“แรม โบ้อีสาน-สุพร” พร้อม 3 แกนนำเสื้อแดง ที่บุกกระทรวงมหาดไทย ทุบรถ นายกฯ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ รปภ.นายกฯจนบาดเจ็บ เข้ามอบตัวกับ ผบช.น. อ้างไม่ได้หนีไปไหน แต่ไม่รู้จะมอบตัวกับใคร พร้อมให้การปฏิเสธ ตำรวจแจ้งข้อหาแล้วให้ประกันตัวไป เช่นเดียวกับ 15 แกนนำเสื้อแดง ที่บุกโรงแรมรอยัลคลิฟฯ เข้ามอบตัวตำรวจที่ชลบุรี โดยมี ส.ส.เพื่อไทย ใช้ตำแหน่งขอประกันตัว ด้าน “สุเทพ” ระบุสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น ไม่ติดใจคนเดือนตุลาจะมานำทัพเสื้อแดง แต่จับตาพวกซ้ายจัดเล่นเกมใต้ดิน ส่วนเรื่อง พลทหารตายปริศนา สั่ง ผบ.ตร.ตั้งทีมสอบหาความจริง โต้ ส.ส.เพื่อไทย ไร้เหตุผลฆาตกรรมอำพราง ส่วน “อภิสิทธิ์” เชื่อเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่ต้องการความรุนแรง ลั่นดำเนินคดีกับแกนนำบางคน ที่ประกาศจับอาวุธขึ้นสู้กับรัฐบาล ขณะที่ ส.ส. เพื่อไทย ไม่เลิก หอบแม่พลทหาร มาแถลงข่าวอีก เปิดประเด็นใหม่ ตายตอนค่ำ ไม่ใช่ตอนเช้าตามที่ สุเทพแถลงในสภา ขณะที่ “นพดล” แจกแถลงการณ์ของ “ทักษิณ” อ้างไม่ได้อยู่เบื้องหลังความรุนแรง และยังเน้นสันติวิธี ด้าน สมาคมประชาธิปไตย-มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย มอบเงินช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเหตุ 13 เม.ย. พร้อมเปิดบัญชีรับบริจาคช่วย มีรายงานข่าว นายกฯขอกำลังทหารเสริมทำเนียบ หลังถูกขู่ขว้างระเบิดป่วน
ซ้ายเก่า ไทย ทุบรถ นายกฯ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ รปภ. นายกฯจนบาดเจ็บ เข้ามอบตัวกับ ผบช.น. อ้างไม่ได้หนีไปไหน แต่ไม่รู้จะมอบตัวกับใคร พร้อมให้การปฏิเสธ ตำรวจแจ้งข้อหาแล้วให้ประกันตัวไป เช่นเดียวกับ 15 แกนนำเสื้อแดง ที่บุกโรงแรมรอยัลคลิฟฯ เข้ามอบตัวตำรวจที่ชลบุรี โดยมี ส.ส. เพื่อไทย ใช้ตำแหน่งขอประกันตัว ด้าน “สุเทพ” ระบุสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น ไม่ติดใจคนเดือนตุลาจะมานำทัพเสื้อแดง แต่จับตาพวกซ้ายจัดเล่นเกมใต้ดิน ส่วนเรื่อง พลทหารตายปริศนา สั่ง ผบ.ตร.ตั้งทีมสอบหาความจริง โต้ ส.ส.เพื่อไทย ไร้เหตุผลฆาตกรรมอำพราง ส่วน “อภิสิทธิ์” เชื่อเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่ต้องการความรุนแรง ลั่นดำเนินคดีกับแกนนำบางคน ที่ประกาศจับอาวุธขึ้นสู้กับรัฐบาล ขณะที่ ส.ส. เพื่อไทย ไม่เลิก หอบแม่พลทหาร มาแถลงข่าวอีก เปิดประเด็นใหม่ ตายตอนค่ำ ไม่ใช่ตอนเช้าตามที่ สุเทพแถลง ในสภา ขณะที่ “นพดล” แจกแถลงการณ์ของ “ทักษิณ” อ้างไม่ได้อยู่เบื้องหลังความรุนแรง และยังเน้นสันติวิธี ด้าน สมาคมประชาธิปไตย-มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย มอบเงินช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเหตุ 13 เม.ย. พร้อมเปิดบัญชีรับบริจาคช่วย มีรายงานข่าว นายกฯขอกำลังทหารเสริมทำเนียบฯ หลังถูกขู่ขว้างระเบิดป่วน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า การติดตามสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า ตนเห็นว่ามีแนวโน้มที่จะดีขึ้น โดยในตอนนี้การบังคับใช้กฎหมาย ต่าง ๆ เป็นไปด้วยดี และทุกฝ่ายยังให้ความเคารพต่อกฎหมาย เมื่อถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงปรับแผนโดยไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหัวขบวนในการเรียกร้อง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังไม่ชัดเจนในท่าทีของเขา จึงยังตอบไม่ได้ ตนจึงฟังข่าวตามปกติ ก็ต้องดูกันต่อไป
ไม่ติดใจคนเดือนตุลานำทีม
เมื่อถามว่าจะจับตามองอย่างไร ต่อการที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะนำ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นายภูมิธรรม เวชชยชัย อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นอดีตคนเดือนตุลา มาเป็นแกนนำขับเคลื่อนมวลชนเสื้อแดง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปติดใจว่าตัวบุคคลเป็นใคร แต่คอยติดตามดูแลว่า ขบวนการทั้งหลายอย่าให้ได้เป็นพิษภัยกับระบบการปกครอง และความสงบสุขของบ้านเมือง ทั้งนี้ต้องติดตามดูไปก่อนและพยายามหาทางป้องกัน เมื่อถามต่อว่าดูเหมือนว่าเป็นความพยายามย้อนยุคกลับไปสู่ช่วงความขัดแย้ง ของสังคมไทยในอดีต นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าใครติดตามสิ่งที่นายกรัฐมนตรีนำเสนอต่อรัฐสภา มีคำตอบชัดเจนว่า จุดยืนและความตั้งใจของรัฐบาลที่นายกฯได้ประกาศเป็นหนทางที่นำบ้านเมืองไป สู่ความสงบ เรียบร้อย ซึ่งฝ่ายต่าง ๆ ก็ควรร่วมมือกัน ส่วนความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่ตรงกัน และการเรียกร้องสิ่งที่เป็นความเชื่อของตัวเองนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยขัดขวาง
สั่งติดตามความเคลื่อนไหว
ต่อข้อถามว่ามีความเคลื่อนไหวของพวกซ้ายจัด ที่พยายามจะเข้ารวมกับกลุ่มเสื้อแดงในการเคลื่อนไหวใต้ดิน และมีการลอบสังหารผู้นำ รัฐบาลได้มีการติดตามการข่าวในเรื่องนี้แค่ไหน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพยายามให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบติดตามอยู่ เมื่อถามว่ากรณีของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ในตอนนี้ จะสอดคล้องกับการที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำคนเดือนตุลามาร่วมด้วย เพราะนายจักรภพเคยระบุว่า จะใช้อาวุธมาต่อสู้เร็ว ๆ นี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้ยินเขาพูดเมื่อหลายวันก่อน ตามที่สื่อเอามาลงข่าว แต่ตอนนี้ตนไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ไหนและจะพูดอะไรอีกหรือไม่ เมื่อถามถึงการ วิเคราะห์ที่ว่ากำลังมีกลุ่มอำนาจไม่ทราบฝ่าย ที่จะมาจัดตั้งขั้วอำนาจใหม่ซึ่งไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่กลุ่มเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง ออกมามีบทบาท นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เห็นเลย
ให้ ผบ.ตร.สอบพลทหารตาย
นายสุเทพ ยังให้สัมภาษณ์ถึงผลการชันสูตรศพ พลทหารอภินพ เครือสุข ที่เสียชีวิตภายในบ้านพัก พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพ ภาคที่ 1 ว่า ตนติดตามเรื่องนี้ แต่ไม่อยากจะพูดอะไรที่ทำให้คนรู้สึกเป็นการโต้ตอบกัน ทั้งนี้มีแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุมบางคน ที่ออกมาพูดเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความสงสัยไขว้เขว ว่าการตายของพลทหารคนนี้ เกี่ยวเนื่องกับการที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าไปพักอยู่ในบ้านของแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งตนอยากบอกว่านายกรัฐมนตรีและตน รวมถึงรัฐมนตรีอีก 2 คนได้ไปพักอยู่ในบ้านของแม่ทัพภาคที่ 1 ในวันที่ 12-13 เม.ย.ที่ผ่านมา กระทั่งเช้าวันที่ 13 เม.ย. พวกตนก็ออกไปปฏิบัติภารกิจ จากนั้นในวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา เหตุการณ์ก็สงบและเราไม่ได้พักที่บ้านดังกล่าวแล้ว อีกทั้งเราไม่ทราบจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งมีการนำมาพูดกันขึ้นมา ซึ่งเราได้ไปสอบถามจึงได้ทราบว่า พลทหารคนดังกล่าวล้มในห้องน้ำ มีเพื่อนทหารไปซื้อยาให้ และพลทหารอภินพบ่นว่าปวดหัว ต่อมาในเช้าวันรุ่งขึ้นไม่ได้สติจึงถูกนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งเมื่อมีคนสงสัยในเรื่องนี้ ตนจึงสั่งการให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. แต่งตั้งคณะพิเศษมาสอบสวนเรื่องนี้ให้ได้ความจริง เพราะฉะนั้น ตนเชื่อว่าความจริงที่จะปรากฏในที่สุดจะเป็นเรื่องที่ประชาชนเข้าใจได้
“ผมอยากบอกว่า ไม่ควรใช้วิธีการมา สร้างเรื่อง สร้างสถานการณ์ หรือทำให้เกิดความเคลือบแคลงโดยไม่เป็นจริง ผมเสียใจที่เกิดเหตุกับเขา เสียใจในแง่ที่ว่าไม่มีโอกาสได้รู้จะได้ทำบุญตามประเพณี พูดจริง ๆ เลยว่าสามัญชนคนธรรมดาก็คงคิดว่า ถ้าเป็นการฆาตกรรมอำพรางเหมือนที่พรรคเพื่อไทยพยายามสร้างเรื่องให้คนเข้าใจ ขอถามว่าทำทำไม เขาเป็นพลทหารคนหนึ่ง ไม่ได้มีบทบาทอะไรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองหรือมีผลต่อเรื่อง ที่เขาต่อสู้กัน ผมไม่เห็นเหตุผล” นายสุเทพ กล่าว
“ประวิตร”เชื่อ17พ.ค.ไร้ปัญหา
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว. กลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 17 พ.ค.นี้ว่า เจ้าหน้าที่ทหารยังคงทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานเหมือนเดิม ขณะนี้ได้มีการยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปแล้ว คง ต้องทำงานกันตามปกติ แต่คงไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทางตำรวจ ถ้าคิดว่าเรื่องใดที่เขาไม่สามารถดำเนินการได้ เขาคงจะร้องขอมา
“อภิสิทธิ์”เชื่อคนไม่ชอบรุนแรง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม. ถึงกรณีที่มีข่าวว่าศูนย์ปฏิบัติการข่าวกรองแห่งชาติ (ศป.ข.) สำนักนายกรัฐมนตรี มีการสรุปแนวโน้มสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า จะมีการขยายมวลชนและเคลื่อนไหวในลักษณะพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ว่า ในที่ประชุม ครม.ไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ แต่ได้มีการรับทราบมติคณะกรรมการ ประสานงาน 3 ฝ่ายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและรับทราบการทำงานของคณะกรรมการ ประมวลเหตุการณ์ของรัฐบาล ซึ่งจะทำงานต่อไป เพื่อให้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ เป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงเหล่านั้น
เมื่อถามว่ามีข่าวว่าจะมีการจับอาวุธขึ้น มาต่อสู้กับรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาจจะ มีแนวคิดของบางคนซึ่งได้มีการแสดงออกอย่าง เปิดเผย แต่ตนเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่คงจะไม่เห็นประโยชน์ของการที่จะเกิดเหตุการณ์ อย่างนั้นขึ้น อย่างไรก็ตามตนยอมรับว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่อาจจะมีความคิดไปในทางที่รุนแรง แต่ตนมั่นใจว่าไม่สอดคล้องกับพื้นฐานของสังคมไทย และประเด็นที่กลุ่มผู้ชุมนุมให้ความสำคัญนั้น ขณะนี้กลไกของรัฐสภาและรัฐบาลกำลังเดินหน้าสะสางอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าล่าสุด นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช.ให้สัมภาษณ์กับ บีบีซี ว่าจะมีการจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้ก็จะเป็นตัวบ่งบอกว่าแนวคิดที่จะไม่เคารพกฎหมายและใช้ความ รุนแรงมีอยู่ชัดเจนและมีอยู่จริง และมีบางคนเปิดเผยแล้วซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายแน่นอน เราจะต้องดำเนินการต่อไป
ขอทหารเสริมหลังถูกขู่หนัก
มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประสานไปยังกองทัพ เพื่อขอกำลังทหารมารักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบรัฐบาล และขอให้เพิ่มมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น เพราะหลังจากที่รัฐบาลยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ได้มีการข่มขู่มาที่นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่าหากไม่ดำเนินการตาม ก็จะมีการปาระเบิดเข้ามาในสถานที่สำคัญ เช่นที่ทำเนียบรัฐบาล และย่านใจกลางเมือง ทั้งนี้หน่วยความมั่นคงคาดว่า จะเป็นการกระทำของฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล จึงได้ส่งกำลังทหารประมาณ 2 กองร้อย เข้ามารักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบฯ โดยทางผู้บัญชาการได้สั่งให้ทหารที่มาประจำการ เดินตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมงโดยรอบทำเนียบฯ และตามอาคาร ต่าง ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งตามกระถางต้นไม้
กฤษฎีการอ สลค.ส่งคุมม็อบ
ทางด้าน คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดทำร่างพ.ร.บ.ควบคุมการชุมนุม ว่า รัฐบาลไม่ได้มีการเร่งรัดใด ๆ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ยังไม่เห็นเรื่องที่ส่งมาจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพราะ สลค.ต้องมีการรับรองมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน แล้วจะส่งเรื่องอย่างเป็นทางการ ซึ่งทางคณะกรรม การกฤษฎีกากำลังรออยู่ พร้อมกับศึกษาว่าจะเป็นรูปแบบใด ทั้งนี้ กฎหมายแบบนี้ มีใช้อยู่ในหลายประเทศ แต่เราจะนำมาใช้ได้แค่ไหนนั้นก็คงต้องดูก่อน อาทิ ในแง่ของผู้รักษาการตามกฎหมาย ผู้ถูกบังคับตามกฎหมาย วิถีชีวิตของประชาชนไทย การยอมรับได้หรือไม่ได้
คุณพรทิพย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการนำกฎหมายลักษณะดังกล่าวมาปรับใช้ในประเทศไทยนั้น จะต้องดูการบังคับการตามกฎหมายเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าออกกฎหมายมาแล้วใช้บังคับไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ จึงต้องดูให้เหมาะสมที่จะบังคับใช้ได้ ดังนั้นต้องฟังหลายฝ่าย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจาก เมื่อมีข่าวในเรื่องนี้ออกมา ก็มีความเห็นจาก 2 ฝ่ายอยู่ตลอดเวลา ยังไม่เป็นที่ยอมรับและยัง ไม่เป็นที่ยุติว่าควรมีกฎหมายในเรื่องนี้หรือไม่
ยอมรับต้องระมัดระวังมาก
เมื่อถามว่า ดูเหมือนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการให้ออกกฎหมายนี้โดยเร็ว เลขาธิ การคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า เขาคงอยากมี เพราะจะได้ใช้กลไกตามกฎหมาย และถ้าปฏิบัติตามกฎหมาย ก็จะไม่เสี่ยงที่จะถูกมองว่า ทำโดยเกินอำนาจ หรือทำโดยไม่ชอบ เนื่องจากตามระบบที่ศึกษา การจะไปชุมนุมสาธารณะนั้นไม่ได้ทำได้ตามใจชอบ เพราะต้องมีการขออนุญาต การบอกวัตถุประสงค์และสถานที่ ต้องไม่กีดขวางการจราจร และมีอีกหลายเรื่อง เพราะฉะนั้นจะมีปัญหาที่อีกฝ่ายจะบอกว่าเป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความ คิดเห็น จึงต้องดูและชั่งน้ำหนัก ซึ่งตนยอมรับว่าต้องระมัดระวังมาก เพราะฝ่ายหนึ่งใช้เสรีภาพในการแสดงความเห็น แต่ขัดกับ เสรีภาพ เช่น การสัญจรไปมา หรือความสงบเรียบร้อยใด ๆ ต้องดูในหลายเรื่อง แต่เมื่อจัดทำเสร็จแล้วต้องมีการไปรับฟังความคิดเห็น ซึ่งคงต้องใช้เวลา แต่ไม่ถึงขั้นทำประชาพิจารณ์
“ธานี”ทำหนังสือขอตัว“จตุพร”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ ในวันพุธที่ 29 เม.ย.นี้ นอกจากที่ประชุมจะพิจารณาเรื่องรับทราบและร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และร่างพ.ร.บ.เหรียญจักรมาลา และเหรียญจักรพรรดิมาลาแล้ว ยังมีเรื่องที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง ประธานสภา เพื่อขออนุญาตเรียกตัว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ไปดำเนินคดีในระหว่างสมัยประชุม โดยระบุ ละเมิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116(3) และ 215 วรรคสาม ซึ่งศาลอาญาได้ออกหมายจับ และยังก่อให้เกิดสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือภัยต่อความมั่นคงของรัฐ เพื่อป้องกันมิให้ นายจตุพร ร่วมกระทำอันจะทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง จึงขอประทานกราบเรียน ขออนุญาตต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกตัวนายจตุพร มาทำการสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาคดีอาญา และควบคุมตัวในฐานะเป็นผู้ต้องสงสัย ตาม พ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 11 (1) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 131 ต่อไป
“สุภรณ์”มอบตัวคดีบุกมหาดไทย
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 10.30 น. นาย สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ฉายาแรมโบ้อีสาน อดีต ส.ส. นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน พร้อมด้วย นายณรงค์ ศักดิ์มณี หรือ เป๋ คลองเตย นายสิรวิชญ์ พิมพ์กลาง และนายพีระ พิมพ์กลาง ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุบุกรุกเข้าไปในกระทรวงมหาดไทย ทำให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย พร้อมเข้ารุมทำร้าย นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี จนได้รับบาดเจ็บ เดินทางมาที่กองบัญชา การตำรวจนครบาล พร้อมทนายความ เข้ามอบตัวสู้คดีตามหมายจับต่อ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 และพนักงานสอบทำการสอบปากคำในห้องประชุมชั้น 3 ของ บก.น.1 โดยมีชาวบ้านเดินทางมาให้กำลังใจประมาณ 30 คน และมอบตัวสู้คดีผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 11 (1) ที่มีการออก หมายจับไว้แล้วรวม 27 คน นายสุภรณ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหน พยายามที่จะติดต่อขอมอบตัว แต่เนื่องจากยังไม่ถูกออก หมายจับ จึงไม่รู้ว่าโดนข้อหาอะไร และไม่รู้จะไป มอบตัวที่ไหน วันนี้เมื่อทราบว่าถูกออกหมายจับ จึงมามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และพร้อมต่อสู้คดีตามขั้นตอนกฎหมาย
แจ้งข้อหาให้ประกันตัวทุกคน
พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. โฆษก บช.น. เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวน อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์, นายสิรวิชญ์ พิมพ์กลาง, นายพีระ พิมพ์กลาง และ นายณรงค์ศักดิ์ มณี 4 แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ภายหลังสอบปากคำนานกว่า 4 ชั่วโมง ข้อหาร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ยุยงให้ประชาชนละเมิดกฎหมายแผ่นดิน โดย 4 แกนนำทั้งหมด ได้ใช้ตำแหน่ง ส.ส. ของนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์, น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ประกันตัว พร้อมยอมรับ 3 เงื่อนไข การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว คือ ห้ามเดินทาง ออกนอกราชอาณาจักร ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานของเจ้าพนักงาน และห้ามยั่วยุและปลุกระดมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
3สมาคมมอบเงินช่วยคนเจ็บ
เมื่อเวลา 10.45 น. ที่มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ อดีต ส.ว.กทม. พร้อมด้วยตัวแทนจาก สมาพันธ์ประชาธิปไตย มูลนิธิวีรชนเพื่อประชาธิปไตย และมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย ได้ร่วมกันมอบเงินช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการ ชุมนุม เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ นางประทีป ระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 53 ราย ทั้ง 3 สมาคมจึงได้มอบเงินช่วยเหลือให้ผู้รับบาดเจ็บ 3,000 บาท และผู้ได้รับบาดเจ็บและพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 5,000 บาท ทั้งนี้ยังพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 60 รายที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่เราไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากทางโรงพยาบาลของรัฐ อ้างกฎระเบียบว่าไม่สามารถให้ข้อมูลการรักษาพยาบาลผู้ป่วยได้ ดังนั้นทาง 3 สมาคมจึงได้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ผ่าน ธนาคารกสิกรไทย สาขานางเลิ้ง ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 062-2-41611-5
พาแม่พลทหารแถลงข่าวอีก
เมื่อเวลา 12.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ ในฐานะคณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบความไม่เรียบร้อยและการ สลายการชุมนุม นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย นายทองดี มนิสาร ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค ได้นำ นางศิริมล มาเพชร มารดา พลทหารอภินพ เครือสุข มาแถลงข่าวภายหลังจากทราบผลการชันสูตรศพของ รพ.ศิริราช โดยได้เปิดเผยข้อความในโทรศัพท์มือถือ ที่อ้างว่า พลทหารอภินพส่งถึงแฟนสาวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเสียชีวิต และสำเนาใบมรณบัตร ที่แจ้งต่อสำนักทะเบียนท้องถิ่นเขตราชเทวี มาประกอบการแถลงข่าว โดยรายละเอียด พ.ท.สุกิจ เฮงเจริญ เป็นผู้แจ้งตาย ต่อสำนักทะเบียนท้องถิ่นเขตราชเทวี ตายเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2552 เวลา 09.00 น. ระบุสาเหตุกระดูกส่วนคอหัก เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง ขณะที่ช่องชื่อสถานที่ และที่อยู่ขณะเสียชีวิต ระบุระหว่างนำส่ง รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ ถนนราชวิถี
เผยข้อความส่งถึงแฟนสาว
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ในคืนวันที่ 13 เม.ย. พลทหารอภินพส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือถึง น.ส.มณีรัตน์ มูลจันทะ แฟนสาว ระบุ “เมื่อคืนนี้นายกฯ มานอนที่บ้านแม่ทัพด้วย วันนี้ความคิดถึงกำลังก่อตัวเป็นก้อนเมฆ เพื่อที่จะลอยไปหาที่รัก LOVE เหมียวที่สุดในโลก ความรักที่ให้ทุกวันมั่นคงเหมือนดวงจันทร์ส่องแสงตลอดทั้งคืน ยิ้มกวนตีน” ทั้งนี้ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าข้อความดังกล่าวมีประโยชน์ หรือโทษอย่างไร แต่ญาติได้นำโทรศัพท์มือถือของแฟนสาว พลทหารอภินพให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวนแล้ว ส่วนข้อความที่นำมาแสดงต่อสื่อ ที่ท้ายข้อความลงหมายเลข 08-1872-7788 นั้นถูกส่งต่อมาจากโทรศัพท์ของบุคคลหนึ่งที่ได้รับส่งต่อข้อความจากแฟนสาวพล ทหารอภินพ
เปิดประเด็นตายตอนหัวค่ำ
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า สันนิษฐานว่าพลทหารอภินพเสียชีวิต หลังเวลา 20.30 น. ของวันที่ 14 เม.ย. ไปแล้ว เพราะทราบมาว่าช่วงเวลาดังกล่าวผู้ตายยังโทรศัพท์พูดคุยอยู่กับแฟนสาว ซึ่งจะแตกต่างกับคำชี้แจงในสภาของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่บอกว่าเสียชีวิตเช้าวันที่ 14 เม.ย.
โดย นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า ประเด็นสาเหตุการตายมีความสับสนมากพอสมควรเนื่องจากมีความแตกต่างระหว่างผล ชันสูตรศพของ รพ.ศิริราช ที่พบสาเหตุการเสียชีวิตคือมีรอยแตกร้าวที่กะโหลก ศีรษะด้านซ้ายส่วนหลัง ความยาวประมาณ 6 ซม. มีเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนาที่กดเนื้อสมอง แต่ไม่พบว่ากระดูกคอหักตามที่แจ้งในใบมรณบัตร ซึ่งข้อสำคัญคือ หากกระดูกคอหัก พลทหารอภินพจะต้องเสียชีวิตในทันที แต่ในทางการแพทย์หากกะโหลกศีรษะถูกกระแทก อาจทำให้หมดสติไปครู่หนึ่งแล้วฟื้น เมื่อเลือดออกไปกดทับเนื้อสมองจะทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ระบุถูกทำร้ายแล้วยกมือปิด
นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังข้อ สงสัยเนื่องจากสภาพผู้ตาย พบว่าบริเวณเหนือหูด้านขวามีรอยแผลและรอยฟกช้ำ ซึ่งอยู่คนละด้านกับกะโหลกศีรษะที่โดนกระแทก ซึ่งผลชันสูตร รพ.ศิริราชแจ้งว่ารอยร้าวของกะโหลกเกิดจากบาดแผลเพียงครั้งเดียว เพราะเป็นรอยต่อเนื่องเดียวกัน ซึ่งถ้าด้านซ้ายกระแทก ด้านขวาทำไมมีแผลตามมาอีก จึงตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าจะมีการล้ม น่าจะถูกตีด้วยของแข็ง อีกทั้งที่หลังมือด้านซ้ายยังมีรอยฟกช้ำตามที่ผลชันสูตรระบุ สันนิษฐานว่าตามสัญชาตญาณคนเราเมื่อถูกทำร้าย ผู้ตายน่าจะยกมือขึ้นมาปิดป้อง และที่ผิดสังเกตอีกข้อคือตอนไปส่งศพที่บ้านมีแค่ใบมรณบัตรแผ่นเดียว ไม่มีผลชันสูตรศพจากโรงพยาบาลประกอบ ทั้งที่เป็นการตายโดยผิดธรรมชาติ
อ้างผู้อาวุโสมาให้คำปรึกษา
ด้านนางสิริมนต์ มารดาผู้ตาย กล่าวว่า จะยังไม่เผาศพของบุตรชาย ขอเก็บไว้ก่อน ความจริงแล้วครอบครัวไม่ได้ติดใจอะไร หรือจะเอาเรื่องใคร แต่อยากรู้ความจริงว่าลูกชายตายเพราะอะไร ซึ่งหลังจากทราบผลของ รพ.ศิริราช ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ ทั้งนี้ตนได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับลูกชายครั้งสุดท้าย เวลาประมาณ 09.00-10.00 น. วันที่ 14 เม.ย. ขณะนั้นตนอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากไปขายลอตเตอรี่ ที่พัทยา ลูกชายก็ถามว่า “แม่จะมาหาผมมั้ย” ซึ่งตนก็ได้บอกลูกไปว่าเหนื่อยและอยากจะกลับไปทำบุญที่บ้าน เมื่อถามว่าพลทหารอภินพมีความคิดทางการเมืองอย่างไร นางสิริมนต์ กล่าวว่า ไม่มี ลูกไม่ได้เป็นเสื้อสีใด อย่างไรก็ตามคนที่ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือในครั้งแรกไม่ใช่ฝ่ายการเมือง แต่เป็นผู้อาวุโสซึ่งเคยรับราชการทหารรายหนึ่ง ที่เมื่อมาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวแล้วสงสาร แต่ตนไม่ขอเปิดเผยชื่อ การที่ตนเก็บศพส่งชัน สูตรก็เป็นการตัดสินใจกันเองในครอบครัว เพราะ สังหรณ์ใจในสาเหตุการตายของลูก
รองผบช.น.สอบบ้านแม่ทัพ1
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก บช.น.ว่า เมื่อบ่ายวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. พร้อมพนักงานสอบสวน เข้าพบ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ภายในกรมทหารราบที่ 1 พร้อมสอบปากคำลงลึกในรายละเอียดทางคดี ช่วงก่อนและหลังที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ จะเข้าพักในบ้านหลังดังกล่าว พร้อมสอบสวนพลทหารที่อยู่ในบ้านพักอีก 2 นายอย่างละเอียด โดยมีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุเก็บลายนิ้วมือเส้นผมผู้ตายและเก็บหลัก ฐานประกอบสำนวนคดี โดยดำเนินการในทางลับ
ด้าน พล.ท.คณิต ให้ความร่วมมือในการสอบปากคำด้วยดี พร้อมยืนยันให้รายละเอียด ข้อเท็จจริงต่าง ๆ กับพนักงานสอบสวน เพื่อคลี่คลายความสงสัย และยืนยันว่า ไม่มีใครทำร้าย พลทหารอภินพจนเสียชีวิต ยินดีให้ข้อมูลกับตำรวจเต็มที่ เพราะท่านเองก็เพิ่งสูญเสียลูกชายไปจากอุบัติเหตุเมื่อ 3 เดือนก่อน พร้อมระบุ วันเกิดเหตุมีทหารที่ดูแลบ้านรวม 3 นาย และทุกคนยืนยันว่า พลทหารอภินพลื่นหกล้ม แต่เจ้าตัวบอกไม่เป็นไรจึงไม่ได้นำส่งโรงพยาบาล ซึ่งจากการสอบปากคำพลทหารในบ้านอีก 2 นายก็ให้การที่ตรงกัน
ขณะเดียวกัน ได้ส่งพนักงานสอบสวน อีกชุด ไปสอบปากคำ นางสิริมนต์ มารดา พลทหารอภินพ ในประเด็นข้อความที่บุตรชายโทรศัพท์มาบอกว่า นายกฯ และนายสุเทพ มาพักที่บ้านดังกล่าวว่า มีคำพูดใดที่บ่งบอกเป็นข้อพิรุธต้องสงสัย ว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับบุตรชายหรือไม่ โดยนางสิริมนต์ ยืนยันว่าไม่ติดใจอะไร กับการเสียชีวิตของบุตรชาย และไม่เชื่อว่าจะมีการทำร้ายอย่างที่เป็นข่าว เพราะระหว่างพูดคุยบุตรชายก็คุยตามปกติไม่ได้บอกว่ากำลังอยู่ในอันตรายหรือ มีคนมาทำร้ายแต่อย่างใด เป็นเรื่องของตำรวจที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายไม่ได้เรียกร้องใด ๆ
“เทพไท”แฉแผนเสื้อแดง
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเปลี่ยนกลยุทธ์การต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ระบุว่าจะไม่อิงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่จะมาชูคนบ้านเลขที่ 111 เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายภูมิธรรม เวชยชัย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และนายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ แทน เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ในอดีตเคยผ่านการต่อสู้ เป็นทหารป่ามาก่อน และจะต่อสู้ทุกรูปแบบทั้งแบบกองโจร จรยุทธ์ หรือจับอาวุธขึ้นต่อสู้ ถือเป็นการทำตามแผนตากสิน จึงชัดเจนแล้วว่าเป็นความต้องการที่จะมีการใช้ความรุนแรงเปลี่ยนโครงสร้าง ของสังคมไทยเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
นายเทพไท กล่าวพร้อมกับชูภาพ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ที่แต่งเครื่องแบบพลพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) โดยระบุว่า เป็นเรื่องที่ชัดเจนที่สุด ที่นายสุรชัย แต่งชุดทหารป่า ประดับดาวแดงเต็มยศเข้ามอบตัว เพื่อสู้คดีจากเหตุการณ์จลาจลช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมากับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ที่ จ.นครศรีธรรมราช ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า เป็นกระบวน การคอมมิวนิสต์หลงยุคที่สังคมไทยยอมรับไม่ได้
เสื้อแดงบุกรอยัลคลิฟมอบตัว
ที่ จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 11.00 น. แกนนำกลุ่ม นปช.ที่บุกล้มการประชุมอาเซียน ซัมมิท ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ทพัทยา ประกอบด้วย 1.นายนิสิต สินธุไพร 2.นายสำเริง ประจำเรือ 3.นายนพพร นามเชียงใต้ 4.นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ 5.นายสมญศฆ์ พรมมา 6.นาย สิงทอง บัวชุม 7.นายธนกฤต หรือวันชนะ ชะเอมน้อย หรือเกิดดี 8.นายวรชัย เหมะ 9.พ.ต.อ.สมพล รัฐกาญจน์ 10.นายพายัพ ปั้นเกตุ 11.พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ 12.นายธรชัย ศักมังกร 13.นายศักดา นพสิทธิ์ 14.นายวัลลภ ยังตรง และ 15.นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง ส่วน นางศิริวรรณ์ นิมิตรศิลปะ ไม่ได้มามอบตัว ทั้งหมดได้ทยอยเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาการ ผบช.ภ.2 หลังศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับ โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดง 200 คน นำรถเครื่องขยายเสียงและดอกไม้มาให้กำลังใจ โดยมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยดูแลรักษาความปลอดภัยกว่า 100 นาย นอกจากนั้นยังมี นายนที สุทินเผือก หรือกรุง ศรีวิไล ส.ส.สมุทรปราการ เขต 2 นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ เดินทางมาให้กำลังใจ อีกด้วย ต่อมา นายนที สุทินเผือก นายสมคิด บาลไธสง และนายสุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี ได้ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวแกนนำ 3 คน ส่วนที่เหลือใช้เงินสดคนละ 5 แสนบาท ประกันตัวออกไป
ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 13.30 น. นายมานะพันธุ์ ไพบูลย์ หรือดีเจ ป.เป็ด อายุ 40 ปี นายไพบูลย์ ชูชัย หรือ ดีเจลุงบุญ อายุ 49 ปี แกนนำกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ ที่ถูกตำรวจออกหมายจับ ได้เข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท. สามารถ บุญตันสา พงส.สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยมี นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ใช้ตำแหน่งขอประกันตัวทั้งสองคนออกไป โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 30 คนนำดอกไม้มาให้กำลังใจด้วย
“ทักษิณ”ออกแถลงการณ์
นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เผยแพร่แถลงการณ์ของพ.ต.ท. ทักษิณ ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษไปยังสื่อมวลชน เนื้อหาระบุว่า “ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและกลไกของรัฐบาล ได้พยายามที่จะโยนความผิดให้ผมสำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในระหว่างการ ประท้วงในทางการเมืองในประเทศไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยิ่งกว่านั้น ผมถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมว่าเป็นผู้สนับสนุนและเห็นด้วยกับการใช้ความ รุนแรงเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง ก่อนอื่น ผมขอปฏิเสธข้อกล่าวหาข้างต้นอย่างสิ้นเชิง ตลอดชีวิตของผม ผมเคารพในสันติวิธี เสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ผมทำในสิ่งที่ผมพูด แม้ว่าผมได้ให้กำลังใจกระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ตลอดหลายสัปดาห์ที่ ผ่านมา ผมได้เรียกร้องให้พี่น้องประชาชนชาวไทยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผ่านทางวิดีโอและทางโทรศัพท์ ผมได้ย้ำตลอดมาว่า การเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ต้องเป็นไปด้วยสันติ และกระบวนการต่อสู้ของประชาชน จะไม่ใช้ความรุนแรง พี่น้องประชาชน นับหมื่นนับแสนได้ตอบสนองข้อเรียกร้อง และได้พากันชุมนุมประท้วงอย่างสงบและสันติเป็นเวลาหลายสัปดาห์เพื่อเรียก ร้องให้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมาสู่ประเทศไทย
ผมขอเรียนย้ำต่อพี่น้องชาวไทยว่าการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของเรา จะต้องไม่ใช้วิถีของความรุนแรง ผมไม่สามารถสนับสนุนการใช้ความรุนแรง ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า เราจะไม่ใช้อาวุธในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิป ไตย เราต้องสร้างอนาคตของพวกเราผ่านความเข้มแข็งทางความคิดและหลักการอันถูกต้อง ของพวกเรา และพวกเราต้องอดทนและวางเฉยต่อการยั่วยุต่าง ๆ จากทางภาครัฐ ผมขอเรียกร้องให้คนไทยที่รักสันติทุกคนให้ผนึกกำลังเพื่อบรรลุถึงความ ปรองดองของคนในชาติและประชาธิป ไตยที่แท้จริง ตามที่ผมเคยพูดไว้เราได้ถอยหลังจากการเผชิญหน้าไปหนึ่งก้าว และเราจะไม่ยอมยุติการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชา ธิปไตยของไทย แม้เราถูกหยุดยั้งโดยภาครัฐงานของพวกเราก็จะไม่หยุด เพราะเราเชื่อมั่นว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้นคือการต่อสู้เพื่อสิ่ง ที่ถูกต้อง และในท้ายที่สุดนี้ ผมมีความมั่นใจว่าพลังของพี่น้องประชาชนจะต้องชนะและมีชัยด้วยแนวทางสันติ”
ทำประชาพิจารณ์วิทยุชุมชน
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะทำงานด้านวิทยุกระจายเสียงชุมชน กล่าวว่า ในวันที่ 11 พ.ค.นี้จะเปิดรับฟังความคิดเห็นทางสาธารณะ หรือการจัดทำประชาพิจารณ์ ร่างประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เรื่อง ร่างหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตประกอบกิจการบริการชุมชนชั่วคราว (วิทยุกระจายเสียงชุมชน) และร่างมาตรฐานทางเทคนิคกิจการบริการชุมชน เมื่อรับฟังความคิดเห็นแล้ว ในวันที่ 20 พ.ค.นี้จะนำร่างหลักเกณฑ์ฯที่ปรับปรุงเสร็จเข้าที่ประชุม กทช. เพื่อออกเป็นประกาศ หลังจากนั้นจะเปิดให้วิทยุชุมชนกว่า 5,000 แห่งลงทะเบียนภายใน 30 วันนับจากวันประกาศใช้ร่างประกาศดังกล่าว ซึ่งระหว่างที่วิทยุชุมชนรอใบอนุญาตชั่วคราวซึ่งมีอายุ 1 ปี วิทยุชุมชนเหล่านั้นจะอยู่ในสถานะผู้ทดลองออกอากาศ ซึ่งปัจจุบันวิทยุชุมชนกว่า 5,000 แห่งถือเป็นวิทยุชุมชนเถื่อน ไม่มีกฎหมายรองรับ
พ.อ.นที กล่าวว่า การพิจารณาให้ใบอนุญาตชั่วคราวแก่วิทยุชุมชนจะดำเนินการไปพร้อม ๆ กันระหว่างผู้ที่ออกอากาศวิทยุชุมชนอยู่แล้ว กับผู้ที่ยื่นความจำนงเพื่อขอออกอากาศ ซึ่งปีแรกจะสามารถออกใบอนุญาตวิทยุชุมชนได้ประมาณ 100 ราย ส่วนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตวิทยุชุมชนอยู่ที่ 500 บาทต่อปี โดยวิทยุชุมชนที่ไม่มาลงทะเบียนภายใน 30 วันนับจากวันที่ประกาศใช้หลักเกณฑ์จะเป็นผู้ที่ไม่มีกฎหมายรองรับ เมื่อมีผู้ร้องเรียนว่าเป็นผู้กระทำความผิด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถใช้กฎหมายที่มี อยู่จัดการได้ทันที ซึ่งวันที่ทำประชาพิจารณ์ผู้ประกอบการวิทยุชุมชนสามารถเข้าร่วมแสดงความคิด เห็นได้ตั้งแต่เวลา 09.30-16.30 น. ที่ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต
ปลัดกต.รอหมายจับ“จักรภพ”
นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว นายจักรภพ เพ็ญแข ว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะต้องรอหมายจับจากทาง สตช. ก่อน ถึงจะดำเนินการหาแหล่งที่อยู่ของ นายจักรภพ ในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ถ้ามีการพำนักอยู่ที่ประเทศไลบีเรียจริง ก็คงเป็นปัญหา เนื่องจากประเทศไลบีเรียไม่มีสถานเอกอัครราชทูตไทย ซึ่งถ้าทราบว่าอยู่ที่ไหน เราก็พร้อมที่จะไปประสาน ยอมรับว่าในขณะนี้ยังไม่มีรายงานชัดเจนว่าทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพนั้นอยู่ที่ไหน อย่างไรก็ตามประเทศส่วน ใหญ่ยังไม่มีการห้ามคนของเขาเข้ามาเที่ยวประเทศไทย เพียงแต่เตือนให้ระมัดระวังตัว เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย ว่าในเมื่อสถานการณ์ยังไม่แน่นอนและขอให้หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ใช้ในการ ชุมนุม ซึ่งขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปยังสถานทูตไทยและสถานกงสุลต่าง ๆ ทั่วโลก ให้สร้างความมั่นใจ และเมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ สงบลงแล้ว เชื่อว่าต่างประเทศเองก็รอดูสถาน การณ์ไปสักระยะ จากนั้นก็คงเข้าสู่ภาวะปกติ.
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment