วาระ...การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้สถานการณ์ของ "พรรคประชาธิปัตย์" ในยามนี้ อยู่ในสภาพพะอืดพะอม "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก"
ถ้าเป็นคนก็เหมือนคนที่ถูกผลักไปให้ยืนอยู่บน "ปากเหว" จะเดินหน้าก็ตกเหว ครั้นจะก้าวถอยหลัง ก็ยากเย็นชะมัด
“พรรคประชาธิปัตย์” จะเดินหน้ารื้อรัฐธรรมนูญ ตาม "สัญญาลูกผู้ชาย" ที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” รับปากกับพรรคร่วมเอาไว้ ในช่วง "หน้ามืด" อยากเป็นรัฐบาล ก็ต้องพร้อมจะเผชิญกับ "แรงต้าน" จากทั่วทุกทิศที่จะถาโถม ทิ่มแทง บั่นทอนเสถียรภาพของรัฐบาล
โดยเฉพาะ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ม็อบขาประจำ ที่จ้องประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยตาเขม็ง ถ้าเนื้อหาโน้มเอียงไปทางเอื้อประโยชน์ให้ “ทักษิณ ชินวัตร” และพวกพ้องเมื่อไหร่ ก็เตรียมตัวเปิด “แนวรบ” กับกลุ่มคนเสื้อเหลือง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่ขนาด “คณะกรรมการในฐานะประธานคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษา แก้ไขรัฐธรรมนูญ” เพิ่งจะได้ตัวประธาน ยังไม่ทันเริ่มประชุมซักนัด
แต่ปรากฏว่า ประเด็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองต่างๆ ก็ถูกนำเสนอออกมาจนเกลื่อนหน้าหนังสือพิมพ์
“วาระ” ส่วนใหญ่ ก็วนเวียนอยู่กับปัญหาเชิง “เทคนิค” ของนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง การยกเลิกโทษยุบพรรค ยกเลิกโทษกรรมการบริหารพรรคที่ทุจริตการเลือกตั้ง การยกเลิก ส.ว.สรรหา
แค่เห็น “ประเด็น” ก็เห็น "หาง" ที่ “โผล่” ออกมาประจานตัวเอง ตอกย้ำว่า คนพวกนี้จะออกแบบกติกาสูงสุดของชาติอย่างไรและเพื่อใคร
จินตนาการที่ "อภิสิทธิ์" วาดไว้ว่า เมื่อนักการเมือง “แบ่งเค้ก” กันลงตัว แก้รัฐธรรมนูญตามที่ใจต้องการแล้ว ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองมันจะจบ
มันจะเป็นจริงเช่นนั้นหรือ !
อย่าลืมว่า...การเมืองไทยวันนี้ มันข้ามยุคสมัยที่ประชาชนงอมือ-งอเท้า มีชะตากรรมขึ้นอยู่กับ “ส.ส." จะชี้เป็นชี้ตาย
แต่กระแสความตื่นตัวทางการเมือง ความต้องการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง มีสูงมากและแผ่ขยายไปทุกพื้นที่
ดังนั้น “นักการเมือง” คิดจะ “ชงเอง กินเอง” ปู้ยี่ปู้ยำรัฐธรรมนูญตามอำเภอใจ จะต้องฝ่าข้ามพลังภาคสังคมกันเหนื่อย ดีไม่ดีเลือดในตาอาจกระเด็นเอาง่ายๆ
โดยเฉพาะในยามที่ภาพลักษณ์นักการเมือง ตกต่ำสุดขีด ถึงขั้นที่ว่า "สวนดุสิตโพล" ระบุไว้ว่าประชาชนมองว่า “นักการเมือง” คือกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมในการทำร้ายประเทศมากที่สุด
“ความชอบธรรม” ที่เหลือน้อย ทำให้ “ประชาธิปัตย์ ” ติดเบรกกะทันหัน ไม่กระโจนพรวดพราดเข้าร่วมวงศ์ไพบูลย์ โดยรักษาระยะห่าง ไม่ร่วมเสนอประเด็นที่จะแก้ไขให้ถูกด่าฟรีๆ
ภาวะที่ต้องเผชิญกับแรงบีบแรงกดจากพรรคร่วมรัฐบาล ที่บีบคอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญไขล็อก อดีตกรรมการบริหารพรรคการเมือง ตบเท้าคืนสังเวียนการเมืองอีกรอบ
ถ้า "พรรคประชาธิปัตย์" ที่ยังปรารถนาจะครองอำนาจอยู่ต่อไป มีทางเดียวที่จะเอาตัวรอด คือ เปิดช่องให้ “ประชาชน” เข้ามามีบทบาทตัดสินเส้นทางเดิน โยนวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประเด็นสาธารณะ เอาหลังพิงประชาชนเอาไว้
เปิดทางให้แก้ไข ม.291 เจาะรูระบายทางการเมือง โดยให้มีโอกาสแต่งตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากภาคส่วนต่างๆ ในสังคมที่นอกเหนือจากนักการเมือง มาเป็นแกนกลางในการพิจารณารัฐธรรมนูญ
แนวทางนี้ นอกจากเราจะได้รัฐธรรมนูญที่มีความสมบูรณ์กว่าฉบับของนักการเมืองที่กำลังทำกันอยู่แล้ว
ยังจะเป็นกระบวนการที่ทำให้ “กลุ่มพลัง” ต่างๆ ในสังคม ได้มีพื้นที่ในการนำเสนอ “วาระ” ของตัวเองบนเวทีที่เป็นทางการ ลดบรรยากาศความตึงเครียด ความร้อนระอุบนท้องถนน
"เข้าคอนเซ็ปต์ "หยุด...ทำร้ายประเทศไทย" ที่กำลังฮิตในช่วงนี้ พอดิบพอดี"
Wednesday, May 6, 2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment