นายกฯ”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หวังรัฐสภาเป็นทางออกให้ผ่านวิกฤติชาติได้ หวั่นหากขัดแย้งจะล้มเหลวทุกฝ่าย ลั่นจะใช้พรก.ระยะสั้นสุด ย้ำการดำเนินการสลายม็อบเสื้อแดงโปร่งใส
(22เม.ย.) เวลา 10.20 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา ว่า ตลอดเวลารัฐบาลเห็นว่าความแตกแยกทางความคิด เป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย ซึ่งการแสดงออก ถือเป็นสิทธิ เสรีภาพที่ทุกฝ่ายต้องเคารพและรัฐบาลได้ยึดปฎิบัติมาตลอด โดยจะเห็นว่าการชุมนุมเรียกร้องของประชาชนมีมาหลายครั้งตั้งแต่เดือนมกราคม กุมภาพันธ์และมีนาคม ซึ่งรัฐบาลก็เคารพในเสรีภาพนั้น แต่เมื่อต้นเดือนเมษายน สิ่งที่ต้อนอมรับคิด สถานการณ์การชุนนุมเปลี่ยนแปลงไปโดยแกนนำผู้ชุมนุมได้เปลี่ยนแปลงการชุมนุม ใช้ความรุนแรงมากขึ้น
ซึ่งปรากฏชัดตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.ถึงวันที่ 13 เม.ย.มีทั้งการเข้าบุกสถานที่จัดประชุมอาเซียนซัมมิท การเข้าไปปิดล้อมศาลสถานที่ราชการและมีการตั้งค่าหัวไล่ล่าคนในรัฐบาล หากปล่อยให้ดำเนินการแบบนี้ต่อไปความเป็นนิติรัฐก็สิ้นสุด เพราะเป็นการแสดงออกที่ผิดกฎหมายและใช้ความรุนแรง ตนจึงได้หารือในคณะรัฐมนตรีและได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในวันที่ 12 เม.ย.ที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งตลอดคืนวันที่ 12 เม.ย.ได้มีการประเมินสถานการณ์โดยตลอดและซักซ้อมความเข้าใจ
นายกฯกล่าวว่าในการประกาศ พรก.ในสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งทางการเมือง แต่เพื่อนำพาบ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ ปกป้องประเทศเราเป็นประเทศที่ปกครองด้วยกฎหมายซึ่งการปฎิบัติงานต่างๆเรา เข้าใจดีว่าอาจเกิดการปะทะได้ตลอดเวลา แต่รัฐบาลก็ยึดความโปร่งใสและพยายามให้เกิดการสูญเสียต่อร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนซึ่งในการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ให้สื่อสาร มวลชนไปสังเกตการณ์โดยตลอด โดยในเช้ามืดวันที่ 13 เม.ย.ที่สามแยกดินแดน เราได้เปิดโอกาสให้ตรวจว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือชิวิตหรือไม่ ซึ่งฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายบริหารสาธารณะได้ให้ข้อเท็จจริง ตนได้ตรวจสอบว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ ในที่สุดสถานการณ์ก็ได้คลี่คลายโดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยุติการชุมนุมเมื่อวัน ที่ 14 เม.ย.
นายกฯ กล่าวต่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดทำโดยเปิดเผยโปร่งใสตามนโยบายที่ได้มอบให้และมี การจับกุมเฉพาะบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการยุยงส่งเสริมให้คนทำผิดกฏหมาย เท่านั้นเพราะเชื่อว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดพบว่ามี่ผู้เสียชีวิต 2 รายเกิดจากการปะทะของผู้ชุมนุมกับประชาชนที่นางเลิ้ง ไม่ใช่เป็นการปฎิบัติการของเจ้าหน้าที่ซึ่งพวกเราก็รู้สึกเสียใจกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน 6 ราย เป็นทหาร 4 นาย และประชาชน 2 ราย จากการตรวจสอบกระสุนปืนไม่ใช่อาวุธที่เจ้าหน้าที่ใช้คลี่คลายในสถานที่ตาม จุดต่างๆ ส่วนที่บอกวามีการพบ2 ศพที่แม่น้ำเจ้าพระยา จากการตรวจสอลบพบว่าบุคคลทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ในคือวันที่ 13 เม.ย.