Tuesday, April 21, 2009

ปลัดฯกห.ยันยังจำเป็นต้องคงพรก.ฉุกเฉิน Bookmark and Share

ปลัดกลาโหมชี้ รธน.ปี 40-50 คณะร่างเดียวกัน แนะเปลี่ยนพฤติกรรมคนดีกว่าแก้ รธน. เผย จำเป็นคง พรก.ฉุกเฉิน เหตุมีคนจ้องสร้างความวุ่นวาย ชูทำประชาพิจารณ์ กม.นิรโทษกรรม ให้ ปชช.ตัดสิน ชี้การแยกคดีอาญา“ทักษิณ”เป็นดุลพินิจของศาล

(21เม.ย.) ที่ศาลหลักเมือง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประธานพิธีบวงสรวงและถวายสักการะองค์พระศาลหลักเมือง เนื่องในโอกาสครบรอบ 227 ปี จากนั้น พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงการติดตามพฤติกรรมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ แห่งชาติ (นปช.) ว่า รายละเอียดตำรวจชี้แจงหมดแล้ว ส่วนเรื่องที่กลุ่มเสื้อแดงไม่ยอมหยุดการเคลื่อนไหวนั้น เป็นเรื่องของแนวความคิด ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พยายามจะทำให้เกิดความสมานฉันท์เพื่อเปิดช่องและพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้เกิดความปรองดองมากที่สุด ซึ่งเรื่องการสร้างความสมานฉันท์กองทัพทำอยู่แล้ว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ก็ทำอยู่ในเรื่องความยากจนและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

เมื่อถามว่า เห็นด้วยกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้นักการเมืองหรือ ไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นกลไกรัฐสภาว่าจะออกมาอย่างไร ตนบอกว่าเห็นด้วยหรือไม่ ต้องเป็นภาพรวมของทั้งประเทศ เมื่อถามว่า คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องแยกระหว่างการทำผิดเรื่องการเมืองกับความผิดทางอาญาหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงต้องแยกให้ได้ว่าเป็นเรื่องคดีอาญา ทุกอย่างต้องเดินไปตามศาล ไม่ใช่เรื่องของการเมือง

เมื่อถามว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะยกเลิกเมื่อไหร่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงเร็ววันนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีอยากให้เป็นอย่างนั้น เมื่อถามว่า นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช. ที่โดนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขณะนี้เคลื่อนไหวในต่างประเทศจะจัดการอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของตำรวจและคดีความว่าจะทำอะไร

เมื่อถามว่า กองทัพได้เตรียมข้อมูลให้กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เพื่อชี้แจงในการประชุมรัฐสภาในวันที่ 22-23 เม.ย.นี้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้นายสุเทพ จะเป็นผู้ชี้แจงทำความเข้าใจ โดยเฉพาะประเด็นที่กองทัพถูกกล่าวหาว่า มีการทำร้ายกลุ่มคนเสื้อแดงถึงขั้นเสียชีวิต ทั้งที่ความจริงกองทัพได้ปฏิบัติการอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันว่าไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงเสียชีวิต กองทัพไม่ได้มีการเตรียมข้อมูลอะไร และมั่นใจว่านายสุเทพจะชี้แจงในที่ประชุมได้

พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กองทัพยังมีความจำเป็นที่จะต้องติดตามสถานการณ์อีกสักระยะ แต่แนวโน้มขณะนี้ก็น่าจะดีขึ้น ส่วนการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นความความเห็นของ ผบ.เหล่าทัพ อยากให้ยกเลิกเร็วที่สุด แต่เมื่อได้พูดคุยกันก็ลงความเห็นกันว่ายังมีความจำเป็นต้องคงไว้บางส่วน เพื่อควบคุมแกนนำที่ยังไม่ได้เข้ามามอบตัว และยังพยายามที่จะสร้างปัญหาอยู่ จึงอยากให้ยืดเวลาการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปให้สถานการณ์นิ่ง เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องดูแลเรื่องนี้ และรัฐบาลก็สอบถามทางกองทัพ ซึ่งคงพยายามทำให้เร็วที่สุดให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เมื่อถามว่า คนที่สร้างความวุ่นวายบางคนไม่ได้อยู่ในประเทศมั่นใจอย่างไรว่าจะควบคุมได้ ในภาวะไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า คงต้องติดตาม ซึ่งการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตลอดไปคงไม่ได้อยู่แล้ว ต้องใช้ในยามฉุกเฉินจริงๆ เราทราบเรื่องการเคลื่อนไหวของผู้ที่อยู่ในต่างประเทศ และคงต้องติดตามโดยตลอด

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องมีกฎหมายจัดการกับคนเหล่านี้หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ในขณะนี้ไม่มีกฎหมายรองรับ ตำรวจก็พยายามหากฎหมายมารองรับ แต่ตอนนี้ยังไม่มีและพยายามที่จะผลักดันเรื่อง พ.ร.บ.เรื่องการชุมนุมของประชาชน ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาพอสมควร การดำเนินการขณะนี้ต้องอาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือกฎหมายลักษณะนี้มาดูแล แต่ความจริงไม่อยากใช้กฎหมายเหล่านี้ แต่ถ้าไม่ใช้ก็ไม่มีอำนาจในการดำเนินการ ซึ่งตำรวจและทหารไม่สามารถทำอะไรได้ จำเป็นต้องอาศัยกฎหมายเหล่านี้

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีมีแนวทางนิรโทษกรรมให้กับนักการเมือง พล.อ.อภิชาต กล่าว เป็นเรื่องของรัฐบาลที่พยายามทำให้เกิดความสมานฉันท์เร็วที่สุด เพื่อให้เกิดความสงบโดยเร็ว หากทำอย่างนี้แล้วคงจะทำให้พลิกสถานการณ์ไปได้ในระดับหนึ่ง ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น คงต้องฟังความเห็นของประชาชนส่วนใหญ่มากกว่าว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะนิรโทษ กรรมให้กับนักการเมืองที่ติดร่างแหทั้ง 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และ 109 คน ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ทั้งนี้ เรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรีก็แยกชัดเจนอยู่ในเรื่องของคดีอาญาและส่วนบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องของศาล

เมื่อถามว่า ส่วน พ.ร.บ.กฎหมายนิรโทษกรรม และการแก้รัฐธรรมนูญจำเป็นต้องทำประชามติหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า คงต้องดูอีกที แต่ความคิดเห็นส่วนตัวอยากให้ทำประชาพิจารณ์ แต่จะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญนั้นยืดออกไป ซึ่งรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีอยากให้แก้ไขให้เร็วที่สุด

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้นักการเมือง พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นความห่วงใยของประชาชน และส่วนราชการที่ดูแลอยู่ หากให้ฝ่ายการเมืองมาแก้ไขคงมีปัญหาในเรื่องที่จะทำให้เกิดผลประโยชน์ของฝ่ายการเมืองเป็น หลัก ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญ หากเปิดให้กว้างขึ้นหรือให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมก็น่าจะดี เชื่อว่าเป็นความต้องการของนายกรัฐมนตรีที่อยากให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วน ร่วม

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาปรับเปลี่ยนใช้ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น ทางออกที่ดีที่สุดที่จะทำได้ คือ ตรงไหนเป็นความเหมาะสม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 คงเหมือนกับการเอารัฐธรรมนูญของปี 2540 มาใช้ หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2540 ก็เหมือนกัน ต้องใช้เวลาเหมือนกัน เพราะกว่าจะได้ข้อยุติคงต้องใช้เวลาไม่อยากให้ไปยึดติดกับฉบับใดฉบับหนึ่ง

“รัฐธรรมนูญฉบับ 40 ก็มีจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง และการยกร่างขึ้นมาก็ต้องดูสถานการณ์ในช่วงนั้นว่าเป็นอย่างไร ให้ตอบสนองสถานการณ์การแก้ปัญหาในขณะนั้น ปัญหาปี 2540 ก็เป็นส่วนหนึ่ง ดังนั้น ถ้าจะให้บอกว่าฉบับใดดีกว่ากันคงไม่ใช่ ในปี 2535 ที่ยกร่างด้วยคณะ รสช. มองกันว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการรัฐประหารเหมือนกัน ตรงนั้นความจริงแล้วผู้ที่มีส่วนร่วมก็คือท่านที่ร่างรัฐธรรมนูญในปี 2550 และปี 2540 แต่พอถึงเวลาออกมาในรัฐธรรมนูญฉบับที่เกิดขึ้นหลังจากการรัฐประหารมองว่า เป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการทั้งสิ้นทั้งปี 2550 และปี 2535 ก็เป็นผลพวงหนึ่งที่มองว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่เกิดจากภาคทหารเป็นผู้กำกับดูแล ” พล.อ.อภิชาต กล่าว

พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ในปี 2535 ผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการยกร่าง ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่มายกร่างในปี 2540 ยกตัวอย่างเช่นการเลือกตั้งแบบวันแมนวันโหวต ในปี 2535 ซึ่งทางฝ่ายทหารก็พยายามที่จะเสนอว่าทำได้หรือไม่ ท่านที่เกี่ยวข้องก็ยืนยันว่าความรู้ของประชาชนยังมีไม่เพียงพอที่จะทำการ เลือกตั้ง วันแมนวันโหวต แต่พอปี 2540 ท่านเข้ามาร่างใหม่ ซึ่งความรู้ของประชาชาชนจะดีขึ้นหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ท่านก็เอามาใช้ โดยการเลือกตั้งแบบวันแมนวันโหวตให้กับปี 2540 นี่คือการขึ้นอยู่กับสถานการณ์ช่วงนั้นเป็นหลัก คนที่นำรัฐธรรมนูญไปใช้ควรมีหลักจริยธรรมมากกว่ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ น่าจะปรับปรุงพฤติกรรมของบุคคลมากกว่าที่จะแก้กฎหมายหลักของชาติบ้านเมือง

เมื่อถามว่า จะมีขบวนการใต้ดินเคลื่อนไหวเรียกร้องการแก้กฎหมาย พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เขาคงดำเนินการอยู่ คงไม่เลิก เราติดตามอย่างใกล้ชิด เมื่อถามว่า ขบวนการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และคนอื่นควรรีบเร่งมากกว่านี้ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นเรื่องของตำรวจต้องดูแลและพยายามเร่งรัด ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของกระทรวงการต่างประเทศด้วย

เมื่อถามว่า กลุ่มเสื้อแดงประกาศจะรวมตัวกันให้ครบ 10 จังหวัดและเคลื่อนพลมาที่กรุงเทพ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ทุกคนเป็นห่วงบ้านเมือง และเชื่อว่าทุกคนมีความเป็นห่วงกับความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น แต่สภาพปัญหาทำให้ไม่สามารถที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่สามารถดำเนินการตามที่ต้องการ เพราะเขาพยายามที่จะก่อเหตุและสร้างความปั่นป่วน เราก็ไม่อยากให้เกิดสิ่งเหล่านี้ ขณะนี้เหตุยังไม่เกิดขึ้นต้องติดตามความเคลื่อนไหวของเขาโดยตลอด

No comments:

Post a Comment