ชุดคลี่คลายคดียิง ถล่ม “สนธิ ลิ้มทองกุล” เปรียบเทียบเส้นทางหลบหนีของคนร้ายที่กล้องวงจรปิดที่แยกบางลำพู แยกคอกวัว สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ทางยกระดับถนนบรมราชชนนีจับภาพไว้ได้ รวมกับพยานหลักฐานบางอย่างที่ได้มา อีกทั้งยังตรงกับแนวทางการสืบสวนด้วย ทำให้มั่นใจว่ามือสังหารเป็นทีมนักฆ่าจากกาญจนบุรี ขณะที่ผู้การฯพฐ. เร่งตรวจหาวิถีกระสุนในรถเมล์สาย 53 คาด ไม่เกิน 1 อาทิตย์ สรุปทิศทางการยิงของคนร้ายได้ ด้าน นายกฯ “มาร์ค” เชื่อ “บิ๊กวิน” ต้องมีทีเด็ด ถึงกล้าลั่นว่าจะมีข่าวดีภายใน 7 วัน พร้อมกับเตรียมแก้ปัญหาอาวุธสงครามเกลื่อนเมืองด้วยการจัดระเบียบใหม่ไม่ให้ อยู่ในมือของคนในง่าย ๆ
จากเหตุการณ์ทีมสังหารซิ่งรถกระบะโตโยต้าวีโก้สีดำ กับรถกระบะมาสด้าสีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ใช้อาวุธสงครามทั้งปืนอาก้า เอชเค เอ็ม16 และเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ไล่ตามยิงถล่มรถตู้ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เอเอสทีวี และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หน้าวัดเอี่ยมวรนุช ถนนสามเสน แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร ทำให้ นายสนธิ พร้อมด้วย นายวาร์ยุภักษ์ มัคละสิทธิ์ เลขาฯส่วนตัว และนายอดุลย์ แดงประดับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังดีที่มีรถคุ้มกันนายสนธิ ขับตามมายิงต่อสู้กับคนร้ายทำให้ คนร้ายต้องรีบหลบหนี เมื่อตอนเช้ามืดวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผบ.ตร. ซึ่งอยู่ในชุดคลี่คลายคดีที่มี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. เป็นหัวหน้า เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ไม่มีอะไรที่ตำรวจทำไม่ได้ ภายใน 7 วันนี้จะมีข่าวดี พร้อมกับย้ำว่าเป็นการพูดแบบ “ซีเรียสทอล์ก” ด้วย ตามที่เสนอข่าวไปให้ทราบนั้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 26 เม.ย. พล.ต.ท. วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่าขณะนี้การสืบสวนมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เนื่องจากเกรงจะกระทบต่อรูปคดี ทั้งนี้ตำรวจขอเวลาอีก 1 สัปดาห์ ในการสรุปวิถีกระสุนและทิศทางการยิงของคนร้าย
ส่วน พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผบก. พฐ. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิถีกระสุนตรวจหาวิถีกระสุน ภายในรถโดยสารประจำทาง ขสมก. สาย 53 ที่ขณะเกิดเหตุวิ่งสวนกับรถของนายสนธิพบรอยกระสุนปืนอาก้าที่กระจกด้านหน้า และกระจกข้างคนขับ รวม 2 จุด คาดว่า กระสุนมาจากด้านขวาของรถเข้าทางกระจกข้างไปทะลุกระจกด้านหน้า ซึ่งจะนำข้อมูลที่ได้ไปประมวลกับผลการตรวจสอบรถตู้ของนายสนธิ และรถโดยสารประจำทางสาย 30 ที่ได้รับความเสียหายเช่นกัน คาดว่าไม่น่าเกิน 1 สัปดาห์ จะสามารถสรุปทิศทางการยิงได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากชุดสืบสวนลงพื้นที่เพื่อตรวจหาพยานหลักฐานอย่างละเอียดพบว่ามีกล้อง ทีวีวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายหลังก่อเหตุได้หลายจุด ซึ่งคนร้ายหลบหนีไปตามเส้นทางแยกบางลำพูไปออกสี่แยกคอกวัวเลี้ยวขวาไปตามถนน ราชดำเนินกลางไปขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าข้ามไปฝั่งธนฯขึ้นทางยกระดับถนน บรมราชชนนี โดยรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นรถกระบะยกสูงยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ และรถกระบะยี่ห้อมาสด้า สีน้ำเงิน และที่แยกบางลำพูกล้องทีวีวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้าย 3-4 คนนั่งอยู่ในกระบะหลังรถไว้ได้ ในภาพพบว่ามีคนร้ายบางคนสวมหมวกปิดบังใบหน้าไว้ด้วย ซึ่งชุดคลี่คลายคดีเปรียบเทียบเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายและพยานหลักฐานบาง อย่างที่ตำรวจได้มาจึงทำให้มั่นใจว่ากลุ่มคนร้ายที่ยิงถล่มนายสนธิ ครั้งนี้เป็นทีมนักฆ่าจาก จ.กาญจนบุรี ซึ่งตรงกับแนวทางการสืบสวนของชุดคลี่คลายคดีเช่นกัน
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ระบุว่า การจับกุมคนร้ายคดีลอบยิง นายสนธิ จะมีข่าวดีภายใน 7 วัน ว่า ตนยังไม่ได้คุยกับ พล.ต.ท.อัศวิน แต่ พล.ต.ท.อัศวิน คงต้องมีเหตุผลที่ประกาศไปเช่นนั้น เมื่อถามถึงการตรวจพบอาวุธสงครามหลายจุดทั้งในกรุงเทพฯ และ จ.ศรีสะเกษ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ควรมองข้าม และเป็นสิ่งที่บ่งบอกด้วยว่าในอนาคตปัญหาเรื่องอาวุธสงครามต้องมีการจัด ระเบียบกัน เพราะถ้าปล่อยให้อาวุธต่าง ๆ ไปอยู่ในมือของคนในง่าย จะมีความเสี่ยงอยู่ตลอดในเรื่องของความรุนแรง ส่วนข้อถามว่า เรื่องนี้สอดคล้องกับการที่ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่ม นปช. เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่าจะมีการใช้อาวุธร้ายแรงมาโจมตีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้สรุปเช่นนั้น.
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment