Wednesday, April 22, 2009

ชวน-บัญญัติขวางนิรโทษกรรม ระวังจะปล่อยผี"เกียรติกร" พลิ้ว อ้างโดนบังคับ

ประชาธิปัตย์ร้าว แตกคอแก้รัฐธรรมนูญนิรโทษกรรม “ชวน-บัญญัติ” ถามจะเอาพรรคหรือรัฐบาลไว้ เตือนระวังจะเป็นการปล่อยผีแบบป่าช้าแตก ด้าน “เสธ.หนั่น” หนุนสุดตัวนิรโทษกรรม มั่นใจสะสางปัญหาความขัดแย้งได้ อัด “ส.ส.ร. 50” ที่ค้านเพราะร่างตัวปัญหามากับมือจึงไม่อยากให้ใครมาแตะต้อง แนะ “มาร์ค” ไม่จำเป็นต้องจับเข่าคุยกับ “ทักษิณ” เหตุสื่อนอกเริ่มไม่เชื่อถือแล้ว ด้าน “ปู่ชัย” เผย “เนวิน” จูบปาก “เติ้ง” แล้วยันการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ทุกวินาที ด้าน “ภูมิใจไทย” ได้ข้อสรุป 4 ข้อแก้รัฐธรรมนูญ ขณะที่ “เกียรติกร” พลิ้วอ้างต้องด่า ปชป.บนเวทีเสื้อแดงเพราะกลัวตาย ลั่นขอเหนียวไม่ออก ยอมรับปูดข่าวเงิน 10 ล้านขึ้นเวทีเสื้อแดงแค่พูดเล่น

“ชัย”บอกลูกจูบปาก “เติ้ง”แล้ว

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวนายเนวิน ชิดชอบ บุตรชาย หารือกับนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เพื่อหนุนให้มีการนิรโทษกรรมว่า ไม่ทราบเรื่อง ยังไม่ได้พบกับทั้ง 2 คน เมื่อถามว่า นายบรรหารกับนายเนวินมีอุดมการณ์เดียวกันได้อย่างไร นายชัยกล่าวว่า นายบรรหารก็เหมือนกับพ่ออีกคนของนายเนวินเหมือนกัน นายเนวินเคยอยู่ในพรรคพึ่งใบบุญนายบรรหาร แม้แต่ตนก็เคยเป็นลูกพรรคนายบรรหารมาก่อนเหมือนกัน

เมื่อถามย้ำว่า นายเนวินกับนายบรรหารรักกันแล้วใช่หรือไม่ นายชัยกล่าวว่า เป็นลูกหลานก็ต้องรักกันเป็นธรรมดา การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ทุกวินาที ส่วนที่กลุ่ม ส.ว.40 ค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและนิรโทษกรรมนั้น เป็นเรื่องของสภา คนนอกสภาก็ต้องฟังหูไว้หู สภามีมติอย่างไรก็ต้องดำเนินการตามนั้น เพราะกฎหมายออกโดยสภาไม่ใช่บุคคลภายนอก

“หนั่น”เชื่อแก้ รธน.ปัญหาจบ

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ยอมรับว่าเรื่องนี้มีการพูดคุยกันบ้าง แต่ยังไม่ได้หารือกันในพรรคอย่างเป็นทางการ ส่วนตัวเห็นด้วยหากทำเพื่อลดความขัดแย้ง ถ้าเป็นคดีการเมืองที่เราเห็นว่าไม่เป็นธรรมที่เกิดจากรัฐธรรมนูญปี 50 แต่ถ้าเกี่ยวกับคดีอาญาก็ไม่สมควร

“ถ้าแก้ไขในเรื่องเหล่านี้ได้ปัญหาของประเทศก็น่าจะดีขึ้น รอมชอมพูดจาทำความเข้าใจกัน ความขัดแย้งทางความคิดมีได้ไม่เป็นไร แต่ต้องไปถกกันในสภา ถ้ามาเคลื่อนไหวอยู่นอกสภา เอาประชาชนมาชุมนุมกันเยอะ ๆ ก็ควบคุมไม่ได้ เดี๋ยวก็เกิดปัญหาความรุนแรงอีก”พล.ต.สนั่นกล่าว

ไม่เห็นด้วยแก้เสร็จยุบสภา

ส่วนที่ทางชมรม ส.ส.ร.50 แสดงความไม่เห็นด้วยนั้น พล.ต.สนั่นกล่าวว่า เมื่อ ส.ส.ร.50 เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญมาเอง ย่อมคิดว่าสิ่งที่ตัวเองร่างมาดีอยู่แล้ว แต่ตนอยากบอกว่า อย่าเอาความคิดของตัวเองมาเป็นใหญ่ เพราะเมื่อปฏิบัติแล้วไปไม่ได้ก็ต้องแก้ไข เมื่อแก้เสร็จแล้วก็ควรให้มีการทำประชาพิจารณ์ด้วย เพื่อให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น

เมื่อถามว่า หากแก้ไขเสร็จแล้วควร ให้มีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่เลยหรือไม่ พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ไม่ควรทำเพราะไม่เกิดประโยชน์ ควรให้ฝ่ายบริหารได้ทำงานกันต่อไปก่อน ถ้ายุบสภาเลือกตั้งใหม่ก็จะเกิดความวุ่นวายอีก เมื่อถามถึงกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เสนอให้รัฐบาลยุบสภาและตั้งรัฐบาลแห่งชาติ พล.ต.สนั่นกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้เรื่องรัฐบาลแห่งชาติ ถ้ายุบสภาก็ต้องเลือกตั้งใหม่

ไม่จำเป็นต้องคุยกับ “แม้ว”

เมื่อถามถึงข้อเสนอให้นายกฯเจรจาหา ข้อยุติกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แบบ 2 ต่อ 2 พล.ต.สนั่นกล่าวว่า คิดว่าไม่จำเป็น เราแก้ปัญหาในประเทศของเราให้ได้ดีกว่า ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณนั้นเมื่อคนทั้งประเทศไม่เห็นด้วยแล้วเขาจะไปดื้อดึงคนเดียวก็ เป็นไปไม่ได้ จึงไม่ต้องไปคุยอะไรกันหรอก

“เวลานี้สื่อต่างประเทศก็ชักจะรู้แล้วว่าท่านทักษิณพูดอะไรบ้างที่ไม่ตรงกับ ข้อเท็จจริง วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอย่าง สื่อนอกเขาก็มีภูมิปัญญาเหมือนกัน และเริ่มไม่เห็นด้วยแล้ว”พล.ต.สนั่นกล่าว ส่วนกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มเสื้อแดงระบุอาจมีการใช้ปืนล้มรัฐบาล พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตอนนี้นายจักรภพก็ไม่มีที่อยู่แล้ว ถ้าเขาใช้ปืนกับแกมั่งจะว่าอย่างไร

“ชวน-บัญญัติ”ค้านแก้ รธน.

รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ได้ชูธงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการนิรโทษกรรมให้กับ คดีการเมืองนั้น ปรากฏว่าได้ทำให้เกิดความแตกแยกภายในพรรคขึ้นมาแล้ว โดยผู้ใหญ่ภายในพรรคได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญดัง กล่าว เช่น นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค

โดยนายชวนถึงกับเอ่ยถามคนใกล้ชิดว่า อยากจะเอาพรรคไว้หรือเอารัฐบาลไว้ รัฐบาลอยู่แค่ 2-3 ปีแล้วก็ไป แต่พรรคอยู่มาถึง 63 ปีแล้ว ถ้ารัฐบาลอนุญาตให้สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ จะเป็นการเพิ่มเงื่อนไขความขัดแย้ง นอกจากนี้ยังเป็นการขัดหลักนิติรัฐที่มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อคนกลุ่มเดียว ที่สำคัญยังเป็นการปล่อยผีทำให้เกิดสภาวะป่าช้าแตก เพราะสุดท้ายแล้วหลังแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จพรรคสีน้ำเงินคงไม่อยู่กับพรรค ประชาธิปัตย์ คงจะหันไปจับมือกับพรรคสีแดง เพราะมีแหล่งกำเนิดมาจากที่เดียวกัน ท้ายที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ก็จะตกอยู่ในภาวะโดดเดี่ยว คนเสื้อเหลืองก็ไม่มั่นใจว่าจะอยู่ข้างพรรค ส่วนคนเสื้อสีเขียวและสีกากีก็ช่วยรัฐบาลอย่างเสียไม่ได้มากกว่า

เซ็ง รมต.พรรคไม่ได้ใจ ขรก.

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ก่อนหน้านี้นายชวนได้เคยเตือนกลางที่ประชุมพรรคมาแล้ว โดยใช้คำว่า สองหัวดีกว่าหัวเดียว แต่หลังจากเตือนไปแล้วทุกอย่างก็ไม่มีอะไรดีขึ้น อย่างไรก็ตามที่ผ่านมานายชวน ยังได้แสดงความเป็นห่วงการทำงานของรัฐบาลว่า การทำงานตลอด 4 เดือนที่ผ่านมารัฐมนตรีของพรรคไม่สามารถทำให้พนักงานหรือ ข้าราชการในกระทรวงรักได้ จึงอยากให้รัฐมนตรีพรรคทุกคนกลับไปทบทวนการทำงานของตัวเอง

ภูมิใจไทยสรุปแก้ 4 มาตรา

ด้านนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เบื้องต้นพรรคเห็นชอบว่าควรแก้ไขในมาตราที่ไม่เป็นประชาธิปไตย 4 มาตรา คือมาตรา 190 237 265 และ 266 ส่วนการนิรโทษกรรมคงต้องดูเนื้อหาก่อน

วันเดียวกันที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายศรีราชา เจริญพาณิช เลขาธิการสำนักงาน ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา และอดีตกรรมาธิ การยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 บรรยายในหัวข้อ “ทิศทางของพรรคการเมืองไทยภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายพรรคการเมืองปัจจุบัน” ว่า ส.ส. ในอดีตน่านับถือเป็นนักการเมืองที่สง่างาม แต่ปัจจุบันแย่ลงมีนักธุรกิจมากกว่า 75% จะเห็นว่าเขาจะมาดูแลผลประโยชน์ของตัวเองที่จะมีผลกระทบจากการออกกฎหมาย

อดีต ส.ส.ร.แนะแก้แล้วต้องดีขึ้น

นายศรีราชากล่าวต่ออีกว่า จะเขียน รัฐธรรมนูญอย่างไรก็ไม่ช่วยได้ เพราะเขียนอย่างไรก็ไม่ถูกใจคน เมื่อไปกระทบเขาก็จะขอแก้ เช่น มาตรา 237 เรื่องการยุบพรรคที่หลายคนท้วงว่าทำไมกรรมการบริหารพรรคคนอื่นต้องมาติด ร่างแหไปด้วย คนที่พูดอย่างนี้คงไม่ได้เรียนกฎหมายมา เพราะกฎหมายอาญาพ่อแม่ผู้ปกครองก็ต้องรับผิดหากเด็กไปทำผิดกฎหมาย ที่เขียนอย่างนี้เพื่อให้กรรมการบริหารพรรคต้องไปพูดให้ชัดในนโยบายพรรคว่า ห้ามทำอย่างนี้ มิเช่นนั้นก็ยักคิ้วหลิ่วตาแล้วจะเกิดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ได้อย่างไร

“หาก ใครอยากแก้ก็แก้ไปแต่แก้แล้วต้องดีขึ้นหากเป็นการแก้เพื่อปลดปล่อยสัมภเวสี ให้พ้นผิด หรือปล่อยใครออกจากบ้านเลขที่ 111 แล้วเหลืองจะไม่มาเดินเต็มถนนอีกหรือ หากแก้แล้วปัญหายังคงอยู่แล้วจะแก้ทำไม การที่นายกฯต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญอาจจะมีเบื้องหลังอะไรหรือไม่ หรือกลัวถูกยุบพรรคในอนาคตจากกรณีเงินบริจาคบริษัททีพีไอ เพราะหากแก้แล้วก็ มีความเป็นไปได้ที่จะรอด” นายศรีราชากล่าว

ป.ป.ช.ให้คำนึงความเป็นธรรม

นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงการเสนอให้นิรโทษกรรมว่า หากจะยกเลิกก็ต้องดูในรายละเอียด เพราะแม้ว่าไม่มีการปฏิวัติ ป.ป.ช.ก็ต้องเข้าไปตรวจสอบการทุจริตอยู่แล้ว คดีส่วนใหญ่ก็เป็นคดีอาญา และอยู่ในชั้นศาลแล้ว การแก้รัฐธรรมนูญต้องคำนึงถึงความเป็นธรรม หากทำให้ปัญหาความขัดแย้งทางความคิดยุติลงก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าแก้แล้วทำให้ ประเทศชาติเสียหาย หรือทำเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้รับจดหมายขู่ส่งมาที่รัฐสภาหลายฉบับ เขียนด้วยตัวอักษรสีแดง นอกจากนั้นหลังรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ตนยังทราบว่ามีการส่งคนให้มาเล่นงานตน แต่ไม่ต้องให้ถึงตาย ซึ่งก็มีการส่งผู้ใหญ่ไปเคลียร์และตนจะไม่เดินทางในที่ที่มีความสุ่มเสี่ยง

“เกียรติกร”พลิ้วเปลี่ยนลายกลับคำ

ด้านนายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการขึ้นเวที นปช.ว่า ก่อนที่ตนจะไปขึ้นเวทีเสื้อแดงในวันที่ 9 เม.ย.นั้น ได้โทรศัพท์ไปถึงประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ให้บอกนายอภิสิทธิ์ให้ ยกเลิกการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา เพราะกลุ่มเสื้อแดงจะบุกไปปิดล้อมที่ประชุม แต่เขาไม่ฟัง จึงโทรศัพท์ไปหานายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้บอกแกนนำกลุ่มเสื้อแดงนำคนกลับมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่ปรากฏว่าขณะที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นำมวลชนกลับได้โทรฯมาบอกว่าถูกดักยิง ซึ่งถึงเวลาที่ตนต้องขึ้นไปพูดปรากฏว่ามีเสื้อแดงตะโกนว่าให้ฆ่าตนเลยเพราะ เป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อสถานการณ์บีบทำให้ตนต้องโจมตีพันธมิตรฯและพรรคประชาธิปัตย์อย่างรุนแรง

“มัน เป็นสัญญาลูกผู้ชายของผมกับ นปช.ว่าถ้าม็อบกลับแล้วผมจะขึ้นเวทีไปขอบคุณ แต่พอสถานการณ์เปลี่ยน ม็อบถูกดักยิงมันเลยบีบให้ต้องโจมตีพรรคประชาธิปัตย์และพันธมิตรฯ ถ้าผมไม่พูดก็ตาย” นายเกียรติกร กล่าวและว่า ส่วนเรื่องเงิน 10 ล้านบาท ตนโทรศัพท์คุยกับนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ว่า ถ้ามีคนให้เงิน 10 ล้านบาทก็ไม่ขึ้นเวทีหรอก และตนยังบอกด้วยว่า อย่าเชื่อนะตนปล่อยข่าวเล่น ๆ

พูดชัดขอเหนียวไม่ออก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงวันนี้ยังมีจุดยืนที่จะให้นายกฯลาออกหรือยุบสภาตามที่ได้ประกาศบนเวที เสื้อแดงหรือไม่ นายเกียรติกรกล่าวว่า ตนอยากให้บ้านเมืองสงบและอยากให้นายกฯปลอดภัย ขณะนี้ นปช.ปลุกระดมมวลชนรุนแรงทำให้นายกฯไปไหนไม่ได้เลย การลาออกจะเป็นทางออกที่ดี แล้วจับมือกับทุกพรรคการเมืองตั้งรัฐบาล โดยต้องให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯอีกครั้งหนึ่ง เชื่อว่าแนวทางนี้จะทำให้บ้านเมืองสงบ

เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ไม่ลาออกจะเป็นคนลาออกเองหรือไม่ นายเกียรติกรกล่าวว่า ตนไม่ออก เพราะถ้าออกก็จะพ้นสภาพของ ส.ส.ทันที ยอมรับว่าด่านายกฯจริง แต่ถามว่าหลังจากนั้นได้ด่าหรือไม่ บอกตรง ๆ ว่าที่มาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะศรัทธานายชวน หลีกภัย ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ

บิ๊ก คมช.รับไม่ได้แก้ รธน.

วันเดียวกันพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. กล่าวถึงแนวความคิดของนายอภิสิทธิ์ที่อาจจะนิรโทษกรรมให้กับนักการเมือง เพื่อลดความขัดแย้งทางการเมืองว่า การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องให้อภัยคนที่กระทำความผิดแล้วมีสำนึก แต่การให้อภัยกับคนที่ไม่สำนึกแล้วยังสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติควร ให้อภัยหรือ การนิรโทษ กรรม พ.ต.ท.ทักษิณมันเลยขีดนั้นมาแล้ว นอกจากไม่สำนึกผิดแล้วยังสร้างความเสียหายให้ประเทศ ตนไม่เห็นด้วย

พล.อ.สมเจตน์กล่าวต่อว่า การยุบพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และพรรคอื่น ที่เกี่ยวกับการซื้อเสียงเป็นภัยร้ายแรงของระบอบประชาธิปไตย ต้องลงโทษให้สำนึก เมื่อถามถึงแนวคิดแก้รัฐธรรมนูญปี 50 เพื่อคลี่คลายข้อขัดแย้งทางการเมือง พล.อ.สมเจตน์กล่าวว่า ต้องพิจารณา ใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.แก้อะไรในรัฐธรรมนูญ 2.ประชาชนต้องเห็นด้วย 3.ต้องแก้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม การแก้รัฐธรรมนูญตนคัดค้านเต็มที่ เพราะอาจสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นอีกครั้งได้.

No comments:

Post a Comment