และจากการสอบสวนยังพบว่าทั้งสองไม่ได้มีส่วนในการเข้าร่วมชุมนุมแต่ อย่างใด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนทราบดีว่า มีข้อสงสัยจากส่วนต่าง ซึ่งตนพร้อมให้ประชาชนและสมาชิกสอบถามซึ่งแนวทางของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่มี เรื่องที่จงใจจะใช้ความรุนแรงกับประชาชนและไม่ใช่เรื่องของการปราบปรามการ ชุมนุมแต่เพื่อให้เกิดความสงบ วันนี้ถือเป็นวันที่พวกเราจะต้องสร้างศรัทธาให้รัฐบาลและระบบการเมือง ต้องตัดสินใจว่าจะใช้สถาบันแห่งนี้เพื่อสมานแผลให้กับสังคม หรือจะให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งของสังคม ตนรู้ว่ามีคนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลและต่อต้านตนเป็นจำนวนมากก็ถือเป็นความคิด เห็นทางการเมืองโดยบริสุทธิ์ ตนจะรับฟังความคิดเห็นนี้ รวมถึงข้อเรียกร้องของประชาชน จึงเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฎิรูปการเมือง เชื่อว่าวันนี้จะมีความชัดเจนและยินดีที่จะให้ฝ่ายค้านและสมาชิกวุฒิสภาได้ ระดมความคิดก่อนจะนำมาเสนอ ตนขอเรียนว่ามีการดำเนินการของคนบางกลุ่มที่ไม่ต้องการให้ความขัดแย้งสิ้น สุดลง ก็เชื่อว่าคนไทยก็กลัวว่าจะมีการเสียชีวิตของคนไทยด้วยกัน
นายกฯ กล่าวต่อว่าดังนั้น หากมีข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์เพื่อให้รัฐบาลตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ยินดี ซึ่งสองสามวันที่ผ่านมาก็มีความเคลื่อนไหวของบุคคลบางกลุ่มเพื่อที่จะสร้าง เงื่อนไขของสถานการณ์บ้านเมืองไปอยู่ในช่วงก่อนสงกรานต์ หากคนที่มีใจรักประชาธิปไตย คงไม่คิดอ่านแบบนี้ เพราะจะเป็นการสุ่มเสี่ยงให้เกิดการเสียเลือดเนื้อของประชาชนและสุ่มเสี่ยง ที่จะทำให้เราเสียระบอบประชาธิปไตย เพราะมีการให้สัมภาษณ์ของบุคคลต่อสื่อต่างประเทศ เพื่อขยายความขัดแย้งเพิ่มเติม พร้อมบอกว่าการชุมนุมจะเปลี่ยนรูปแบบโดยมีการพูดถึงการใช้อาวุธและความ รุนแรง ตนจึงขอให้ประชาชนได้ปฎิเสธแนวทางนั้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากให้มีการแสดงอกในการประชุมรัฐสภาร่วมหาทางออกเพื่อให้สามารถเดินต่อไป ได้ เพราะวันนี้ไม่มีใครชนะ นอกจากประชาชนและระบอบประชาธิปไตย ถ้าหากการประชุมรัฐสภาสองวันนี้เกิดความขัดแย้งขึ้น ตนก็เกิดความเป็นห่วงว่า จะเกิดความล้มเหลวของทุกฝ่าย
รัฐบาลตระหนักดี ในการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินฯแต่จะใช้บังคับในระยะเวลาที่สั้นที่สุด โดยได้ปรึกษากับหน่วยงานด้านความมั่นคงและผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระ ทบอย่างรุนแรงและรัฐบาลจะพยายามสร้างให้เกิดความมั่นใจในการประกาศยกเลิก พรก.โดยเร็วที่สุด แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจขอเวลาในระยะสั้นๆในการจัดการก่อน หากจะนับวันก็นับได้เลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นนายเจริญ จรรย์โกมล ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายและตั้งคำถามว่าเหตุใดขณะนี้สถานการณ์สงบแล้วแต่ยังไม่มีการยก เลิกพ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งได้มีการสอบถามเรื่องการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อน้ำเงิน โดยนายกฯชี้แจงว่า ที่รัฐบาลยังไม่ประกาศยกเลิกพ.ร.ก.เนื่องจากขณะนี้ทุกอย่างยังไม่สิ้นสุดยัง มีแกนนำของกลุ่มผุ้ชุมนุมบางคนยังไปให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการเคลื่อนไหวโดยใช้ อาวุธ ซึ่งตนก็ให้เจ้าหน้าที่ไปพูดคุยทำความเข้าใจ ซึ่งการเคลื่อนไหวและชุมนุมสามารถทำได้แต่ต้องทำโดยสงบตามรัฐธรรมนูญก็จะ ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องที่มีการนำมวลชนเสื้อน้ำเงินมานั้น ตนก็ได้มีการหารือเรื่องนี้กันในคณะรัฐมนตรีและได้มอบนโยบายไปว่าไม่ควรให้ เกิดปัญหามวลชนในการใส่สีเสื้อไม่ควรมี่อีก และให้มีการรณรงค์ของกระทรวงหมาดไทยให้ประชาชนใส่เสื้อได้ทุกสี ส่วนเรื่องที่มีการระบุว่ามีคนเสียชีวิตในการดำเนินของรัฐบาลนั้นหากมี ข้อมูลก็ขอให้ส่งมาเพื่อที่จะร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
Wednesday, April 22, 2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment