Wednesday, April 22, 2009

พยานตัวจริงเปิดตัวให้การตร.เห็นหน้ามือยิง"สนธิ"

จนเกือบโดนฆ่าปิดปากด้วยพบแล้วเบาะแสปลอกเอ็ม16

ทีมสืบสวนนครบาลเก็บตัวพยานปากสำคัญไว้แล้ว อยู่ในสถานที่ลับสุดยอด ยันไม่ใช่เด็กปั๊ม เจ้าตัวเห็นเหตุการณ์ทุกขั้นตอน หลังมือสังหารสาดกระสุนใส่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ยังหมายเด็ดหัวพยานทิ้งด้วย แต่เคราะห์ดีหลบทันเลยรอดหวุดหวิด ตร.เค้นข้อมูลเครียด ด้าน “เตมูจิน” โผล่ บช.น.งัดหลักฐาน “คนมีสี” ลอบยิง “สนธิ” หลังงานแห้ว เผ่นหนีตะเข็บชายแดน ส่วนรถกระบะนำไปชำแหละแยกชิ้นส่วน ด้าน ผบช.น.เร่งสางคดี เตรียมแจง “ธานี” แล้วโฆษกนครบาล วอนพยานแวดล้อมแจ้งเบาะแส ขณะที่ สตช.พิสูจน์ปลอกเอ็ม 16 พบแหล่งผลิตมาจากกรมสรรพาวุธทหารบก ซีรีส์นัมเบอร์มัดแน่น ส่งให้หน่วยทหารแห่งหนึ่งใช้เท่านั้น “เสธ.หนั่น” อัด “แม้ว” พูดเรื่อยเปื่อย กล่าวหารัฐเอี่ยวคดีลอบยิง “สนธิ” ระบุอยู่เมืองนอกจะรู้ได้อย่างไร ส่วน “จตุพร” ด่า “กษิต” กล่าวหา “ทักษิณ” อยู่เบื้องหลัง

กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้รับบาดเจ็บพร้อมนายวาร์ยุภักดิ์ มัคละสิทธิ์ ผู้ติดตาม และนายอดุลย์ แดงประดับ คนขับรถ บริเวณหน้าวัดเอี่ยมวรนุช เขตพระนคร ล่าสุดมีพยานปากเอก เป็นลูกจ้างปั๊มน้ำมันใกล้ที่เกิดเหตุ ออกมาระบุว่าเห็นเหตุ การณ์ทั้งหมดแล้ว

ความคืบหน้า ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 เม.ย. รศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย ออกแถลงการณ์ว่า อาการโดยทั่วไปของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ช่วยเหลือ ตัวเองได้ บาดแผลดีไม่ติดเชื้อ ไม่มีอาการแทรกซ้อน รับประทานอาหารได้ ส่วนอาการของนายวาร์ยุภักดิ์ มัคละสิทธิ์ ผู้ติดตาม บาดแผลดี ไม่มีไข้ อาการทั่วไปปกติดี ส่วนนายอดุลย์ แดงประดับ ยังคงมีอาการคงที่ รู้สึกตัวดี หายใจเองได้ เริ่ม รับประทานอาหารได้ พูดคุยได้ แขนขายังมีแรง เท่าเดิม แผลที่แขนขวามีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย สัญญาณชีพปกติ ไม่มีไข้ และยังต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิดในห้องไอซียูต่อไป

ส่วนบรรยากาศการลงชื่อเยี่ยมนายสนธิ ที่ชั้นล่าง ตึก สก.ตั้งแต่ช่วงเช้า ยังคงมีประชาชนผู้สนับสนุนพันธมิตรฯ เดินทางมาเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง ส่วนบุคคลสำคัญที่มาเยี่ยมนายสนธิ อาทิ นายมานิต สุขสมจิตร นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร และนางบัญญัติ ทัศนียาเวช อดีตประธานสภาการหนังสือพิมพ์ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีต ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด รวมทั้งนายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ โดยนายไพบูลย์เปิดเผยว่า นายสนธิ ได้เล่าเรื่องขบวนการที่กำลังตอบโต้รัฐบาลอยู่ มีขบวนการเกี่ยวโยงกับต่างประเทศ มีการประกาศยุทธวิธีใต้ดิน พันธมิตรฯ หารือกันว่าถ้ามีระบอบที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล เป็นสงครามใต้ดิน รัฐต้องตั้งรับอย่างเหมาะสม โดยใช้หน่วยงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายในประเทศไทย ทั้งนี้ จากคำประกาศของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มนปช.ได้ประกาศใช้ยุทธวิธีใต้ดินแล้ว รัฐบาลจึงต้องวางระบบกลไกความมั่นคง ควรตั้งคณะกรรม การพิเศษเพื่อดูแลฝ่ายตรงข้ามที่มีการก่อการร้ายอย่างในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประเทศในยุโรป เนื่องจากหน่วยงานความมั่นคงเดิม ๆ ที่มีอยู่แก้ไขปัญหาไม่ได้

ด้านนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร กล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมนายสนธิ ว่า ตนมาเพื่อแสดงความห่วงใยนายสนธิ สิ่งที่นายสนธิทำ เป็นการทำเพื่อประเทศชาติ และประชาชน ผู้ประกอบอาชีพสื่อถูกคุกคามทำร้ายมานานแล้ว ซึ่งไม่ถูกต้องและอุกอาจมากในสังคม เป็นหน้าที่ของรัฐ ในการที่จะดูแลความปลอดภัย แต่ก็เป็นหน้าที่ของคนที่ทำงานสื่อเองที่จะต้องตระหนักถึงอาชีพ และหน้าที่ของตน การคุกคามสื่อเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่เราจำต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง และเที่ยงธรรม

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายชนาพัทธ์ ณ นคร แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนผู้รักประชาธิปไตย (เตมูจิน) นำข้อมูล หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล มามอบให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เพื่อใช้ประกอบการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี โดยมีตัวแทนพนักงานสอบสวนรับมอบหลักฐานเอกสารไว้ พร้อมสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมใช้เวลาประมาณ 10 นาที แล้วเก็บรวบรวมเข้าในแฟ้มสำนวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ขณะที่นายชนาพัทธ์ได้หลบออกทางประตูด้านหลังเดินทางกลับโดยไม่เปิดเผยข้อมูล ใด ๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหลักฐานที่นายชนาพัทธ์นำมามอบให้พนักงานสอบสวนครั้งนี้ เป็นรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยระบุว่าคนร้ายเป็นคนมีสี 2 หน่วยงาน รวม 6 นาย ใช้รถกระบะสีดำเป็นพาหนะ เมื่อลงมือยิงนายสนธิแล้วได้แยกย้ายกันหลบหนีไปกบดานตามตะเข็บชายแดน ส่วนรถที่ใช้ในการก่อเหตุนำไปชำแหละชิ้นส่วนซุกซ่อนตามที่ต่าง ๆ อย่างไรก็ตามจากหลักฐานดังกล่าวที่นายชนาพัทธ์นำมาให้พนักงานสอบสวนนครบาล นั้น ไม่มีนายตำรวจคนใดออกมายืนยันถึงรายละเอียดข้อเท็จจริงตามที่เป็นข่าวแต่ อย่างใด ด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิว ปรีชา ยังคงเก็บตัวเงียบในห้องทำงาน มีสีหน้าเคร่งเครียด ยังไม่เปิดเผยความคืบหน้าทางคดี พร้อมเรียกประชุมพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีในเวลา 17.00 น. เพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวน เพื่อชี้แจงต่อ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. ในการประชุมสรุปความคืบหน้าคดีในวันศุกร์ที่ 24 เม.ย.นี้

พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวว่า พนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานรายงานต่อ พล.ต.อ. ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ที่จะเดินทางมาประชุมสรุปความคืบหน้าประจำสัปดาห์หลังแบ่งงานให้แต่ละ ชุดดำเนินการในรอบ 7 วัน ซึ่งจะชัดเจนมากขึ้น ส่วนผู้ต้องสงสัย และกลุ่มคนร้ายอยู่ระหว่างตรวจสอบ ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นใครกลุ่มไหน มีสีหรือไม่ ส่วนพยานที่เห็นเหตุการณ์นั้นขณะนี้ยังมีไม่มากพอ อยากฝากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ที่เห็นเหตุการณ์หรือผู้รู้เบาะแสแจ้งข้อมูล กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที หากกลัวว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย ร้องขอกำลังตำรวจคุ้มกันดูแลความปลอดภัยได้ตลอดเวลา

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีคนร้ายยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ขนาด 5.56 มม. จำนวน 3 ปลอก ซึ่ง 2 ใน 3 ปลอก เป็นกระสุนที่ผลิตโดยกรมสรรพาวุธทหารบก มีการตีตราสัญลักษณ์ RTA ซึ่งมาจากว่า ROYAL THAI ARMY เป็นกระสุนชุดที่มีหมายเลขกำกับ ส่งให้เฉพาะหน่วยทหารหน่วยหนึ่งใช้เท่านั้น ส่วนกระสุนปืนอาก้าที่ตกอยู่หลายสิบปลอก ยังตรวจสอบหาที่มาไม่ได้ เพราะกระสุนปืนชนิดนี้ไม่มีประจำการในหน่วยราชการของไทย

ตามแนวทางการสืบสวนเชื่อว่า คนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้หมายจะใช้ปืนอาก้าเป็นอาวุธหลัก เพราะเป็นอาวุธปืนสงครามที่มีอำนาจทะลุทะลวงสูง อีกทั้งไม่มีข้อมูลในสารบบ เพราะเป็นอาวุธปืนจากประเทศรัสเซีย หาซื้อได้ง่ายตามแนวชายแดน การติดตามที่มาของอาวุธทำได้ยาก แต่กระสุนปืนเอ็ม 16 ที่พบน่ามาจากปืนเอ็ม 203 ซึ่งเป็นปืนเอ็ม 16 ประกอบเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ไว้ที่ด้านล่างของลำรางปืน คนร้ายน่าจะนำมาใช้เพื่อยิงลูกระเบิดถล่มรถยนต์ของนายสนธิ โดยไม่ตั้งใจจะยิงปืนเอ็ม 16 น่าจะเป็นการบังเอิญยิงออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงมีปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุเพียง 3 ปลอกเท่านั้น

ในส่วนความคืบหน้าของคดี นอกจากเด็กปั๊มน้ำมันที่เห็นเหตุการณ์ 2 คนแล้ว ชุด สืบสวนยังได้พยานปากสำคัญอีกปาก ซึ่งเห็น เหตุการณ์ทุกขั้นตอนอย่างละเอียด ตั้งแต่คนร้ายเริ่มลงมือจนยุติ พยานคนดังกล่าวเปิดเผยด้วยว่า หลังยิงถล่มนายสนธิ คนร้ายพยายามสังหารพยานโดยใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงใส่หมายจะปิดปาก แต่พยานหลบทันจึงรอดตายหวุดหวิด ขณะนี้พยานคนดังกล่าวอยู่ในการคุ้มครองของชุดสืบสวน นครบาลแล้ว

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ไปตรวจ สอบที่เกิดเหตุบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ถนนสามเสน เพื่อตรวจสอบประเด็นระยะห่าง และวิถีกระสุนเพิ่มเติม โดยตรวจสอบร่องรอยการเบรกของรถทั้งสองคันจากรอยยางรถบริเวณตำแหน่งที่รถ จากนั้นจึงวัดระยะทางระหว่างรถทั้งสองคัน และคำนวณหาความสัมพันธ์ระหว่างระยะห่างของรถทั้งสองคัน และความน่าจะเป็นของวิถีกระสุน และเก็บวัตถุพยานบางอย่างเพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ทางแล็ปต่อไป

จากนั้นไปตรวจสอบอาคารหม่อมละม้าย ตั้งอยู่ภายในธนาคารแห่งประเทศไทย ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร เนื่องจากได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าพบหัวกระสุนปืนไม่ทราบขนาดตกอยู่ และคาดว่าน่าจะเป็นหนึ่งในหัวกระสุนที่คนร้ายยิงใส่รถของนายสนธิ พบวิถีกระสุนทะลุบานประตูไม้สักหนา 2 นิ้วของอาคาร ก่อนจะพุ่งทะลุกระจก และฝาผนังห้องประชุมอีกด้านหนึ่ง จากการตรวจสอบพบว่าเป็นหัวกระสุนอาก้า เจ้าหน้าที่จึงตรวจสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดพร้อมบันทึกภาพ และสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไว้ ก่อนจะเก็บหัวกระสุนดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์ต่อไป

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศโดยระบุว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับการยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล คือรัฐบาล ว่าเป็นการพูดไป เรื่อยเปื่อย พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่นอกประเทศจะไปรู้อะไร ต้องรอตำรวจสอบสวนก่อน ขนาดตนยังไม่กล้าพูดเลยว่าฝ่ายไหนยิง หรือใครบัญชาการมายิง

ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนาย กษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวหา พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่า นายกษิตปากดีไม่เลิก เวลานึกอะไรไม่ออกก็จะโยนใส่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขนาดลูกชายของนายสนธิ ออกมาระบุเองว่าเป็นฝีมือของพวกเสื้อน้ำเงิน อีกทั้งแกนนำพันธมิตรฯ ก็ยังบอกเองว่าเสื้อแดงเสื้อเหลืองอย่าไปติดเบ็ดจนออกมาปะทะกัน จึงอยากถามว่าแล้วนาย กษิตเป็นใคร กล่าวหาคนอื่นลอย ๆ ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมตรวจสอบ แต่รัฐบาลอย่าปิดหูปิดตา และใส่ร้ายใครฝ่ายเดียว เพราะจะไปสร้างความเจ็บช้ำให้คนทั่วไปที่เขาไม่รู้เรื่อง ตนจะรอดูน้ำยาของ ผบช.ภ.1 ว่าจะปิดคดีที่นายกษิตมีส่วนร่วมปิดสนามบินภายในสัปดาห์นี้ได้หรือไม่ เพราะคดีก่อการร้าย หรือยึดสนามบินมีโทษถึงประหารชีวิต

ก่อนหน้านี้สำนักข่าวเอพีรายงานจากมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า นาย กษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศของไทย ปาฐกถา ที่สโมสรเอเชียโซไซตี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ของไทย เกี่ยวพันกับการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ หรือ “ม็อบเสื้อเหลือง” เมื่อวันศุกร์ที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา แล้วยังมีแผนจะลอบสังหารคนอื่นอีก แต่ รมว.การต่างประเทศของไทย ไม่ได้ระบุว่ามีหลักฐานอะไร บอกเพียงว่าตน และ รมต.อีก 4 คนในคณะรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตกเป็นเป้าหมายของการลอบสังหารด้วย โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องตกอยู่ภายใต้การคุ้มกันอย่างแน่นหนาจากเจ้าหน้าที่

นายกษิต กล่าวต่อไปว่า ไทยจะก้าวข้ามปัญหาความวุ่นวายในสังคมไปได้ ส่วนเรื่องการกำหนดวันใหม่ของการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน กับประเทศคู่เจรจานั้น (อาเซียนซัมมิท) ทางรัฐบาลไทยต้องปรึกษากับเอกอัครราชทูตจาก 15 ประเทศที่เข้าร่วมประชุมก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ รมว.การต่างประเทศ เคยกล่าวว่า อาจจะเป็นช่วง เดือน มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ส่วนสถานที่เป็นที่จ.ภูเก็ต ส่วนการไร้เสถียรภาพทางการเมืองในประเทศไทย ทำให้นักลงทุนต่างชาติพากันหวาดวิตก และหมด ความเชื่อถือนั้น รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า รัฐบาลไทยยังคงมีกฎหมายการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติ ซึ่งจะต้องดำเนินต่อไปตามวิถีทาง และคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา โดยไทยยังคง เป็นเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี และเป็นมิตรกับนานาชาติ นอกจากนั้น รมว.การต่างประเทศ ยังกล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เพราะหากมีคนตายแม้แต่ศพเดียวจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ อาจจะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นได้.

No comments:

Post a Comment