้าน จี้ “ตู่” ทำตามสัจจะ ไม่ขวางประชุม สธ.อาเซียน ส่วนนักวิชาการ สำรวจภาษาหนังสือพิมพ์ช่วงสงกรานต์เดือด ชี้เสนอข่าวเป็นกลาง แต่พาดหัว ความนำ ประณามการใช้ความรุนแรง ส่วนคนเสื้อแดงเชียงใหม่ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ประกาศรวมตัวไปถอนเงินจาก ธ.กรุงเทพ ที่มี “ป๋าเปรม” เป็นประธานกรรมการ
จากกรณีความเคลื่อนไหวของกลุ่ม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำคนเสื้อแดงออกมาขับไล่รัฐบาล จนกลายเป็นเหตุลุกลามบานปลายออกไป ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 พ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในราย การ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ว่า ขณะนี้มีองค์กรต่าง ๆ ที่ริเริ่มจัดกิจกรรมเรียกร้องความสงบสุข เช่นวันที่ 4 พ.ค. ก็ทราบว่ามีองค์กรเอกชนจัดโครงการหยุดทำร้ายประเทศไทยหยุดความรุนแรง และขอยืนยันว่าคนไทยมีสีเดียวคือ สีธงชาติ ซึ่งถือเป็นโครงการที่ดี หากเราช่วยกันในการร่วมคิด ร่วมทำ และส่งเสริมค่านิยมเรื่องความสันติ ความสงบสุข และเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็จะทำให้บ้านเมืองของเราสามารถเดินไปข้างหน้าฟันฝ่าวิกฤติได้ ซึ่งการแก้ไขปัญหาทางการเมืองก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องช่วยกันทำต่อ ไป
รบ.เปิดเว็บไซต์ให้ตรวจสอบ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด ซึ่งมีตัวแทนจาก 3 ฝ่ายและผู้ทรงคุณวุฒิเข้าไปทำงาน ได้แก่คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไข รัฐธรรมนูญ ที่จะดูเรื่องการแก้ปัญหาการเมือง และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งจะดูแลแก้ไขปัญหาการชุมนุมช่วงสงกรานต์ โดยตนได้ขอให้กรรมการทั้ง 2 ชุด ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ในส่วนของรัฐบาลก็จะทำงานผ่านคณะกรรมการชุดนี้ เพราะถือว่ามีตัวแทนของพรรคการเมืองซีกรัฐบาลเข้าไปร่วมอยู่ด้วย ในส่วนเรื่องเหตุการณ์นั้น รัฐบาลมีคณะกรรมการอีกชุดหนึ่งเพื่อดูแลเรื่องการประมวลเหตุการณ์ และประมาณเวลา 12.00 น. วันนี้จะมีการเปิดเว็บไซต์ www.factreport.go.th ซึ่งจะประมวลเหตุการณ์ต่าง ๆ และชี้แจงข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติ ของเจ้าหน้าที่ โดยเอาภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ มีการนำเสนอเพื่อมาอธิบายว่าเกิดขึ้นตรงไหน รวมทั้งหากใครมีข้อมูลอะไร ก็สามารถเสนอผ่านมายังรัฐบาลได้ เพราะเราต้องการให้เกิดการโปร่งใสในทุกเรื่อง สำหรับการแก้ปัญหาการชุมนุมในช่วงสงกรานต์ ซึ่งหากประชาชนเปิดใจกว้างที่จะรับข้อมูลในทุกด้านก็จะมีความเข้าใจ ส่วนประชาชนที่ยังติดใจบางเรื่อง เช่นคดีความ ตนก็จะให้ตำรวจคอยแถลงเป็นระยะ ๆ เพื่อให้เข้าใจว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติ
หวังกรรมการ 2 ชุดแก้ปัญหา
“การทำงานของกรรมการ 2 ชุดที่สภาได้ตั้งขึ้นนั้น คงมีความเข้าใจดีว่ามีความคาดหวังอยู่ว่า นี่เป็นจุดหลักหรือจุดศูนย์กลางของการคลี่คลายปัญหาเหล่านี้ หน้าที่ของรัฐบาลคือ ให้ความร่วมมือกับกรรมการ แต่ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ เราจะได้ยินเสียงคนที่พูดว่า การแก้ปัญหาตรงนี้คงไม่ใช่แก้ปัญหาให้นักการเมือง ซึ่งผมได้ย้ำในที่ประชุมวุฒิสภาไปแล้วว่า มันต้องเป็นการแก้ปัญหาให้สังคมโดยรวม ดังนั้นกระบวนการรับฟังความคิดเห็นถือว่าสำคัญ ซึ่งพรรคการเมืองต่าง ๆ และวุฒิสภาคงไม่มองข้ามตรงนี้ เพราะการสร้างความปรองดอง และการวางกติกาอะไร ถ้าเป็นที่พอใจของนักการเมือง แต่ประชาชนไม่พอใจมันแก้ปัญหาไม่ได้ ดังนั้นผมยังมั่นใจว่ากรรมการทั้ง 2 ชุดจะตระหนักถึงความสำคัญตรงนี้ การมีส่วนร่วมของประชาชนก็จะเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการต่อไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ยันเคลื่อนไหวได้อย่างสงบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงที่ 2 ของรายการ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามพิธีกรรับเชิญว่า วิกฤติการเมืองจะเบาบางลงไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนไทย ซึ่งตนได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนแล้วว่า ใครที่มีความเห็นแตกต่างเรื่องประชาธิป ไตยหรือเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ ซึ่งเข้าใจว่ามีการประกาศที่จะชุมนุมกันอีกในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้หากการชุมนุมอยู่ในกรอบ เหมือนการชุมนุมครั้งสุดท้ายที่สนามหลวงก็ไม่มีปัญหาอะไร ตนพร้อมรับฟังข้อเรียกร้องต่าง ๆ หากเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนก็ชี้แจง แต่ถ้าคิดว่าเป็นที่รัฐบาลต้องมาปรับปรุงแก้ไขเราก็รับมา แต่ถ้าเป็นความเห็นที่แตกต่างก็ต้องยอมรับกันไป แต่ต้องไม่มีเรื่องความรุนแรง หรือลุกลามไปถึงสถาบันหลักของชาติ ถ้าเป็นอย่างนี้ได้บรรยากาศก็จะเริ่มดีขึ้น
ต้องเปิดรับฟังเสียงประชาชน
เมื่อถามถึงการนิรโทษกรรม นายกรัฐ มนตรี กล่าวว่า ขณะนี้เราไม่ได้พูดถึงกฎหมายนิรโทษกรรม แต่พูดถึงรัฐธรรมนูญบางมาตรา ซึ่งถ้ามีการแก้ไขแล้ว ก็มีการตั้งคำถามว่าจะมีผลย้อนหลังหรือไม่ ซึ่งหลักที่ตนสนับสนุนคือ ดูว่ามาตรานั้นมีเหตุผลที่ดีหรือไม่ และระบบที่ดีในระบอบประชาธิปไตยควรเป็นอย่างไร ต้องเอาเป็นตัวตั้ง แล้วจะไม่มีปัญหา หากไปตั้งธงว่าทำให้คนกลุ่มนั้น กลุ่มนี้ไม่ได้ ประชาชนจะไม่ยอม ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติที่ชัดเจน ต้องยอมรับว่าเสียงที่คัดค้านการแก้ไขก็มี และอาจจะดังขึ้นหลังจากที่มีกระบวนการตรงนี้ ซึ่งคณะกรรมการฯ ก็จะต้องมีรูปธรรมของช่องทางที่จะรับฟังความเห็นประชาชนให้เปิดกว้างมากขึ้น
สั่งดูข้อกฎหมายจัดโซนม็อบ
ต่อมาที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ให้ สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน บางประเทศเสนอให้จัดการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา และการประชุมที่เกี่ยวข้องในเดือน มิ.ย.นี้ ที่ จ.ภูเก็ต ให้การจำกัดพื้นที่การชุมนุมโดยให้อยู่ห่างจากสถานที่การประชุม 5 กม.ว่า เดี๋ยวจะดู เพราะตอนนี้ฝ่ายความมั่นคงกำลังทบทวนดูเรื่องมาตรการและข้อกฎหมายทั้งหมด ซึ่งคิดว่าในสัปดาห์ที่จะถึงนี้คงจะได้ความชัดเจน เมื่อถามว่าการที่นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือว่า ในสัปดาห์นี้ขอให้สถานการณ์กลับ สู่สภาวะปกติ คิดว่าจะเรียกความเชื่อมั่นได้มากน้อยแค่ไหน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าอยู่ที่ประชา ชนคนไทยทุกคน ถ้าช่วยกันแสดงให้เห็นว่าสงบ ยึดหลักสันติ นั่นก็คือการสร้างความเชื่อมั่นและ ให้โอกาสประชาชนคนไทยและประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากออกรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” และให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเสร็จสิ้นแล้ว นายกรัฐมนตรีได้ขอตัวโดยไม่ให้สื่อมวลชนติดตามขบวน เนื่องจากมีภารกิจไปทำบุญประจำปีของตระกูลเวชชาชีวะ ที่วัดเทพศิรินทราวาส ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวสั้น ๆ ว่า “ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้น”
เพื่อไทยไม่เลิกคุ้ยศพพลทหาร
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของ พลทหารอภินพ เครือสุข ทหารรับใช้ในบ้านแม่ทัพภาคที่ 1 เปิดเผยว่า ตนได้รับข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า ศพของพลทหารอภินพนั้นอาจมีอวัยวะภายในบางส่วนหายไป ในขั้นตอนก่อนที่จะถึง รพ. ศิริราช ซึ่งอวัยวะดังกล่าว เป็นตัวที่บ่งบอกได้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตนั้นเกิดจากอะไร เปรียบเหมือนกล่องดำของเครื่องบินที่บันทึกทุกอย่างก่อนที่เครื่องบินจะตก จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คณะแพทย์ไม่ให้ทีมงานของพรรคเพื่อไทยเข้าไป ร่วมสังเกตการณ์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นอวัยวะส่วนใด ดังนั้นตนและ ส.ส. พรรคเพื่อไทยในฐานะกรรมการสอบตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุม ทางการเมือง จะนำเรื่องนี้เสนอต่อที่ประชุมในนัดแรกทันทีเพื่อขอหนังสือสอบถามรายละเอียด ไปยังโรงพยาบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
“ทักษิณ” เป็นตัวจริงไม่ใช่เหยื่อ
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ตนดูเนื้อหาแล้วเป็นเรื่องเดิม ๆ แต่ที่จำเป็นต้องชี้แจงคือ กรณีที่กล่าวหารัฐบาลว่าสร้างกระแสข่าวโจมตีตนเอง อย่างเป็นระบบและใส่ร้ายว่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงรัฐบาลไม่ได้ใส่ร้าย และสร้างข่าวอย่างเป็นระบบ แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาของอดีตนายกฯ ทำให้สังคมและประชาชน รับรู้ได้ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องใส่ร้าย อีกทั้ง คำแถลงการณ์อ้างถึงความเป็นประชาธิปไตยเกินกว่า 10 คำ ฟุ่มเฟือย และพร่ำเพรื่อ อดีตนายกฯ พยายามพูดโดยหายใจเข้าออกว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่รู้ว่าเข้าใจความหมายมากน้อยแค่ไหน และทัศนคติต่อประชาธิปไตยคืออะไร ทัศนคติของ อดีตนายกฯ คือ มือใครยาว สาวได้สาวเอาใครมีเงินสามารถซื้อเสียงได้เต็มที่ ใครมีอำนาจโกงได้เต็มที่ใช่หรือไม่ การที่อดีตนายกฯกล่าวว่า ตนเองไม่ได้อยู่เบื้องหลังกลุ่มเสื้อแดง แต่บอกว่าเสียงปืนแตกเมื่อไหร่จะกลับมานำหน้ากลุ่มผู้ชุมนุมทันที ดังนั้นอยากให้คำพูดเหล่านี้สะท้อนกลับไปยังอดีตนายกฯอีกครั้ง และที่บอกว่าตนเองเป็นเหยื่อให้รัฐบาลใส่ร้ายเพื่อหวังผลทางการเมือง ดังนั้นขอยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่เหยื่อแต่เป็นตัวการตัวจริง
เปิดทีวี 2 ช่องหวังขอ 200 ล.
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีนายอดิศร เพียงเกษ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ประกาศตั้ง สถานีโทรทัศน์ช่องใหม่ คือ นิว ดี สเตชั่น และทีวีสีชมพู ว่า การที่จะขอเปิดสถานีกี่ช่องไม่สำคัญ แต่ขอให้ดูเงื่อนไขข้อกฎหมายว่าสามารถเปิดได้หรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่าเป็นการทำสงครามสื่ออย่างเต็มรูปแบบ และเปิดแนวรบของคนเสื้อแดงอีกด้าน โดยให้แกนนำรุ่น 2 มาทำหน้าที่ทดแทน “สามกลมหนึ่งแบน หรือ สามเกลอหนึ่งเกย์” ทั้งนี้อยากให้มีการตรวจสอบเงินทุนที่จะนำมาเปิดสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ด้วย เพราะเนื่องจากการเปิดสถานีพีทีวีครั้งที่ผ่านมา ต้องขาดทุนไปกว่า 100 ล้านบาท ดังนั้นการขอเปิดสถานีโทรทัศน์ 2 ช่อง เป็นการส่งสัญญาณไปถึงนายใหญ่ว่า ต้องการเงินทุนมากกว่า 200 ล้านบาท
ชี้เพื่อไทยปลุกผีคอมมิวนิสต์
ส่วนการที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ประกาศจะไม่เคลื่อนไหวมวลชนมาขัดขวางการประชุม รมต.สาธารณสุขอาเซียน วันที่ 7-8 พ.ค.ว่า หากเป็นจริงอย่างที่พูดก็ขอขอบคุณ เพราะการช่วยกันแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ดังนั้นจึงขอให้รักษาสัจจะด้วย และการที่ นายจตุพร ระบุว่า ไข้หวัดหมูไม่สำคัญเท่า “ไข้หวัดมาร์ค” นั้น ตนขอยืนยันว่าไข้หวัดมาร์คไม่มี มีแต่ “ไข้หวัดแม้ว” เพราะขณะนี้แกนนำเสื้อแดง ติดกันงอมแงม ซึ่งวิธีการแก้คืออยากให้ใช้ “พาราเซตามาร์ค” ถึงจะหาย ดังนั้นอยากเสนอให้ทุกบ้านติดยาเม็ดมาร์คไว้เป็นยาสามัญประจำบ้าน
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค ยังได้กล่าวถึงการที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุถึงแผนการ “ขวาพิฆาตซ้าย” โดยเชื่อมโยงว่ารัฐบาลกับทหารได้ปลุกผีคอมมิวนิสต์ขึ้นมานั้น ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ปลุกผี เพราะเชื่อว่าตายไปหมดแล้ว แต่ยังมีแกนนำเสื้อแดงบางคนพยายามสร้างกระแส โดยการใส่เครื่องแบบเลียนแบบคอมมิวนิสต์เข้าไปมอบตัว เพื่อให้เห็นว่าลัทธินี้ยังมีอยู่ ตามที่พรรคเพื่อไทยก็ออกมารับลูกว่า มีขบวนการขวาพิฆาตซ้าย ทั้งที่จริงไม่มี มีแต่กลาง แต่ถึงจะมีซ้ายในกลุ่มคนเสื้อแดงบ้าง ก็เป็นแค่ซ้ายไร้เดียงสา
นักวิชาการสำรวจภาษา นสพ.
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้มีการจัดงานวันสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนโลก 3 พฤษภาคม โดย นายธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการประจำ โครงการศึกษาและเฝ้าระวังเพื่อสุขภาวะของสังคม ได้แถลงผลการสำรวจการใช้ภาษาของหนังสือพิมพ์ ในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง วันที่ 8-14 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยพบว่า ภาษา ข่าวหนังสือพิมพ์สะท้อนให้เห็นความรุนแรงที่ เกิดขึ้นของกลุ่ม นปช. และมีลักษณะประณาม ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงของ นปช.นอกจากนี้ ได้ศึกษาในส่วนภาษาข่าวที่นำไปสู่ความขัดแย้งมากขึ้นหรือลดลง โดยศึกษาจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ไทยโพสต์ และผู้จัดการรายวัน ที่มีนัยสำคัญ เช่น กลุ่มคำที่ใช้เรียกแหล่งข่าวทางการเมือง มีลักษณะรุนแรง มุ่งประณามการกระทำของบุคคลนั้น ๆ เช่น กลุ่ม นปช. เรียกว่า ม็อบถ่อย, เสื้อแดงเถื่อน ในขณะที่กลุ่มคำที่ใช้เรียกรัฐบาลกลับไม่ใช้สีสัน 2 กลุ่ม คำที่ใช้เรียกเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ภาษาที่ใช้มีลักษณะคล้ายการทำสงคราม ก่อความวุ่นวาย เช่น แม้วปลุกระดม ทำสงครามประชาชน แผนเผาเมือง
ประณามการกระทำเสื้อแดง
นายธาม กล่าวต่อว่า กลุ่มคำที่ใช้ตัดสินและประณามการกระทำ พบมากในพาดหัวข่าว ความนำ วลี เช่น เสื้อแดงเถื่อน พาประเทศลงเหว, อัปยศเสื้อแดงเถื่อน, แดงเถื่อนบุกล้มอาเซียน-อัปรีย์แก๊งหัวครก ลั่นไชโย-ชาติพัง! ชัยชนะอัปยศ และยังพบกลุ่มคำภาษาที่สะท้อนเชิงนวนิยาย พบมากในพาดหัวข่าว เช่น “เนวินร่ำไห้ ยันไม่ทรยศ” “เนวินหลั่งน้ำตาพิฆาตทักษิณ หยุดก้าวล่วง” ซึ่งผลสรุปการสำรวจนั้น ภาษาข่าวหนัง สือพิมพ์สะท้อนความรุนแรง โดยแสดงให้เห็นพฤติกรรมการกระทำของกลุ่ม นปช.ที่ใช้ความรุนแรงตามเหตุการณ์ที่พบ บางฉบับมีลักษณะประณามและไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่ใช้ความรุนแรง พบมากในพาดหัวข่าวหลัก ความนำ และพาดหัวข่าวรอง ขณะที่ภาษาในเนื้อหาข่าวค่อนข้างปกติ มีส่วนน้อยแสดงความรู้สึกลงในเนื้อหาข่าว
“สนธิ” ยันไม่ถอดใจไม่หนี
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงการต่อสู้ของพันธมิตรฯเริ่มตั้งแต่ปี 2549 จนกระทั่งมาถึง 193 วัน ถือเป็นเครื่องยืนยันว่า พันธมิตรฯได้ยึดหลักอหิงสา ไม่นิยมความรุนแรง แตกต่างจากกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างสิ้นเชิง และมีเจตนารมณ์จุดยืนที่ชัดเจน เพื่อเรียกหาการเมืองใหม่โดยพันธมิตรฯ มีอาวุธประจำกายคือปัญญา ซึ่งแตกต่างจากก่อนปี 2549 เพราะขณะนี้ได้แปลงสภาพจากคนที่ไม่รู้หูตาก็สว่างขึ้น และเหตุผล อันนี้เองได้ส่งผลกระทบต่อผู้สูญเสียอำนาจ และขอปฏิเสธข่าวที่ระบุ นายสนธิ เริ่มถอดใจและเตรียมตัวหลบหนีไปอยู่ที่ต่างประเทศ ว่าไม่เป็นความจริงแต่มีแผนที่จะเดินทางไปต่างประเทศจริง เพื่อพักฟื้นร่างกาย
นายสนธิ ยังแสดงความเป็นห่วงนายกรัฐมนตรี เพราะถือว่าอยู่ในช่วงอันตราย เหตุ การณ์ที่เกิดขึ้นทั้งที่พัทยา หรือกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะกลุ่มผู้ก่อการส่งสัญญาณให้เห็นว่า หาก นายสนธิ ตายได้ ย่อมกระเทือนไปถึงนายอภิสิทธิ์ รวมทั้งผู้ที่อยู่เบื้องสูงขึ้น ๆ ไป
แกนนำลั่นค้านแก้รัฐธรรมนูญ
หลังจากนั้น แกนนำพันธมิตรฯ ทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงท่าทีพันธมิตรฯ โดย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ งานกล่าวถึงท่าทีพันธมิตรฯ ต่อกรณีรัฐบาลจะพยายามแก้ไข รธน. และออก ก.ม.นิรโทษกรรม รวมทั้งการจัดงานครบรอบ 1 ปีการต่อสู้ของพันธมิตรฯ
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข กล่าวยืนยันว่า จะคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติ 14 ล้านเสียง ส่วนเนื้อหาที่จะแก้รัฐธรรมนูญก็คงหนีไม่พ้นเปิดช่องให้มีการนิรโทษกรรมให้ พวกฉ้อฉล พฤติกรรมนักการเมืองในวันนี้ถึงจะแก้รัฐธรรมนูญอีกสักกี่ครั้งกี่ฉบับ ก็ไม่สามารถปฏิรูปไปสู่การเมืองใหม่ได้
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า รูปแบบการจัดงานครบรอบ 1 ปีของการต่อสู้ของพันธมิตรฯ 193 วัน วันที่ 24 พ.ค. จัดสัมมนา ในลักษณะรับฟังความคิดเห็น แต่ละจังหวัดจะส่งตัวแทนกันเข้ามาเพื่อให้ครอบคลุมเครือข่ายมากที่สุด ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 25 พ.ค.นี้ จึงขอเชิญชวนพี่น้องพันธมิตรฯ เข้าร่วมชุมนุมอย่างทั่วทุกสารทิศ และจะประกาศเรื่องจุดยืนในการตั้งพรรคการเมืองในวันดังกล่าวด้วย
ชม.ขู่ถอนเงินแบงก์กรุงเทพ
ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 14.00 น. นาย เพชรวรรต วัฒนพงษ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียง ใหม่ 51 นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำ นปช. ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับกลุ่มเสื้อแดงจะปลุกพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นมาที่ โรงแรมแกรนด์วโรรส โดย นายสุรชัยกล่าวว่าที่เข้าร่วมกับคนเสื้อแดงเพราะเห็นว่า คนเหล่านี้เป็นกลุ่มชนชั้นรากหญ้า และชนชั้นกลางที่สนับสนุนการปฏิวัติประชาธิปไตยทุนนิยม ซึ่งเป็นทิศทางที่ถูกต้องในการพัฒนาสังคมการเมือง และประเทศชาติในปัจจุบัน แต่ไม่ได้มีการปลุกกระแส พรรคคอมมิวนิสต์ ตามที่มีข่าว
ด้าน นายเพชรวรรต กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงทั่วประเทศจะร่วมกันไปถอนเงินในบัญชีธนาคารกรุงเทพ ที่มี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพ โดยจะนำร่องที่ จ.เชียงใหม่ก่อนเป็น จังหวัดแรก โดยในวันที่ 4 พ.ค. เวลา 10.00 น. จะมารวมตัวกันที่หน้าโรงแรมแกรนด์วโรรส จากนั้นจะเดินทางไปถอนเงินปิดบัญชีที่สาขาธนาคารกรุงเทพ โดย จะเลือกสาขาที่กลุ่มเสื้อแดงฝากเงินไว้มากที่สุด.
Sunday, May 3, 2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment