สังคายนา รธน.ปู่สุขให้ประหยัดไม่ลงประชามติ
"กระทรวงยุติธรรม"ดัดหลังนักการเมืองขี้ฉ้อหวังหนีคดีเอาตัวรอด ชงครม.รื้อกฎหมายอาญานับอายุความใหม่ ให้เริ่มนับหนึ่งหลังจากจับตัวมาดำ เนินคดี ส่งฟ้องศาลแล้วไม่มีวันหมดอายุความ “ปู่สุข” ปัดแนวคิดประชามติแก้ รธน. เปลืองเงินฟรี 2 พันล้าน ชี้ปัญหาชัดเดินหน้าแก้ แนะหาทางปรองดองต้องไม่ไล่ต้อนกันจนมุม มั่นใจแนวทางเจรจาคลี่คลายปัญหาได้ “ดิเรก” นัด 7 พ.ค. ติดเครื่องกรรมการสมานฉันท์ฯ ยืนยันไม่มีใครก้าวก่าย ปชป.สวด “วรวัจน์” ตีรวนขอให้ฟัง ความเห็นคนอื่นบ้าง “ภาคีสื่อ” ออกแถลงการณ์ วันสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนโลก วอนรัฐบาลอย่าคิดแทรกแซงสื่อ วอนทุกแขนงอย่ากลายเป็นเครื่องมือการเมือง นักวิชาการแนะสื่อให้เป็นคนพากย์มวยอย่าโดดไปเชียร์มวยเอง “สาทิตย์” กลัว SMS ปลุกระดมมวลชน นายกฯ ชวนคนไทยร่วมหลอมดวงใจวันสำคัญของชาติ อวดผลงานอัดฉีด ศก.เข้าเป้า “เพื่อไทย” โวยรัฐบาลหั่นงบรากหญ้า
“ปู่สุข”แนะอย่าต้อนจนตรอก
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง โดยการตั้งคณะกรรม การขึ้นมา 2 คณะว่า ถึงจะแก้ปัญหาได้ไม่หมด เพราะไม่แก้ที่ต้นตอ แต่อย่างน้อยก็เป็นช่องทางที่จะทำให้สถานการณ์ผ่อนปรนลง การจะแก้ไข ที่ต้นตอนั้นอย่าไปทิ้งเรื่องการเจรจา ทุกอย่างอย่าทำให้คนจนตรอก ส่วนจะตกลงกันได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง แต่แค่เริ่มต้นกระบวนการเจรจาก็ดีแล้ว เมื่อถามว่าแล้วความขัดแย้งจะอยู่กับสังคมไทยไปอีกนานแค่ไหน นายประสพสุข ตอบว่า ก็ยังคงอยู่ แต่จะค่อย ๆ สงบลง อย่างน้อยก็เป็นสัญญาณที่ดีที่รัฐบาลจะเรียกความเชื่อมั่นได้
เมื่อถามว่า ยังคงเห็นว่าต้องแก้รัฐธรรม นูญอยู่ นายประสพสุข ตอบว่า ต้องแก้ แต่ไม่ต้องแก้ทุกมาตรา เอาเรื่องสำคัญ ๆ จุดใหญ่ที่ทุกคนรับได้ เช่น มาตรา 190, 237 หรือมาตรา 266-267 ที่ห้ามฝ่ายนิติบัญญัติเข้าไปยุ่งเกี่ยว กับข้าราชการ ขณะนี้ประชาชนเดือดร้อนเข้ามาร้องกับ ส.ส. แล้ว ส.ส. จะทำอย่างไร ไปบอกข้าราชการก็ไม่ได้ เป็นการเขียนมัดมากเกินไป ขณะนี้คิดว่าอยู่ในอารมณ์ที่คนอยากให้แก้แล้ว เมื่อถามว่าบางฝ่ายอยากให้ทำประชามติก่อน นายประสพสุข กล่าวว่า ทำไมต้องเสียเงินถึง 2,000 ล้านบาท คิดว่าไม่จำเป็นต้องเสียเงิน ทำให้ต้องยืดเวลาออกไปอีก จะแก้หรือไม่แก้ผลก็คือแก้ เพราะเราเห็นปัญหาแล้ว อยากให้ประชามติก็ดูโพลซึ่งอ้างอิงได้แนวโน้มคิดว่าแก้ได้
ถอยคนละก้าวตั้งสติแก้ได้
นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไข รัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการเรียกประชุมคณะกรรมการฯ นัดแรกในวันที่ 7 พ.ค. ว่า จะเปิดให้กรรมการได้ร่วมเสนอความเห็น เพื่อวางกรอบการพิจารณาและดำเนินการของคณะกรรมการ ไล่กันไปทีละประเด็นถือเป็นการเริ่มต้นที่ถูกแล้วที่เอาคู่กรณีทุกฝ่ายมา เจรจากันผ่านคนกลาง หากประเด็นไหนเห็นตรงกันก็จบ แต่ถ้าเห็นไม่ตรงกันก็ต้องคุยกันว่าจุดที่พอยอมรับกันได้คืออะไร หากอยากให้บ้านเมืองอยู่ได้ ก็ต้องถอยคนละก้าวแล้วตั้งสติให้ดี ช่วยกันคิดแก้ไขไปทีละประเด็น
นายดิเรก กล่าวว่า การทำงานจะไม่มีธงอะไรทั้งนั้น จะเปิดรับฟังจากทุกฝ่าย ไม่ดื้อดึงใช้วิธีเผด็จการ เพราะรู้ดีว่าการมาทำหน้าที่ตรงนี้ต้องเจอแรงเสียดทานแน่นอน แต่ยืนยันว่าไม่มีใครคุมได้ทั้ง นายชัย นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา หรือแม้แต่นายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยมาพูดว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อถามว่ายังคิดว่าควรแก้รัฐธรรมนูญอยู่หรือไม่ นายดิเรก ตอบว่า ตรงนั้นเป็นความเห็นก่อนจะเข้ามารับตำแหน่งตรงนี้ จึงขอให้ที่ประชุมพิจารณากันเอง เพราะในคำสั่งแต่งตั้งก็มีประเด็นเรื่องรัฐธรรมนูญด้วย เดี๋ยวจะหาว่าชี้นำอีก
ปชป.สวด “วรวัจน์” ตีรวน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุ เตชะ ส.ส.ระยอง ในฐานะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการ แก้ไขรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองว่า ตนมีข้อเสนอไปยังคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดคือ 1.ให้เปิดใจกว้าง มีสติรับฟัง โดยตั้งเป้าหมายร่วมกันคือ ต้องนำพาประเทศไปสู่ความสงบสุข 2.ให้ทุกฝ่ายรับฟังซึ่งกันและกัน เพื่อนำไปสู่กระบวนการกลั่นกรอง 3.ไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามต้องเตรียมข้อเสนอของตัวเอง เพราะทุกข้อเสนอจะนำไปสู่การปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอ ทั้ง 3 ข้อนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น การทำประชามติ นอกจากนี้ ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย มีเหตุมีผล
นายสาธิต กล่าวถึงกรณีที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ออก มาคัดค้านการตั้งนายดิเรก ถึงฝั่ง เป็นประธาน คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ว่า ยังไม่พบเหตุผลที่ชัดเจนของนายวรวัจน์ว่าคัดค้านเพราะอะไร ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้นายวรวัจน์รับฟังคนอื่นบ้าง การแสดงอาการแบบนี้เหมือนเป็นคนส่วนน้อยที่มีเจตนาล้มคนส่วนใหญ่ ถ้าไม่ฟังคนอื่น ก็ขอให้ฟังคนในพรรคเดียวกันอย่างนายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ที่ระบุว่าจะไม่มีการคัดค้านอะไรจนกว่าความไม่เป็นธรรมจะเกิดขึ้น ดังนั้น อยากให้นายวรวัจน์อยู่ในระเบียบวินัยของพรรค และนึกถึงประเทศชาติ
ชงครม.แก้อายุความอาญา
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 6 พ.ค. นี้กระทรวง ยุติธรรมเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับ...) พ.ศ. ....ให้ที่ประชุม ครม. พิจารณา ทั้งนี้กระทรวงยุติธรรมให้เหตุผล ว่า หลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุความในประมวลกฎ หมายอาญาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่มีความเหมาะสม โดยเฉพาะการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่อาศัยอำนาจหน้าที่ ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่น มีรูปแบบที่สลับซับซ้อน ทำให้การสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมีความยากมากขึ้น จนหลายคดีไม่สามารถยื่นฟ้องต่อศาลได้ทันอายุความ
นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ผู้กระทำความผิดหลบหนีและยังไม่สามารถจับตัวมาดำเนิน คดีหรือฟ้องต่อศาลหรือรับโทษได้ทันเวลาที่กฎหมายกำหนด จนทำให้ผู้กระทำความผิดไม่เกรงกลัว ต่อกฎหมายและโทษที่จะได้รับ ซึ่งส่งผลให้การกระทำผิดและการกระทำทุจริตทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ให้เริ่มนับจากวันจับตัวได้
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมมีสาระสำคัญ ให้แก้ไขประมวลมาตรา 95 ที่กำหนดการนับอายุความฟ้องคดีของผู้กระทำผิดจะหยุด ลงกรณีที่ผู้กระทำความผิดได้ออกไปนอกราชอาณาจักรหรือหลบหนีจากภูมิลำเนา และในกรณีถ้าได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลแล้วผู้กระทำความผิด หลบหนี หรือวิกลจริต และศาลสั่งงดการพิจารณาไว้หากเกินกำหนดเวลานับตั้งแต่วันหลบหนีให้ถือว่าขาด อายุความ
ซึ่งในร่างที่แก้ไขใหม่จะไม่มีในเรื่องของอายุความและกำหนดระยะเวลาการส่ง ฟ้องที่ชัด เจน โดยแก้ไขเป็น “กรณีที่ผู้กระทำความผิด ได้ออกไปนอกราชอาณาจักรหรือหลบหนีจากภูมิลำเนา ให้เริ่มนับอายุความใหม่เมื่อได้ตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี และในกรณีถ้าได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลแล้ว แม้จะเกินกำหนดเวลานับตั้งแต่วันหลบหนี ก็ไม่ถือว่าขาดอายุความ ยกเว้นผู้กระทำความผิดเป็นผู้วิกล จริต” และเมื่อได้ตัวผู้กระทำความผิดมาแล้วให้เจ้าหน้าที่ ส่งฟ้องต่อศาลภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ได้ตัวมา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลให้ขยายเวลา และเมื่อคำพิพากษาถึงที่สุด ถ้าผู้กระทำผิดไม่มาเพื่อรับโทษ หรือหลบหนีหรือรับโทษแล้วยังไม่ครบ ให้ลงโทษผู้นั้นในโทษที่ยังไม่ได้รับหรือที่ได้รับแต่ยังไม่ครบ โดยไม่ถือว่าเป็นการล่วงเลยระยะเวลาในการลงโทษ
รัฐบาลห่วงSMSปลุกระดม
ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้มีการจัดงานวันสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนโลก 3 พฤษภาคม มีการจัดเสวนาหัวข้อ “เสรีภาพสื่อมวลชนไทย จะช่วยเติมหรือดับไฟความขัดแย้ง” โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พฤติ กรรมการบริโภคสื่อเปลี่ยนไปมาก 3-4 ปีที่ผ่านมา มีสื่อเฉพาะบางความคิดเกิด คนก็จะเลือก เฉพาะรับสื่อที่ตัวเองชอบ ประกอบกับการเข้าไปเป็นเจ้าของสื่อทำได้ง่ายขึ้น มีทั้งวิทยุชุมชน เคเบิลทีวีท้องถิ่น ทำให้เกิดปัญหาว่า การเป็นเจ้าของสื่อง่ายนั้น ใช้สื่อเพื่อวัตถุประสงค์อะไร และ คนดำเนินการนั้นมีจิตวิญญาณสื่อสารมวลชนมีความเป็นวิชาชีพมากน้อยแค่ไหน บางสื่อเป็น เหมือนโฆษณาชวนเชื่อให้ผู้ฟังกระโจนเข้าไปอย่างไม่ยั้งคิดทางเดียว
นายสาทิตย์ ยังกล่าวว่า สิ่งที่มีอิทธิพลมากอีกอย่าง คือ SMS หรือข่าวสั้น ในช่วงวิกฤติสงกรานต์ SMS ข่าวบางชิ้น ทำให้รัฐบาลต้องรีบกำหนดท่าทีทันที SMS สั้นมาก แต่มีอิทธิพล และปัจจุบัน ยังไม่มีการคัดกรอง ตรวจสอบ ส่งไปแล้วคนก็ลบหาย ไม่มีหน่วยงานจัดเก็บ ตนได้เคยคุยกับหน่วยข่าวกรองบางชาติ พบว่า มี SMS เฉพาะที่ติดต่อกันเองในกลุ่มได้ ในอนาคต อาจมีการใช้ SMS ลักษณะนี้ปลุกมวลชน
แนะสื่อเล่นบทนักพากย์มวย
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ตนมีข้อเสนอคือ 1.ถึงเวลาแล้วที่สื่อต้องทบทวนบทบาทภารกิจ ในลักษณะเหมือนพากย์มวย คือเป็นกลาง ไม่ใช่เชียร์มวย 2.ทบทวนภารกิจองค์กรสื่อ ที่ตนเห็นว่า ต้องควบคุมดูแลกันเอง เพราะสื่อเรียกร้องเสรีภาพ ก็ต้องดูว่า ควบคุมกันเองได้อย่างไร 3.รัฐต้องมีการใช้กฎหมายที่เป็นธรรม ทั้งเรื่องเอเอสทีวี หรือดีสเตชั่น และ 4.รัฐต้องเปิดพื้นที่ให้สังคมพูดเรื่องประชาธิปไตย ซึ่งหลักการพื้นฐาน คือ ต้องเป็นสังคมที่มีเหตุผล และมีความหลากหลาย แต่ดำรงอยู่ด้วยกันได้ การที่จะบอกว่า ที่สุดของความขัดแย้ง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องชนะนั้นไม่ใช่
ดร.พวงทอง ภวัครพันธ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นแก้ไขยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเหมือนคนหันหลังไม่คุยกัน ครั้งนี้คนเสื้อแดงได้พื้นที่จากสื่อกระแสหลัก และเสื้อแดงจำได้ว่า เสื้อเหลืองทำอย่างไร ถ้าเสื้อเหลืองใช้มวลชนได้ เสื้อแดงก็ใช้มวลชนได้ อย่างไรก็ตาม สื่อกระแสหลักต้องสร้างฉันทามติในสังคมให้ร่วมกันเข้าใจ วิเคราะห์เรื่องราวในสังคม ไม่ใช่ให้ไปคุยกันแต่ในสื่อเฉพาะที่มีความคิดเดียวกัน ไม่สนใจข้อมูลของอีกกลุ่ม ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดสองมาตรฐานในสื่อกระแสหลัก สื่อมีบทบาททำหน้าที่เพื่อสังคม วิธีการและเป้าหมายต้องดี เสนอข้อมูลทุกด้าน อย่าเอาความเห็นไปพาดหัว ในทางปฏิบัตินั้น อะไรคือจรรยาบรรณวิชาชีพ อาจต้องถึงเวลาเอาบรรณาธิการมาอบรมกรณีพาดหัวข่าว
วอนรัฐบาลหยุดแทรกแซง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้อ่านแถลงการณ์วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก ซึ่งเป็นแถลงการณ์ร่วมของ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย โดยมีข้อเสนอต่อฝ่ายต่าง ๆ 1.รัฐบาลต้องไม่กระทำการใด ๆ หรือมีพฤติกรรมที่เป็นการแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ทั้งทางตรงและอ้อม และไม่ใช้วิธีการอื่นใดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มาจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
2.รัฐบาลต้องมีความจริงใจในการปฏิรูปกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้เสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชน 3.นักการเมืองทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสมาชิก รวมทั้งคู่ขัดแย้งทางการเมืองต่าง ๆ ต้องเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของสื่อมวลชนในการแสวงหาข่าวสารข้อเท็จจริง เพื่อนำเสนอต่อสาธารณชน
ขอสื่ออย่าตกเป็นเครื่องมือ
4.สาธารณชนต้องมีวิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร เปิดใจให้กว้างในการรับฟังความเห็นที่แตกต่างจากสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ พึงระมัดระวังในการรับข้อมูลของสื่อโดยเฉพาะสื่อที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือการ ต่อสู้ทางการเมืองของกลุ่มการเมืองต่าง ๆ 5.สื่อมวลชนทุกแขนง โดยเฉพาะสื่อที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือการต่อสู้ทางการเมืองของกลุ่มการเมือง ต่าง ๆ ต้องไม่นำเสนอข่าวที่เป็นการยั่วยุให้เกิดความขัดแย้ง และนำไปสู่ความรุนแรง โดยขอให้ยึดมั่นการปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนและองค์กรพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ขอยืนยันว่า เสรีภาพในการนำเสนอข่าวและความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชน มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย การกระทำใด ๆ ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายใด ที่กระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชน ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
