หลงคารม'แม้ว'ลุ้น'สนธิ'เปิดใจนาทีเฉียดตาย!
"มาร์ค"งัดไม้แข็ง ขู่เล่นงานเด็ดขาด ใครคิดเคลื่อนไหวนอกกรอบ มั่นใจต่างชาติไม่หูเบาหลงคารม“ทักษิณ” ร่อนแถลงการณ์ “เตีย บันห์” อ้าง อดีตนายกฯ ไทย ไม่ได้กบดานฝั่งเขมร “เทพเทือก” เมินม็อบเสื้อแดง เหน็บเลิกสนใจแล้ว ขอเดินหน้าจัดงานวันฉัตรมงคล “5 พ.ค.” เชิญชวนชาวไทยร่วมเฉลิมพระเกียรติ “ชวรัตน์” เชื่อคนมาไม่ต่ำกว่า 3 แสน “สมาคมนักข่าวฯ” จัดทำปฏิญญาประชาชน รณรงค์หยุดทำร้ายประเทศ ขณะที่สภาพัฒน์ ระบุ “จลาจลสงกรานต์” รายได้ท่องเที่ยวเจ๊งนับแสนล้าน “จตุพร” เดือดเจอท้าแสดงความกล้ามอบตัว โต้ทันควันนายกฯยังใช้เอกสิทธิ์ได้ ส่วนแกนนำ นปช.นัดชุมนุมที่ลพบุรี ลุ้นระทึก “สนธิ” เปิดใจนาทีเฉียดตาย แนวโน้มจะบินออกนอกประเทศ ไปปลีกวิเวกชมพูทวีป อ้างไม่หนีแต่พลิกเกมต่อสู้เท่านั้น ส่วนคดีทหารเกณฑ์ดับ “บิ๊กกลาโหม” ยันให้เป็นไปตามกฎหมาย “ธานี” รับหน้าเสื่อไขปมปริศนาอีก
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 29 เม.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษกว่า ในช่วง 2-3 วันนี้ขอเชิญชวนประชาชนให้เตรียมตัวไปร่วมงานดังกล่าวที่จะจัดขึ้นพร้อมกัน ที่ศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศในช่วงเวลา 17.00-24.00 น. ส่วนที่กรุงเทพมหานครนั้นจัดกิจกรรมวันที่ 5 พ.ค.ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนราชดำเนินไปจนถึงท้องสนามหลวง การจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่คนไทยจะได้แสดงความจงรักภักดีซึ่งเป็น ศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัย นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่มีใครจะมาก่อความวุ่นวายทำอันตรายใครหรือก่อเหตุใดๆ อย่างไรก็ตามเพื่อความไม่ประมาทก็มอบหมายให้ทางตำรวจเป็นกำลังหลักในการดูแล รักษาความ ปลอดภัย และสามารถขอกำลังจากทหารมาเพิ่มได้ตลอดเวลา
“สุเทพ”ไม่สนเสื้อแดงรวมตัว
นอกจากนี้นายสุเทพ ยังให้สัมภาษณ์ถึงข้อคิดเห็นของเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ระบุ ว่า การออกพ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะน่าจะเป็นไปไม่ได้ โดยปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า วันนี้ขอพูดเรื่องการจัดงานในวันที่ 5 พ.ค.อย่างเดียวดีกว่า ส่วนเรื่องอื่น ๆ เก็บไว้ก่อน เพราะถือว่างานนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกเรื่อง ผู้สื่อข่าวถามว่าในสัปดาห์หน้ากลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่จะส่งผลกระทบ ต่อการจัดงานในวันที่ 5 พ.ค. หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า “ผมยิ่งไม่สนใจใหญ่เลย เพราะต้องการเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมงานในวันที่ 5 พ.ค. เท่านั้น”
นายกฯขู่อย่าเล่นนอกเกม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯยังเคลื่อนไหวโจมตีรัฐบาลว่า คิดว่าต่างประเทศเขาเข้าใจเราพอสมควรและเราก็พร้อมให้ความจริงกับนานาประเทศ ต่อไป เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับแถลงการณ์ที่จะต่อสู้ต่อไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายกฯตอบว่า ตนเห็นว่าไม่ค่อยสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา อย่างที่บอกว่ายังมีคนเคลื่อนไหวต่อไปมันมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช.ก็บอกว่าจะเคลื่อนไหวต่อไปแต่คนหนึ่งบอกว่าจะบอกว่าสันติอีกคนบอก ว่าจะจับอาวุธ ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวใดที่เคลื่อนไหวโดยสงบและสันติก็สามารถดำเนินการได้ แต่ถ้าการเคลื่อนไหวใดอยู่นอกกรอบนี้รัฐบาลก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดและ ตนเชื่อว่าสังคมจะสนับสนุนให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเด็ดขาด
ขอประเมินก่อนลงพื้นที่ตจว.
ต่อข้อถามว่าประเมินการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงอีกครั้งในสัปดาห์หน้า อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็เพิ่งทราบว่ามีการนัดการชุมนุมเดิมที่ทราบว่าจะไปชุมนุมในพื้นที่ต่าง จังหวัดก่อน แต่รัฐบาลก็จะติดตามและประเมินสถานการณ์อีกครั้ง เมื่อถามอีกว่าการที่แกนนำนปช. ที่เพิ่งได้รับการประกันตัวแล้วจะไปร่วมเคลื่อนไหวด้วยจะมีปัญหาหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เขาจะต้องไม่ทำอะไรที่ผิดเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้ ส่วนช่วงปิดสมัยประชุมสภาจะลง พื้นที่พบปะประชาชนหรือไม่นั้นยังมีเวลาอีก 1 เดือน แล้วค่อยประเมินอีกครั้ง
“เทพไท”อัด“แม้ว”บิดเบือน
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แถลงการณ์เรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยสันติวิธีว่า อยากถามว่าความหมายของคำว่า “สันติวิธี” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ คืออะไร หรือคือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยประกาศต่อสู้เคลื่อนไหวใต้ดิน การประกาศว่านายกฯและรัฐบาลลงพื้นที่จะมีการไล่ล่าตัวหรือการที่นายจักรภพ ประกาศจับอาวุธขึ้นสู้กับอำนาจรัฐนั่นหรือคือแนวทางสันติวิธี นอกจากนี้ยังมีหลายประเด็นที่คลาดเคลื่อน ขณะนี้ตนได้ให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ รวบรวมการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่วันที่ 6-13 เม.ย. ซึ่งมีการโฟนอินมากกว่า 10 ครั้ง จากการแกะเทปสรุปเบื้องต้นเห็นได้ว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายกว่า 56 ประเด็น
“มท.1”โยนไม่เกี่ยวเสื้อน้ำเงิน
ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว. มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ถูกพรรคเพื่อไทยแจ้งความดำเนินคดี รวมถึงนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยว่าอยู่เบื้องหลังกลุ่มเสื้อน้ำเงินที่ก่อ ความรุนแรงว่า ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตน รวมทั้งนายบุญจง นายเนวิน หรือนาย สุเทพ รองนายกฯก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งตนพร้อมจะชี้แจงในทุกข้อกล่าวหาไม่หนักใจกับข่าวที่ออกมา สำหรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงสัปดาห์หน้าให้เป็นเรื่องของตำรวจเพราะมี ประสบการณ์อยู่แล้ว ส่วนกรณีที่กระทรวงมหาดไทยจัดงานในวันที่ 5 พ.ค.นี้เพื่อแสดงความจงรักภักดีปกป้องสถาบันเพราะเป็นวันฉัตรมงคล ตนเชื่อว่าจะมีคนมาชุมนุมมากถึง 300,000 คน
“เตีย บันห์” ปัดให้พาสปอร์ต
ขณะเดียวกัน พล.อ.เตียบันห์ รองนายกฯ และรมว.กลาโหมกัมพูชา ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯไทยได้รับพาสปอร์ตจากประเทศกัมพูชาในการหลบหนีเข้าประเทศว่า ไม่มีกัมพูชาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ได้หลบเข้ามาอยู่บริเวณเกาะกง พล.อ. เตีย บันห์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่ว่าจะเป็นเกาะกงหรือเกาะอื่น ๆ ของกัมพูชาก็ไม่มี เพราะพ.ต.ท. ทักษิณ ไม่เคยเข้ามาในบริเวณประเทศกัมพูชา เมื่อถามถึงกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ มีปัญหาขัดแย้งกับสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มีการทำความเข้าใจหรือยัง พล.อ.เตีย บันห์ แสดงสีหน้าไม่สบายใจ ก่อนกล่าวว่า “เรื่องมันแล้วไปแล้ว ไม่มีอะไร”
ท้า “จตุพร” แสดงความกล้า
ส่วนที่รัฐสภา ภายหลังการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 30 เม.ย.นี้วิปรัฐบาลได้รับการประสานงานจากวิปฝ่ายค้านที่จะขอเลื่อน ระเบียบวาระที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ไปดำเนินคดีอาญาในคดีที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดงสร้างความวุ่นวาย กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นมาพิจารณา ก่อน ซึ่งวิปรัฐบาลเห็นว่าฝ่ายค้านเองควรต้องเป็นผู้เสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุม สภาเอง ส่วนที่ประชุมสภาจะพิจารณาอย่างไรก็แล้วแต่ ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์ก็จะปิดสมัยประชุมแล้วจึงเป็นเรื่องที่นายจตุพร จะต้องมาแสดงเหตุผล
“ตู่”โต้นายกฯยังใช้เอกสิทธิ์
ส่วนนายจตุพร ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ในฐานะ 1 ในแกนนำคนเสื้อแดงให้สัมภาษณ์ ก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงกรณีตำรวจทำหนังสือขอตัวไปดำเนินคดี ว่า วันนี้ตนไม่ได้กลัวอะไรเพราะตำแหน่ง ส.ส.ใช้ประกันตัวได้อยู่แล้ว จึงจะขอให้พรรคประชาธิปัตย์ยกมือให้เอาตนไปดำเนินคดีเลยและพรรคฝ่ายค้านไม่ ต้องช่วยตน เนื่องจากต้องการให้มีมาตรฐานว่าวันที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมเป็น เสียงข้างน้อยเมื่อมีกรณีอย่างเดียวกับตนสภาก็จะอนุมัติไปดำเนินคดี โดยตนต้องการพิสูจน์รัฐธรรมนูญว่าทำไมนายอภิสิทธิ์ นายกฯ และ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองตาม ม.131 ได้แต่ทำไมตนใช้ไม่ได้
ฉุนตร.ใช้มาตรฐานอะไร
นายจตุพร กล่าวต่อว่า มันมีอะไรดีกว่าผม เงินเดือน ส.ส.ก็เท่ากัน และคนอย่างผมเหรอจะขอความกรุณาพรรคประชาธิปัตย์ ชาติหน้าเถอะ ส่วนกรณีนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำพันธมิตรฯและพวกข้อเท็จจริงคือคนเหล่านั้นรอจน กระทั่งยื่นอุทธรณ์เพิกถอนหมายจับในคดีบุกรุกทำเนียบและการเป็นกบฏ เมื่อเอาคดีกบฏออกเหลือคดีบุกรุกทำเนียบ ส่วนคดีที่เหลือก็เหมือนกับที่พวกตนเจอ ปรากฏว่าตำรวจสน.นางเลิ้ง ให้ประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไขอะไร เมื่อได้รับการประกันตัวก็ไปเคลื่อนไหวในสถานที่ตัวเองบุกยึด นี่เหรอกระบวนการยุติธรรม ผมบอกว่าตำรวจใช้มาตรฐานอะไรคิดว่าปิดปากด้วยหมายจับแล้วทุกคนจะหยุดหรือ
สศช.เผยภาครัฐเจ๊ง 220 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชุมครม.เศรษฐกิจ ได้รับทราบรายงานการประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ระหว่างวันที่ 8-14 เมษายน 2552 ตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดยสรุปว่าบริการสาธารณะของรัฐได้รับความเสียหาย อาทิ ความเสียหายต่อทรัพย์สินและการสูญเสียรายได้ของรถโดยสารประจำทางประมาณ 76 ล้านบาท การสูญเสียรายได้ของการให้บริการรถไฟประมาณ 12 ล้านบาท การสูญเสียรายได้จากการให้บริการทางด่วนประมาณ 3 ล้านบาท การสูญเสียรายได้จากการยกเลิกเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารทางอากาศประมาณ 10 ล้านบาท ความเสียหายต่อทรัพย์สินและการสูญเสียรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการ ไฟฟ้าประมาณ 118 ล้านบาทและความเสียหายต่อทรัพย์สินของบริษัททีโอทีประมาณ 1.19 แสนบาท รวมมูลค่ากว่า 220 ล้านบาท
รายได้ท่องเที่ยวลดแสนล้าน
นอกจากนั้นยังคาดว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องในภาคการท่องเที่ยวของ ประเทศโดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 2552 จะลดลงประมาณ 877,474 คน เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2551 และคาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2552 จะลดลงประมาณ 102,385 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2551 ซึ่งรัฐบาลจะได้กำหนดมาตรการบรรเทาปัญหาและเร่งรัดการสร้างภาพลักษณ์และความ เชื่อมั่นกับต่างประเทศต่อไป
รณรงค์หยุดทำร้ายประเทศ
ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการสมาคมนักข่าวฯ เปิดเผยว่า เนื่องจากเครือข่าย หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรงได้จัดทำโครงการรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย ได้จัดทำปฏิญญาประชาชน “ไม่ทำร้ายประเทศไทย ไม่ใช้ความรุนแรง” ในวันจันทร์ ที่ 4 พ.ค. ณ บริเวณอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 (ด้านหน้าสวนลุมพินี) ซึ่งจะเดินรณรงค์ไปตามถนนย่านสีลม โดยได้นัดหมายให้ประชาชนที่เห็นด้วยกับแนวทางของเครือข่ายฯ มาพร้อมกันตั้งแต่เวลา 08.00-10.00 น. เพื่อเผยแพร่ปฏิญญาประชาชนให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ด้วย
จัดทำปฏิญญาประชาชน
สืบเนื่องจากจากประชาชนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของชาติมีความเห็นพ้องต้องกันว่า ความขัดแย้งแบ่งฝ่าย แบ่งสีที่เกิดขึ้นอันนำไปสู่ความรุนแรงที่ผ่านมา ได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่ภาพลักษณ์ของชาติในทางระหว่าง ประเทศ ทั้งยังเป็นเหตุสำคัญที่ซ้ำเติมเศรษฐกิจซึ่งมีปัญหาจากเศรษฐกิจโลกอยู่แล้ว ให้ทรุดหนักลงไปอีก นอกจากนั้นความขัดแย้งรุนแรงทางการเมืองนี้ก็ยังสร้างรอยร้าวทางสังคมลึกลง ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ จนถึงในครอบครัวหากปล่อยให้เหตุการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ สังคมไทยก็จะแตก เป็นเสี่ยง ทั้งยังอาจเกิดสงครามกลางเมืองที่คนไทยลงมือเข่นฆ่าคนไทยด้วยกันเองนำความ พ่ายแพ้ สูญเสียยับเยินมาสู่คนไทยทุกคนทั้งชาติ ดังนั้นจึงได้ร่วมกันประกาศปฏิญญาประชาชน “ไม่ทำร้ายประเทศไทย ไม่ใช้ความรุนแรง”
วอนร่วมลงชื่อสนับสนุน
โดยมีข้อเรียกร้อง 8 ข้อ อาทิ ให้ทุก ฝ่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรง ทั้งทางกาย ทางวาจา, ให้คู่กรณีที่ขัดแย้งกันหาทางออกความขัดแย้งนี้โดยสันติวิธี, ให้ยุติการจาบจ้วงสถาบัน ยุติการใช้สถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อประโยชน์ทางการเมืองส่วนตน, ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทำหน้าที่ของตนเองตามกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายต้องเป็นไปด้วยความเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติมีมาตรฐานเดียว , ให้สื่อมวลชนรักษาจรรยาบรรณ ละเว้นการแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่สร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหมู่ ประชาชนด้วยกันเอง และขอให้ประชาชนทุกคนซึ่งมีความรักชาติที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ลงชื่อผู้ สนับสนุนส่งไปยังบุคคลทุกฝ่ายที่กำลังขัดแย้งกัน
“ธานี”คุมคดีทหารเกณฑ์ดับ
ขณะเดียวกันกรณีการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ เครือสุข ภายในบ้านพักของพล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่ยังจบไม่ลงนั้นจนทางนายสุเทพ รองนายกฯ สั่งการให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้ให้ได้ความจริง ความคืบหน้าเรื่องนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ได้มอบหมาย ให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. (ปป2) พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป2) ซึ่งรับผิดชอบกองบัญชาการตำรวจนครบาล ไปควบคุมติดตามคดีการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ หลังจากที่หลายฝ่ายยังเกิดข้อกังขาว่าสาเหตุการเสียชีวิตนั้นมาจาก อุบัติเหตุหรือถูกฆาตกรรม โดยการสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้ทาง บช.น. ประสานงานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ กับสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ และกอง พิสูจน์หลักฐาน สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านหยิบยกประเด็นพลทหารเสียชีวิตในบ้านพักรับรอง แม่ทัพภาคที่ 1 ว่า ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย ซึ่งต้องสืบสวนสอบสวนกันไป ไม่มีปัญหาอะไร ต้องว่ากันตามกฎหมาย
เลื่อนสั่งคดี “จักรภพ-สนธิ”
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิ เษก นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา พร้อมด้วยนายธำรงศักดิ์ หงษ์ขุนทด เลขานุการ แถลงความคืบหน้าคดีนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช. ผู้ต้องหา คดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษมีถ้อยคำเข้าข่ายดูหมิ่นสถาบัน ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 50 ว่า อัยการนัดฟังการสั่งคดีวันนี้ แต่ผู้ต้องหาได้ส่งทนายความขอเลื่อนนัดอ้างว่าติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ ซึ่งอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าคดียังอยู่ระหว่างการสั่งคดี ทั้งผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและคณะทำงานอัยการเองได้สั่ง ให้พนักงานสอบสวนไปสอบเพิ่มเติมบางประเด็นเกี่ยวกับการแปลภาษาจาก มหาวิทยาลัย 2 แห่ง จึงอนุญาตให้เลื่อนฟังการสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 15 มิ.ย.นี้เวลา 10.00 น.
ส่วนคดีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พันธมิตรฯ ผู้ต้องหาฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีนำคำปราศรัยจาบจ้วงสถาบันของนางดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล หรือดา ตอร์ปิโด มาเผยแพร่ซ้ำบนเวทีพันธมิตรฯ อัยการได้เลื่อนนัดสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 30 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. เนื่องจากนายสนธิ อยู่ระหว่างพักรักษาตัวหลังถูกลอบยิง
“สนธิ”เปิดใจเหตุลอบสังหาร
ขณะที่นายไพศาล มังกรไชยา ผู้ดำเนินรายการวิทยุ “ข่าวเด่นประเด็นร้อน” ทางสถานีวิทยุคลื่นความคิด FM.96.5 MHz อสมท ได้กล่าวทางรายการช่วงหัวค่ำ (วันที่ 28 เม.ย.) ที่ผ่านมา ถึงเรื่องการที่นายสนธิ แกนนำพันธ มิตรฯ เตรียมจะเปิดแถลงข่าวเบื้องหลังการถูกลอบสังหาร ในเวลา 12.30 น. วันที่ 1 พ.ค. ที่บ้านพระอาทิตย์ว่า ผู้ใกล้ชิดนายสนธิ ได้ บอกเล่าให้นายไพศาลฟังว่า นายสนธิ อาจเปิดใจได้ไม่มากเพราะจะเปิดเผยว่าเป็นฝีมือใครก็คงยังไม่ได้ เพียงแต่จะเล่าเหตุการณ์วันที่โดนลอบสังหารเท่านั้นว่า เหตุการณ์ในตอนนั้นเป็นอย่างไร ส่วนจะพูดเบื้องหลังคนสั่งการให้ลอบสังหารก็พูดไม่ได้ว่ามีสีหรือไม่มีสี แม้แต่เปิดเผยว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็คงพูดไม่ได้
จ่อบินปลีกวิเวกชมพูทวีป
นายไพศาล อ้างจากคำพูดผู้ใกล้ชิดนายสนธิต่อว่า ทั้งนี้การแถลงข่าวของนายสนธิ อาจเป็นการพูดเปิดใจครั้งสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปถึงท่าทีความเคลื่อนไหวของ พันธมิตรฯเสื้อเหลืองในระยะต่อไป และอาจมีความเป็นไปได้ว่า จะเป็นการเปิดใจครั้งสำคัญก่อนประเมินสถานการณ์ครั้งสุดท้ายก่อนตัดสินใจ ปลีกวิเวกซึ่งคราวนี้อาจไม่ใช่แค่ไปวัดป่าบ้านตาด อุดรธานี เท่านั้น แต่คงเดินทางไปต่างประเทศส่วนจะไปสั้นหรือยาวก็แล้วแต่การตัดสินใจ แต่เท่าที่ทราบอาจเดินทางไปจาริกแสวงบุญตามรอยพระพุทธเจ้าที่ประเทศเนปาล และอินเดีย แล้วก็อาจไปพำนักต่างประเทศในประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นระยะเวลาค่อนข้าง ยาวนาน
ชี้ไม่ได้ถอยแต่พลิกเกมสู้
อย่างไรก็ตาม นายไพศาลกล่าวว่า การที่นายสนธิ จะไปอยู่ต่างประเทศนานคงไม่มีผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพัน ธมิตรฯ เพราะแม้นายสนธิ จะไปอยู่ต่างประเทศที่ไหนก็สามารถวิดีโอลิงก์เข้ามาได้แบบเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ การเดินทางไปครั้งนี้นายสนธิ ต้องตัดสินใจต่อเหตุการณ์เฉพาะหน้าพอสมควร เพราะคงต้องคิดด้วยว่าคนที่เจอเหตุ การณ์หนัก ๆ มาแบบนี้แม้จะมีความแข็งแกร่งปานใด ก็อาจทบทวนความเคลื่อนไหว ซึ่งไม่ใช่การถอย แต่เป็นการพลิกแพลงการต่อสู้
พฐ.เร่งตรวจสอบปืนอาก้า
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สุพล พินิจชอบ ผบก.พฐ. กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบวิถีกระสุนเพื่อคลี่คลายคดียิงนายสนธิ แกนนำพันธมิตรฯว่า ขณะนี้ตำรวจทุกพื้นที่ที่พบอาวุธปืนต้องสงสัยได้ทยอยส่งมาตรวจพิสูจน์เปรียบ เทียบกับรอยกระสุนบนรถของนายสนธิ ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ธานี รอง ผบ.ตร. ล่าสุดมีการส่งอาวุธปืนอาก้ามาให้กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบ 3 กระบอกมาจากพื้นที่จ.ลพบุรี ระยอง และอุบลราชธานี สำหรับการตรวจสอบวิถีกระสุนในที่เกิดเหตุและวิถีกระสุนจากรถยนต์ของนายสนธิ ตอนนี้ตรวจไปได้ 90% เกือบเสร็จสิ้นแล้ว หากไม่มีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมทางกองพิสูจน์หลักฐานก็พร้อมที่จะส่งข้อมูล ทั้งหมดให้ พล.ต.อ.ธานี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายต่อไป
แกนนำนปช.ลั่นชุมนุมสันติวิธี
ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ห้องเพทาย โรงแรมรัตนโกสินทร์ ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นพ.เหวง โตจิราการ พร้อม ด้วยนายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) และพวกร่วมกันจัดแถลงข่าวแนวทางการเคลื่อนไหวต่อไปของกลุ่ม นปช. ยืนยันว่าจะยังคงร่วมมือกับเครือข่ายประชาชนทุกสาขาอาชีพจัดการชุมนุมด้วย สันติวิธีเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนการผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของคณะ กรรมการประชาชนเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (คปพร.) นอกจากนี้ยังขอให้รัฐบาลยุติการกระทำ ที่เป็นสองมาตรฐาน และขอให้คืนอุปกรณ์ทรัพย์สินของสถานีดีสเตชั่น วิทยุชุมชน โดยไม่มีเงื่อนไข
อย่างไรก็ดีทางแกนนำ นปช.ได้แจ้งงดการชุมนุมสัญจรใน จ.อุดรธานี วันที่ 2 พ.ค.นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการแทรกแซงและการเผชิญหน้า แต่จะนัดชุมนุมใหญ่ในวันเสาร์ที่ 9 พ.ค. บริเวณวงเวียนพระนารายณ์ จ.ลพบุรี ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การแถลงข่าววันนี้ทางแกนนำนปช. ยังได้เปิดวิดีโอที่สามารถบันทึกภาพคนเสื้อเหลืองที่เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ วุ่นวายหน้าปากซอยเพชรบุรี 5
“ผช.เสธ.ทบ.” เดินสายอีสาน
ส่วนที่ จ.เลย พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ผช.เสธ.ทบ และผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน (กอ.รมน.) เดินทางไปที่ห้องประชุมขุมทองวิไล มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย พบปะกับหัวหน้าหน่วยราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ประกอบการวิทยุชุมชนในพื้นที่ จ.เลย และจ.หนองบัวลำภู เพื่ออธิบายข้อเท็จจริงถึงการทำงานของทหารที่ได้เข้าสลายม็อบเสื้อแดงเมื่อ วันที่ 13-14 เม.ย. ที่ผ่านมา ยืนยันว่าไม่มีประชาชนเสียชีวิตแม้แต่คนเดียวจึงต้องการให้ผู้นำท้องถิ่นได้ เข้าใจและนำไปเผยแพร่บอกกับประชาชนได้อย่างถูกต้อง ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่ามีการพยายามปลุกแนวร่วมผกค.เก่านั้น ทางทหารไม่ได้นิ่งนอนใจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบตาม ขั้นตอน.
Wednesday, April 29, 2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment