Sunday, April 26, 2009

มาร์คเปิดตัวมิวสิกเชื่อในตัวฉัน อ้อนขอแก้มือจัดอาเซียนอีกกู้ภาพลักษณ์

“มาร์ค” อ้อนประชาชนขอแก้มือประชุมสุดยอดอาเซียนอีกครั้ง หวังประชาชนร่วมแรงร่วมใจกู้ภาพลักษณ์ประเทศคืนมา ตั้งเป้าประชุมใหม่เดือน มิ.ย. พร้อมเปิดตัวมิวสิควีดีโอเพลง “เชื่อในตัวฉัน” ขณะที่โพลชี้ความเชื่อมั่นประเทศไทยสอบตกได้ 4.09 เต็ม 10 ด้าน “เพื่อไทย” แนะให้นำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมา แต่ถ้าเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้แก้บางมาตราแล้วเลือกตั้งใหม่ก็ยอมรับได้ ยันพรรคจะไม่ริเริ่ม พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ส่วนสวนดุสิตโพลเผยประชาชนต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญและนิรโทษกรรม เพื่อความสงบสุขของประเทศ

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์” ทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับประเทศ โดยการเร่งจัดประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาให้ได้ ขณะนี้กำลัง ประสานกับผู้นำประเทศต่าง ๆ 15 ประเทศที่ต้องมาร่วมประชุมด้วย ยอมรับว่าหลังเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น แต่ละประเทศก็เป็นห่วงและอยากเห็น รูปธรรมที่ชัดเจน

“ผมต้องขอความร่วมมือจากประชาชนทุกกลุ่ม หวังว่าในเดือน มิ.ย.เราจะสามารถเป็นเจ้าภาพจัดประชุมดังกล่าวได้อีกครั้ง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของชาวโลกกลับ คืนมา หลังจากได้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถาน การณ์ฉุกเฉินแล้ว หลายประเทศก็ได้ยกเลิกคำเตือนเรื่องการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้ว ถ้าจากนี้ประชาชนร่วมใจกันเป็นเจ้าภาพต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง จะเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุด” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงพักครึ่งคั่นรายการได้มีการนำเสนอมิวสิกวิดีโอพิเศษที่จัดทำขึ้นใน เพลง “เชื่อในตัวฉัน” โดยนำเสนอภาพการปฏิบัติภารกิจของนายอภิสิทธิ์ในอิริยาบถ ต่าง ๆ ในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับนำเสนอตัวหนังสือเป็นคำพูดที่โดดเด่นบางประโยคที่เคยกล่าวไว้ใน นโยบายและสถานที่ต่าง ๆ อาทิ “ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีของคน ไทยทั้งประเทศ ซึ่งไม่ว่าจะเลือกหรือไม่เลือกผมก็ตาม” อย่างไรก็ตามมิวสิกวิดีโอดังกล่าวเพิ่งนำมาออกอากาศในวันนี้เป็นครั้งแรก

หลังจบรายการนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการจัดประชุมสุดยอดอาเซียน กับประเทศคู่เจรจาว่า อยู่ระหว่างการประสานงานกัน ตนเชื่อว่าเราจัดได้แต่ต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพราะเหตุการณ์จากนี้ไปจะมีความสำคัญมากที่ประกอบการตัดสินใจของเขา ถ้าเราทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยและสงบลงนั่นคือการ ยืนยันที่ดีที่สุด

วันเดียวกันกรุงเทพโพลได้สำรวจความเห็นของประชาชนในเขต กทม. จำนวน 1,046 คน เรื่อง “ความเชื่อมั่นประเทศไทย” พบว่า คะแนนเต็ม 10 เดือน เม.ย. มีคะแนนความเชื่อมั่นอยู่ที่ 4.09 คะแนน เมื่อพิจารณาความเชื่อมั่นในแต่ละด้านพบว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีและความมีน้ำใจของคน ไทยมากที่สุดคือ 5.68 คะแนน ถือเป็นความเชื่อมั่นด้านเดียวจากทั้งหมด 12 ด้านที่มีคะแนนเกินครึ่ง ขณะที่ความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาความยากจน การว่างงาน และการประกอบอาชีพมีคะแนนน้อยที่สุด คือ 3.32 คะแนน

ด้านนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการเสนอประชุม 3 ฝ่ายเพื่อหารือถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญเบื้องต้นในวันที่ 27 เม.ย.ว่า พรรคยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าต้องการแก้ไขในประเด็นใดบ้าง แต่จะเสนอให้นำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับคืนมา แต่คิดว่าพรรคอื่นอาจเสนอแตกต่างออกไป เช่น ให้แก้ไขในบางมาตราที่จำเป็นก่อนเพื่อนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งหากเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าควรแก้ไขบาง มาตราพรรคก็ยอมรับได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากแก้ทั้งฉบับจำเป็นต้องตั้ง ส.ส.ร.3 หรือไม่ นายพีรพันธุ์กล่าวว่า สามารถให้สภาเป็นผู้ดำเนินการตามมาตรา 291 ได้ แต่ก็จะมีปัญหาว่าองค์การภาคประชาชนอาจไม่เห็นด้วย ดังนั้นต้องเปิดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมด้วย อีกแนวทางหนึ่งคือแก้บางมาตราที่เป็นปัญหาแล้วจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว แล้วให้สภาชุดใหม่มาดำเนินการแก้ไข การยอมรับก็จะ มีมากขึ้น

สำหรับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น นายพีรพันธุ์กล่าวว่า พรรคจะไม่เป็นผู้ริเริ่ม เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรอง ดองแห่งชาติ เข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาไปแล้ว ที่เหลือคือรอดูความคิดเห็นของพรรคอื่น

ด้านสวนดุสิตโพลได้สำรวจความเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 3,079 คน เรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไรกับการเมืองวันนี้” พบว่า ความเห็นต่อการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 75.15% เห็นด้วย เพราะสถานการณ์สงบแล้ว และจะทำให้การท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศดีขึ้นในสายตาต่างชาติ ส่วน 24.85% ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าเหตุการณ์ยังไม่สงบ ยังคงมีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็นประชาชนคิดอย่างไรกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 68.72% เห็นด้วย เพราะความขัดแย้งทางการเมืองจะได้ลดลง และรัฐธรรมนูญปี 50 ทำให้เกิดปัญหาทางการเมือง ส่วน 31.28% ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 50 เพิ่งประกาศใช้

ประเด็นแนวคิดที่จะมีการนิรโทษกรรม 64.89% เห็นด้วย เพราะต้องการให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข ควรให้อภัยซึ่งกันและกัน ส่วน 35.11% ไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าคงแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ยิ่งจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายไปกัน ใหญ่ ส่วนบทเรียนวิกฤติทางการเมืองที่ผ่านมาประชาชนคิดว่าควรนำไปใช้อย่างไรให้ เกิดประโยชน์ อันดับ 1 นักการเมืองควรศึกษาทบทวนถึงผลดี ผลเสียที่ เกิดกับประเทศ 36.90% รองลงมา รัฐบาลควรใช้เป็นบทเรียนในการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ 30.01%.

No comments:

Post a Comment