นายกฯชวนคนไทยหลอมใจ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐ มนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย โดยได้กล่าวทันทีที่เริ่มรายการว่า ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้เป็นสัปดาห์ที่มีวันสำคัญและโอกาสสำคัญจำนวนมาก จึงอยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาหลอมรวมจิตใจกันเพื่อสร้างความสมัครสมาน สามัคคี โดยเฉพาะมีวันสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของชาติ คือวันที่ 5 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล รัฐบาลได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเข้าสู่ปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก จึงอยากชวนให้คนไทยมาร่วมงานเพื่อถวายความจงรักภักดีและแสดงออกถึงพลังของ สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นจุดยึดเหนี่ยว และจุดหลอมรวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ
นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า และช่วงปลายสัปดาห์เป็นต้นไปก็ยังมีการจัดงานส่งเสริมพระพุทธศาสนา และวันวิสาขบูชาโลก จึงอยากให้คนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นพุทธศาสนิกชนได้ใช้โอกาสและวันสำคัญครั้ง นี้ขัดเกลาจิตใจของตัวเอง และความเชื่อทางศาสนา และการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธศาสนาในการนำความสงบสุข สันติสุขกลับคืนสู่บ้านเมือง และสังคมของเรา
อวดผลงานรัฐบาลอัดฉีดศก.
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยฯ” อีกว่า รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ โดยได้เปิดเว็บไซต์ www.chuaichart.com เพื่อรายงานความคืบหน้าในมาตรการการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และให้ประชาชนติดตามตรวจสอบการทำงานได้ ซึ่งมาตรการสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนและสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 2 โครงการขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก ได้แก่โครงการชุมนุมพอเพียงถือว่ามีความคืบหน้าเกินเป้าหมาย มีการอนุมัติเงินไปแล้ว 6 พันล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 4 ของโครงการทั้งหมด
ส่วนมาตรการในการรักษากำลังซื้อ ของประชาชนในโครงการเช็คช่วยชาติก็เป็นไปตามเป้าหมาย มีเงินออกไปแล้วเกือบร้อยละ 80 และเมื่อวันที่ 30 เม.ย. เราก็สามารถดำเนินโครงการเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและค่าตอบแทน อสม. ได้เป็นเดือนแรกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบแรก ของรัฐบาลได้เดินหน้าอย่างเต็มที่และรวดเร็ว เป็นไปตามเป้าหมายและนโยบายที่ได้แถลงไว้ และในวันพุธที่ 6 พ.ค.นี้ จะมีการประชุม ครม. ซึ่งจะมีการสรุปตัวเลขสำคัญ ๆ และเรื่องการ ลงทุนสำคัญ ๆ ต่าง ๆ
มั่นใจตัวเลขว่างงานลดลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงที่สองของรายการ นายกฯ ได้ตอบคำถามพิธีกรรับเชิญว่า ในเดือน มี.ค. และเม.ย. มีตัวเลขที่ดีขึ้นเรื่องคนว่างงาน เพราะคาดว่าจำนวนคนที่ลาออกและถูกเลิกจ้างใน 2 เดือนนี้จะลดลง แต่ก็ยังไม่ประมาท ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ในเรื่องเศรษฐกิจ ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องคือการปล่อยสินเชื่อ ซึ่ง เป็นปัญหาทุกรัฐบาลและทั่วโลก แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการหลายอย่าง แต่การปล่อยสินเชื่อก็ยังน้อยอยู่ จึงต้องมาทบทวนเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงท้ายนายกฯ กล่าวว่า หากเราประคับประคองเศรษฐกิจในปีนี้ให้ทรงตัว หรือถ้าติดลบก็เพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้ปีหน้าโอกาสที่เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกจะฟื้นมีค่อนข้างมาก แต่เราต้องทำงานหนักต่อเนื่องและมีความพร้อม
สับรัฐบาลหั่นงบรากหญ้า
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่รัฐบาลตัดงบประมาณปี 2553 ลงว่า รัฐบาลไม่จริงใจเพราะตัดงบรากหญ้าแต่กลับไม่แตะต้องงบของทหาร เช่น งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่ตัดงบไปถึง 4.8 หมื่นล้านบาท ทำให้ค่ารักษารายหัวจากที่ขอไป 2,707.52 บาท เหลือ 2,406.32 บาท ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพและมาตรฐานในการรักษาพยาบาล อีกทั้งโครงการชุมชนพอเพียง หรือโครงการเอสเอ็มแอลเดิม รัฐบาลอ้างว่างบปี 2552 มี 20,000 กว่าล้านบาท แต่เบิกจ่ายไปเพียง 1,000 กว่าล้านบาท จึงให้เอางบปี 2552 ที่เหลืออยู่ไปใช้ในปี 2553 แทนนั้น รัฐบาลกำลังหลอกลวงประชาชน
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลปรับลดงบประมาณ โดยไม่สอดคล้องกับสถาน การณ์เศรษฐกิจของประเทศที่กำลังต้องการ เม็ดเงินเข้าไปลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แตกต่างจากงบประมาณของกองทัพที่รัฐบาลไม่กล้าแตะต้อง ดังนั้นขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการเพื่อสร้างรายได้ เพราะตอนนี้ไม่เห็นรัฐบาลคิดโครงการอะไรที่เป็นการสร้างรายได้ มีแต่วางแผนที่จะกู้เงิน
ตามจิก“บุญจง”จุ้นงานบริษัท
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ในวันที่ 4 พ.ค. เวลา 10.00 น. ตนพร้อมด้วย ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยจะเข้ายื่นหนังสือขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย หลังจากตรวจพบ ว่านายบุญจงมีพฤติการณ์จงใจยื่นแสดงบัญชีทรัพย์อันเป็นเท็จตาม ม.263 โดยก่อนเข้าดำรงตำแหน่งได้โอนหุ้นในบริษัทหนึ่งให้กับแม่บ้านและคนขับรถถือ หุ้นแทน และมีภรรยานายบุญจงถือหุ้นใหญ่
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า อย่างไร ก็ดี ปรากฏว่ามีภาพถ่ายและหลักฐานพิสูจน์ได้ ว่านายบุญจงมีพฤติการณ์เข้าไปมีอำนาจตัดสิน ใจบริหารจัดการภายในบริษัท และยังเป็นคู่สัญญากับรัฐ โดยรับเหมาก่อสร้างภายในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ในโครงการของกระทรวงมหาด ไทย ซึ่งหลังจากยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. ตนจะแถลงและแจกจ่ายรายละเอียดรวมถึงเอกสารทั้งหมดให้กับสื่อมวลชน.
Sunday, May 3, 2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment